ตอนที่ 272 หรงจิงชมเชย
ถึงเซียงฉือจะยังคิดถึงอดีต แต่ก็กลับมาตั้งใจเขียนเอกสาร นางเข้าใจเนื้อหางานของตนอย่างดียิ่ง
เพราะแคว้นเซียวจิ่งมีอาณาเขตกว้างขวางมีขุนนางท้องถิ่นมากมาย และมีขุนนางท้องถิ่นไม่น้อยที่ส่งเอกสารแสดงความจำนงผ่านมาเป็นลำดับขั้น
และในเอกสารก็มีคำพูดไม่เป็นแก่นสารอยู่มากซึ่งเป็นการเสียเวลาสำหรับหรงจิง เซียงฉือต้องขจัดข้อความที่ไม่จำเป็นในเอกสารทิ้ง เน้นเพียงเนื้อหาสาระทำการบันทึกไว้ข้างๆ แล้วให้ฮ่องเต้ทรงวินิจฉัย
ขุนนางข้างนอกเพียงรวบรวมจัดส่งเอกสารเข้ามา อย่างดีก็แค่คัดแยกส่วนงานบุ๋นกับบู๊ และแบ่งแยกตามพื้นที่
ส่วนเซียงฉือจำเป็นต้องอ้างอิงเรื่องตามที่กราบบังคมทูล แล้วแยกประเภทในรายงานให้ละเอียด เพื่อลดงานของหรงจิงลง
เซียงฉือเพิ่งอ่านจบและเข้าใจความหมายในรายงานนั้น
นางจรดพู่กันคัดเอกสารนั้นใหม่อย่างเรียบร้อย แล้วเลือกใจความสำคัญบันทึกลงด้านข้าง
“นายอำเภอชิงโจวเหยาจื้อถวายรายงานและมีความห่วงใยในพระพลานามัยของฝ่าบาท ทูลว่าระยะนี้มีโจรร้ายก่อกวนชาวบ้านในท้องที่ แต่กำลังของทางอำเภอมีจำกัดจึงได้ทูลขอพระราชวินิจฉัยว่าจะสามารถขอทางจื่อโจวให้เคลื่อนกำลังไปตั้งล้อมกวาดล้างได้หรือไม่”
เซียงฉือเขียนสรุปสาระสำคัญออกมาอย่างเรียบง่าย นางไม่ถนัดการแต่งแต้มสีสันแพรวพราว แต่จะรวบรัดกระชับใจความ นางเป่ากระดาษเบาๆ ให้หมึกแห้ง แล้วจึงนำรายงานกลับไปส่งให้หรงจิง
ก่อนเซียงฉือจะมาที่นี่ เหอจิ่นเซ่อได้สอนงานกับเซียงฉือแต่เพียงย่อๆ ตอนนี้นางจึงทำงานไปตามความเข้าใจของตัวเอง นางไม่รู้ว่านอกจากนางแล้ว ยังไม่เคยมีข้าราชสำนักสตรีคนใดที่ทำสรุปสาระสำคัญไว้ด้านข้างของรายงานมาก่อน นางทำไปโดยที่ไม่รู้
เมื่อส่งไปถึงเบื้องหน้าหรงจิง แวบแรกที่เห็นก็ถูกลายมือบรรจงราวปักของนางดึงดูดสายตา ใจของหรงจิงยินดียิ่งนัก และยิ่งตกใจระคนดีใจขึ้นเรื่อยๆ
เขายังไม่ทันได้เอ่ยปากชมลายมือของนาง ก็ได้เห็นกระดาษจดหมายแผ่นหนึ่งที่เซียงฉือใช้เขียนสรุปสาระใจความสำคัญแนบอยู่ ซึ่งทำให้หรงจิงรู้สึกทึ่งอย่างยิ่ง
เขาเงยหน้าขึ้นมองเซียงฉือ
“เจ้าเขียนสรุปสาระสำคัญนี้เองหรือใครสั่งให้เจ้าเขียน”
เสียงของหรงจิงไม่ได้เย็นชาแต่ก็ไม่ดุ เพียงแต่เซียงฉือยังคงมีความเกรงกลัวเขาอยู่จึงลนลานขึ้นมา มือที่ถือรายงานจึงสั่นน้อยๆ
นางไม่เข้าใจว่าตนเองทำอะไรผิด แต่ภายใต้สีหน้ากดดันของหรงจิง นางไม่กล้าปิดบังแม้แต่น้อย
“การสรุปสาระสำคัญนี้หม่อมฉันเป็นคนเขียนเองเพคะ หม่อมฉันเพียงคิดว่าเป็นงานที่หม่อมฉันสมควรทำ หรือว่าหม่อมฉันก้าวล่วงสิ่งใดเพคะ”
เซียงฉือไม่รู้ว่าตนเองทำพลาดตรงไหนจึงถูกหรงจิงถามขึ้นเช่นนี้
นางเอ่ยตอบแล้วหรงจิงก็หัวเราะฮ่าๆ เห็นเอกสารนั้นราวกับของล้ำค่า บรรจงอ่านอย่างปรุโปร่ง จากนั้นจึงเอ่ยว่า
“ทำได้ดีๆ ตัวหนังสือก็เขียนได้ดี”
“อวิ๋นเซียงฉือ เจ้าทำได้ดีมาก!”
เมื่อหรงจิงฟังนางพูดและสังเกตเห็นความกลัวของนางจึงตบบ่านาง จากนั้นก็หัวเราะเป็นการใหญ่กล่าวกับนางเช่นนั้น
เซียงฉือไม่รู้ตื้นลึกหนาบาง คิดว่าหรงจิงคงจะดีใจจึงได้หัวเราะตามขึ้นมา
ขณะนั้นซูกงกงยกถาดเข้ามาจากด้านนอก เมื่อเห็นภาพนั้นแล้วก็หรี่ตาจนเป็นเส้นตรง
“ฝ่าบาท เสวยน้ำแกงเม็ดบัวสักชามเถิดพ่ะย่ะค่ะ ตลอดบ่ายนี้ยังไม่ได้ทรงเสวยจริงจังเลย เสวยอะไรสักหน่อย กระหม่อมเห็นว่าน้ำแกงนี้น่าจะทำให้เจริญพระกระยาหารได้ดีจึงนำมาถวายพ่ะย่ะค่ะ”
ซูกงกงยิ้มแล้วส่งชามน้ำแกงใส่มือหรงจิง คิดว่าเขาดีใจเช่นนี้คงจะเจริญอาหารเป็นแน่ หรงจิงไม่ขัดศรัทธา ขยับช้อนแล้วตักเข้าปากค่อยๆ เคี้ยว พยักหน้าพูดว่า
“รสชาติไม่เลว”
ตอนที่ 273 คนสองคน
เซียงฉือเห็นชามน้ำแกงถูกผลักมาเบื้องหน้าถึงกับตกตะลึง
“เจ้ากินก่อน”
พอได้ยินคำพูดของหรงจิงทำให้ยิ่งต้องเอ่ยปากอย่างหวั่นเกรงว่ามิบังอาจ ลดมือลงแล้วรีบถอยหลัง
หรงจิงเห็นท่าทางนางแล้วก็สงสัย เขาส่งสายตาไปยังซูกงกงแล้วพูดขึ้น
“ไปตักมาอีกชาม ไม่ต้องใส่ขิง”
เซียงฉือได้ยินหรงจิงพูดเช่นนั้นจึงวางใจลงบ้าง นางเห็นเขาดูรายงานต่อเหมือนไม่มีเรื่องอะไร แล้วมองดูชามน้ำแกงตรงหน้าเกือบจะหัวเราะออกมา
ประมุขในใต้หล้าไม่ชอบกินขิง ยังมีนิสัยเลือกกินอย่างกับเด็กๆ
เซียงฉือคิดในใจ ‘ตกใจหมดเลย ที่แท้ก็รังเกียจรสชาติของขิงในนั้น เลยยกของที่ไม่ชอบให้ข้านี่เอง’
คิดเช่นนั้นแล้วนางจึงถอนหายใจยาว ไม่คิดมาก ยกชามน้ำแกงที่อยู่ข้างกายแล้วก็ถอยออกไปเงียบๆ
หรงจิงพลิกดูสรุปสาระสำคัญที่เซียงฉือเขียน วางลงบนฝ่ามือพิจารณาอย่างถี่ถ้วน แล้วมองเซียงฉือที่ด้านข้าง เห็นกำลังกินอย่างระมัดระวังราวลูกแมว เขาลอบพูดขึ้นว่า
“ที่แท้เป็นเจ้านี่เอง”
หลังจากมองดูหญิงสาวหน้าตาหมดจดงดงามอีกครั้งแล้วจึงได้วางสรุปสาระสำคัญนั้นลงแล้วเริ่มทำงานอย่างจริงจัง
เซียงฉือไม่ได้พูดอะไรอีก เมื่อกินเสร็จแล้วก็กลับไปรอรับใช้อยู่ข้างกายหรงจิง
เซียงฉือเพิ่งกลับเข้าที่ นางเห็นหรงจิงกำลังอ่านรายงานตาวาว เมื่อเดินไปข้างกายเขาก็ได้ยินคำพูดของหรงจิงจึงเงยหน้าขึ้นทันที
“ฝ่าบาท? เชิญสั่งงานเพคะ”
เซียงฉืออยู่ข้างกายหรงจิง มองหรงจิงด้วยสายตาคาดหวัง รอคอยให้เขาสั่งงาน หรงจิงเงยหน้าขึ้นจากกองเอกสาร มองดูเซียงฉือแล้วเอ่ยปากขึ้นอย่างลังเล
“เซียงฉือ คืนนี้เป็นครั้งแรกที่เจ้ารับใช้ข้า ถ้าเช่นนั้น…”
หรงจิงหัวเราะประหลาด เขาเอนกายพิงไปบนชุดมังกร ท่าทางไม่เกรงใจแล้วสะบัดมือทันที ชี้ไปยังรายงานราวภูเขาย่อมๆ เบื้องหน้า เอ่ยขึ้นว่า
“ถ้าเช่นนั้น กองนี้ก็ยกให้เจ้า แต่ละฉบับจะต้องเขียนให้เหมือนกับฉบับนี้ เอาไปได้แล้ว”
นิ้วมือเรียวยาวของหรงจิงชี้ไปยังรายงานสองกองใหญ่เบื้องหน้า แล้วกรีดนิ้วชี้ไปที่กองหนึ่งให้เซียงฉือ
คำพูดนั้นทำให้เซียงฉือนิ่งอึ้งอยู่กับที่ มองดูรายงานกองนั้นจนตะลึงลาน นางไม่คาดหวังจะให้เขาเมตตาสงสาร แต่ก็ไม่คิดว่าจะถูกย่ำยีอย่างใจร้ายเช่นนี้
เซียงฉือมองหรงจิงอย่างคับแค้นใจแต่สุดท้ายก็ไม่ว่าอะไร ขบริมฝีปากแล้วยกกองรายงานนั้นไปเงียบๆ
สุดท้ายกลับกลายเป็นซูกงกงที่ทนดูไม่ไหว เดินเข้าไปช่วยพูดให้เซียงฉือ
“ฝ่าบาท คืนนี้เป็นคืนแรกที่ใต้เท้าเซียงฉือปฏิบัติหน้าที่ พระองค์จะไม่ทรงนุ่มนวลสักหน่อยหรือพ่ะย่ะค่ะ”
เซียงฉือเห็นซูกงกงช่วยพูดให้นางเช่นนั้นก็รู้สึกดีใจอยู่ แต่คำพูดนั้นนางฟังดูชอบกล ทว่าขณะนั้นก็บอกไม่ถูกว่าเป็นอย่างไร
นางกะพริบตา หอบรายงานกลับไปยังที่ของตน หรงจิงเห็นเซียงฉือนิ่งเงียบและได้ยินคำพูดของซูกงกง ทว่าไม่ได้พูดอะไร เพียงสะบัดมือให้เขาออกไป
หรงจิงนั่งอยู่บนเก้าอี้ประทับเพียงลำพัง อ่านรายงานดังเช่นที่เคยปฏิบัติ แต่สิ่งหนึ่งที่ต่างไป คือเขามักเงยหน้าขึ้นมองหญิงสาวข้างๆ เป็นครั้งคราว
เซียงฉือถึงจะน้อยใจอยู่บ้าง แต่นางก็ตั้งใจอ่านรายงานเต็มสติปัญญา
เส้นผมปอยหนึ่งร่วงลงข้างแก้ม นางจึงใช้มือจัดปอยผมนั้นให้เข้าที่ เผยให้เห็นลำคอนวลระหง นางขบริมฝีปากล่างเบาๆ