ตอนที่ 294 อาจารย์
เซียงฉือได้ยินแล้วก็ผินหน้ากลับรู้สึกผิดหวัง แต่เพียงครู่เดียวก็หันกลับมาอีก หรงจิงเห็นดวงตานางที่กลิ้งกลอกนั้นดูเจ้าเล่ห์ ทำให้ต้องตื่นตัวขึ้น
คลุกคลีอยู่ด้วยกันมาระยะหนึ่ง เขาจึงรู้จักเซียงฉือขึ้นอีกมาก
เจ้าเด็กนี่ดูเหมือนทึมทื่อ แต่ความเป็นจริงกระล่อนอย่างกับอะไรดี ไม่รู้ว่าจะแผลงฤทธิ์ขึ้นมาตอนไหน แต่ก็ไม่เคยทำเรื่องเสียหาย ทั้งยังร่วมมือกับเขาต่อกรกับภายนอกอีกด้วย
หรงจิงชื่นชมและชมชอบนางมากขึ้น แต่เห็นท่าทางนางในขณะนี้แล้ว ต้องเตรียมรับมือไว้ก่อน
แต่เซียงฉือพูดออกมาอย่างใจเย็น
“ฝ่าบาททรงจำได้ย่อมดีที่สุดแล้วเพคะ เช่นนั้นแล้วฝ่าบาทโปรดทรงรับการคารวะจากหม่อมฉันด้วยเพคะ”
เซียงฉือลุกขึ้นไปคุกเข่าอยู่เบื้องหน้าหรงจิง แล้วกราบคารวะอย่างนอบน้อมสามครั้ง หรงจิงไม่เข้าใจแต่ไม่ได้ห้าม กลับเต็มไปด้วยความสนใจว่านางคิดจะทำสิ่งใดกันแน่
“เจ้าคนนี้คิดจะวุ่นวายอะไรอีกนี่ อย่าได้คิดหวังจะได้พิณล้ำค่านี่เป็นอันขาด ข้าไม่มีวันยกให้เจ้าแน่”
เซียงฉือยิ้มแล้วลุกขึ้นพูดว่า
“ฝ่าบาทยังทรงจำเรื่องในวันนั้นได้แน่หรือเพคะ หรือว่ามีเหตุการณ์ใดที่ทรงหลงลืมไปแล้ว วันนั้นฝ่าบาทเสวยน้ำจัณฑ์ไปไม่น้อย แต่น่าจะทรงจำได้นะเพคะหม่อมฉันเทิดพระองค์เป็นพระประมุข เรื่องที่ตรัสจึงถือเป็นพระราชโองการเพคะ”
“เมื่อครู่นี้หม่อมฉันทำพิธีกราบอาจารย์แล้วนะเพคะ ฝ่าบาทจะทรงสอนหม่อนฉันดีดพิณ เมื่อตรัสแล้วย่อมมิอาจคืนคำ ไม่อาจตรัสแล้วไม่ถือเป็นจริงจังได้นะเพคะ”
เซียงฉือยังคงเก็บความคิดหวังของตนไว้ไม่ลืม ส่วนหรงจิงก็ไม่ได้รู้สึกไม่พอใจอย่างไร เขายื่นนิ้วออกไปนิ้วหนึ่งแล้วจิ้มแรงๆ ไปบนหน้าผากเซียงฉือ พูดว่า
“เจ้าเด็กผีนี่ ที่แท้ก็อยากจะเรียนพิณนี่เอง เรื่องนี้ไม่ยาก เพียงแต่ว่าข้าต้องดื่มให้เมาก่อนจึงจะดีดพิณได้ ต้องแบบนั้นถึงจะได้ดีเลิศตามแบบฉบับครูอาจารย์รุ่นก่อน”
หรงจิงไม่ได้ปฏิเสธ เซียงฉือเห็นเขาตอบรับแล้วก็ดีใจ พิณนี้ยากที่จะได้พบเห็น นางมีวาสนาได้มาเห็นอีกทั้งกำลังจะมีโอกาสได้รับฟัง จึงได้ดีใจเป็นอย่างยิ่ง
เพราะมัวแต่ดีใจ จึงไม่ได้เห็นว่าตอนนี้หรงจิงได้คลายปลดเสื้อผ้าออก
คงเหลือเพียงชุดบางด้านในและยืนหันหลังให้เซียงฉือ
เซียงฉือเมื่อเงยหน้าขึ้นก็เห็นเขาปลดเครื่องแต่งกายบนร่าง ใบหน้าจึงแดงเรื่อขึ้น ไม่รู้ว่าเขากำลังจะทำอะไรจึงอุทานอย่างหวั่นเกรงขึ้นเบาๆ รีบหันกายกลับไป
หรงจิงถึงจะหันหลังให้นางแต่ได้ยินเสียงอุทานของนาง ถึงเสียงจะไม่ดัง แต่ก็เพียงพอสำหรับความสามารถในการได้ยินที่สูงล้ำเกินใครของหรงจิง
เขาหัวเราะเบาๆ พูดว่า
“เจ้าเด็กต๊อง ที่นี่คือหอทิงเฟิง สถานที่ดีสุดยอด บริเวณนี้มีน้ำแร่ร้อนอยู่ตาหนึ่ง อุ่นร้อนคงที่ดุจหยก เสียงลมครวญเสนาะหู เสียงฝนดังซู่ๆ ทั้งยังกรุ่นความหอมเย็นสบาย ดอกท้อปลิวไสวเป็นภาพที่งดงามที่สุด หากได้แช่น้ำแร่ที่นี่สักครั้ง ก็จะรู้ว่าแดนสวรรค์บนโลกมนุษย์เป็นเช่นนี้เอง”
หรงจิงหมุนกายกลับมา เห็นเซียงฉืออายหน้าแดงหมุนตัวกลับไปก็ไม่โกรธ พูดจบแล้วก็เดินออกไปเพียงลำพัง
เซียงฉือได้ยินเสียงเขาออกไปแล้วจึงได้หันหน้ากลับมา มองลอดง่ามนิ้วเห็นหรงจิงหายไปจากที่เดิมแล้ว
นางถอนหายใจอย่างแรงนั่งยองอยู่กับที่ ร่างกายราวถูกสูบน้ำออกไปจนแห้ง กอดเข่าทั้งคู่ไว้แล้วขมวดคิ้วแน่น
ฝ่าบาททำเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร หรือว่าจะให้นางถวายงานบรรทม แต่หากเป็นเช่นนี้เหตุใดต้องพานางมาที่นี่เพื่อแช่น้ำแร่ด้วย ชายหนุ่มหญิงสาวอยู่ในห้องเดียวกันนี้ไม่ถูกระเบียบเอาเสียเลย
นางนั่งนิ่งอยู่อย่างนั้น ฟังเสียงร้องคลอเบาๆ อย่างสบายใจของหรงจิงหลังฉากบังลม ในใจเหมือนดั่งมีมดเป็นหมื่นกำลังไต่ไปมา นางรู้สึกว่าเรื่องนี้ช่างน่ากลัวกว่าที่นางคาดคิดไว้เสียอีก
แต่ว่าเรื่องจะเป็นไปอย่างที่นางคาดคิดจริงหรือ
ตอนที่ 295 สระน้ำพุร้อน
หรงจิงแช่อยู่ในสระน้ำโดยไม่รู้สึกแปลก เขาเคยท่องเที่ยวทางแดนเหนือซึ่งเป็นสถานที่ขึ้นชื่อเรื่องน้ำแร่ร้อน เขาไปอาบน้ำแร่ที่นั่นจึงได้รู้ว่าเป็นบ่ออาบน้ำรวมชายหญิง
ผู้ชายและผู้หญิงต่างมองกันไปมา พวกเขาอาบน้ำแร่โดยสวมเสื้อผ้าสำหรับอาบเหมือนหรงจิงในตอนนี้ การมาเรียกเหงื่อที่นี่ทำให้รู้สึกสบายตัว
เขาพบตาน้ำแร่แห่งหนึ่งในสถานที่นี้ จึงได้สร้างเลียนแบบห้องอาบน้ำแร่เหมือนกับทางแดนเหนือขึ้นที่นี่
เขาเลียนแบบมาแต่มีการดัดแปลง บนตาน้ำแห่งเดียวสร้างเป็นสระอาบน้ำที่มีขนาดไล่เลี่ยกันสองสระ หรงจิงชอบใช้สระหยกขาวที่มีขนาดใหญ่กว่า ส่วนสระหยกมรกตด้านข้างที่เล็กกว่าเขาสร้างไว้เผื่อฮองเฮาของเขา
แต่จนถึงบัดนี้เขาก็ยังไม่ได้สถาปนาฮองเฮา สระนี้จึงยังว่างอยู่ หลายวันนี้เขาเห็นเซียงฉือมีสีหน้าเหนื่อยล้าจึงพานางมาที่นี่ แต่ไม่คิดว่านางจะเข้าใจผิดเช่นนี้
เซียงฉือลังเลอยู่นานที่ด้านนอกจนหรงจิงทนไม่ไหว
เมื่อเงี่ยหูฟังก็ไม่ได้ยินเสียงของนางที่ด้านนอกแม้แต่น้อย คิดว่าคงยังตะลึงอยู่กับที่ไม่ขยับเขยื้อน
เขาคิดถึงท่าทางนางที่ถูกทำให้ตกใจแล้วมุมปากก็ขยับขึ้นและผุดความคิดชั่วร้ายพูดออกไปว่า
“อวิ๋นเซียงฉือ เข้ามารับใช้ในนี้!”
เซียงฉือยังคงนั่งศีรษะซุกสองเข่าอยู่กับที่ ตอนนี้ได้ยินหรงจิงเรียกนางเข้าไปรับใช้ นางตกตะลึงหน้าแดงขึ้นทันที ใบหน้าแดงราวเปลวไฟ
นางลุกขึ้นยืนอย่างเชื่องช้า อืดๆ อาดๆ ไม่เดินเข้าไป ใจของนางตีกันอุตลุต แต่รับสั่งของฮ่องเต้ นางไม่กล้าขัดขืน แต่ไม่สบายใจเป็นอย่างยิ่ง
หรือว่าทุกสิ่งที่นางสู้อดทนยืนหยัดตลอดมาจะถูกชิงไปง่ายดายเช่นนี้ นางไม่ยินยอม แต่ว่า ฝ่าบาท…
เซียงฉือลังเลอยู่ชั่วขณะ ดวงตาแน่วแน่ ค่อยๆ เดินเข้าไปอย่างไม่เกรงกลัวความตาย
แต่พอไปถึงหน้าฉากบังลมนางเกิดลังเลขึ้นอีก หมุนกายแล้วทำตัวเป็นเหมือนดั่งนกกระจอกเทศ ซุกศีรษะลงระหว่างเข่า
กลับเป็นหรงจิงที่คร้านจะเรียกนาง คลุมผ้าแล้วเดินเข้ามา เมื่อเห็นนางนั่งยองอยู่กับพื้นราวก้อนเนื้อก้อนหนึ่งก็ไม่สนใจอะไรเข้าไปอุ้มนางขึ้น
“ว้าย อย่าเพคะฝ่าบาท!”
น้ำเสียงเซียงฉือเจือสะอื้น หรงจิงไม่สนใจ อุ้มนางแล้วเดินเข้าด้านใน สองมือเซียงฉืออังใบหน้าร้อนผ่าว ร่างของนางแนบอยู่กับแผ่นอกแข็งแรงของหรงจิง ได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นตึกตักอยู่ด้านใน
อวิ๋นเซียงฉือในตอนนี้ราวกำลังเข้าสู่แดนประหาร รู้สึกได้รับความอยุติธรรมอย่างยิ่ง
น้ำแร่ร้อนเปียกชุ่มบนตัวนางในทันที นางรู้สึกแต่เพียงถูกโยนอย่างแรงราวกับลอยเคว้งอยู่
จากนั้นร่างก็ร่วงลงไปในสระน้ำแร่อย่างไม่อาจควบคุมได้
ถูกน้ำแร่ทำให้เปียกปอนไปทั้งตัว เซียงฉือรู้สึกตัวลอย น้ำข้างๆ ซึมซับเข้าไปตลอดร่างนาง ทำให้ทุกอณูเดือดพล่านขึ้น
นางทะลึ่งยืนขึ้นในน้ำแร่ น้ำอยู่เพียงระดับเอวนางเท่านั้น แต่พอโผล่ขึ้นมาแล้วรู้สึกสบายไปทั้งตัว
นางลืมตา ปาดน้ำบนใบหน้าทิ้ง สบเข้ากับหรงจิงที่นั่งยองมองอยู่บนฝั่ง เขาคลุมกายด้วยเสื้อตัวนอกสีฟ้าอ่อน เส้นผมสลวยเปียกปอนน้ำหยดติ๋งๆ ความรู้สึกนั้นทำให้เซียงฉือต้องกลืนน้ำลายลงคอ
หรงจิงเพียงนั่งยองอยู่บนฝั่งจนเห็นนางผุดศีรษะโผล่ขึ้นมาจึงได้หันกายออกไปถอดเสื้อตัวนอกที่ด้านข้าง แล้วผลุบลงน้ำไปใหม่ราวกับปลาสีขาวตัวหนึ่ง ลอยอยู่ในน้ำแร่อย่างพึงพอใจ