ตอนที่ 314 กุ้ยเฟยสอบความ
เซียงฉือที่มีรูปร่างบอบบางต้องถูกหมัวหมัวที่รูปร่างใหญ่แรงมากสองคนจับตัวไว้ พลังจึงเหมือนดั่งถูกสูบออกไปหมดสิ้น ร่างห้อยอยู่กับแขนของทั้งสองคน
ดวงตากลมงดงามดั่งเมล็ดซิ่งของกุ้ยเฟยจ้องมองเซียงฉือ ส่วนเซียงฉือยังคงไม่เข้าใจว่านางทำอะไรผิด ถึงกับทำให้กุ้ยเฟยรู้สึกเสียหน้าเช่นนี้ ถึงแม้นางกำลังเผชิญอันตรายอยู่แต่ก็ไม่ลนลาน แต่พอเห็นหมัวหมัวข้างหน้าเดินเข้ามาก็ต้องตะลึงงัน
ฉับพลัน เซียงฉือผงะเบี่ยงไปด้านหลังเล็กน้อย หวังหมัวหมัวที่ได้ยินคำสั่งกุ้ยเฟยแต่ไม่เห็นด้วยจึงเข้าไปพูดกระซิบอยู่ข้างหูนาง กุ้ยเฟยจึงได้สะบัดมือ
“แล้วไป ไม่ต้องตบ ข้าไม่อยากได้ยินเสียงร้องเรียกพ่อเรียกแม่ เด็กๆ นำอ่างน้ำเข้ามา”
ในห้องลับที่เดิมมืดสลัวไปทั่วจนเซียงฉือมองเห็นไม่ชัดเจน ขณะนี้เมื่อกุ้ยเฟยเข้ามา แสงไฟรอบทิศก็สว่างขึ้น นางจึงมองเห็นเครื่องมือลงทัณฑ์อยู่เต็มไปหมด ที่นี่คงต้องเป็นห้องลับของกุ้ยเฟย เซียงฉือถูกคลุมศีรษะขณะถูกนำตัวออกจากตำหนักเจิ้งหยาง ระหว่างทางมองไม่เห็นสิ่งใดจึงไม่รู้ว่าที่นี่คือที่ไหน
ที่นี่ทั้งมืดและหนาวเย็นอย่างยิ่ง หากไม่ใช่ใต้ดินก็คงอยู่ใกล้อุโมงค์น้ำแข็ง หากอยู่ใกล้อุโมงค์น้ำแข็งยังพอจะหาได้ง่าย แต่หากอยู่ใต้ดินละก็ ตอนที่นางมาถูกเคาะศีรษะไปทีหนึ่ง ทำให้มึนงงจนจำอะไรได้ไม่แจ่มชัด
กุ้ยเฟยมองดูเซียงฉือด้วยสีหน้าเย็นเฉียบ
“เจ้าคิดว่าไม่ถูกตบคงเป็นการดีกระมัง ในเมื่อเจ้ากล้าเกาะแกะฝ่าบาทลับหลังข้า เรื่องของเซียงซือในวันนั้นเดิมข้าจะไม่คิดบัญชีเจ้า แต่เจ้าบังอาจคิดอาศัยข้าเพื่อคลานขึ้นแท่นบรรทมฝ่าบาทเหมือนกับนังชั่วซูเฟยคนนั้นสินะ”
เซียงฉือนิ่วหน้าเมื่อได้ยินคำพูดนั้น เรื่องเป็นมาอย่างไรกัน นางไม่เข้าใจเลย ไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วเกิดเรื่องอะไรขึ้นแน่ ขณะที่นางยังคงไม่เข้าใจอยู่นั้น ทั้งสายตาและสติปัญญาได้ถูกสิ่งที่สำคัญกว่าบดบังไป
อ่างน้ำถูกยกมาแล้วศีรษะเซียงฉือก็ถูกกดลงไปเหนืออ่าง
นางไม่รู้ว่านี่เจตนาจะทำอะไร แต่ถูกหมัวหมัวสองคนจับตัวไว้ ร่างอยู่ห่างจากผิวน้ำเพียงแค่นิ้วมือเดียว
ถึงเซียงฉือจะดิ้นรนต่อต้าน แต่เรี่ยวแรงเพียงเล็กน้อยเท่านั้นไม่เพียงพออะไรเลยเมื่อมีหมัวหมัวร่างใหญ่แข็งแรงสองคนอยู่ข้างหลัง
ใบหน้าของนางถูกจับกดลงน้ำอย่างแรง จมูกสำลักเอาน้ำเข้าไปจำนวนมาก เซียงฉือพยายามอดทนปิดปากไว้แน่นเพื่อจะได้ทนต่อได้อีกสักครู่หนึ่ง
แต่เพียงไม่นานร่างนางก็ดิ้นขัดขืนอย่างบ้าคลั่ง นางเริ่มรู้สึกว่าอากาศในกายค่อยๆ ลดน้อยลง แต่นางกลับดิ้นรนหนักขึ้น กระเสือกกระสนอยู่ครู่หนึ่งแล้ว กุ้ยเฟยก็ส่งสัญญาณให้ลากเซียงฉือขึ้นมา เพราะไม่ได้รับอากาศมาพักใหญ่ พอได้สัมผัสมันเข้าจึงดีใจอย่างยิ่ง
แต่ยังดีใจไม่ได้นานเท่าใด เซียงฉือถูกจับกดน้ำอีกครั้งหนึ่ง
รสชาติเช่นนี้สุดจะทานทน ส่วนกุ้ยเฟยยังคงเป็นทองไม่รู้ร้อนราวกับกำลังชมละครอยู่อย่างออกรส เซียงฉือสำลักน้ำเข้าไปไม่น้อย และในที่สุดสมองก็เริ่มลางเลือนเพราะขาดอากาศ
นางยืนอย่างโอนเอน ดีที่ด้านข้างมีหมัวหมัวสองคนคอยพยุงอยู่ มิเช่นนั้นหากต้องเดินคงต้องหัวคะมำเป็นแน่
เมื่อกุ้ยเฟยเห็นเท้านางซวนเซก็รู้ว่าถึงเวลาแล้วจึงเอ่ยปากขึ้น
“วันนี้ฝ่าบาทพาเจ้าไปทำอะไรมา”
ตอนที่ 315 ลงทัณฑ์
เซียงฉือได้ยินดังนั้น เกิดความเข้าใจขึ้นวูบหนึ่งจึงตอบไปทั้งที่ยังมึนงงอยู่
“ทูลกุ้ยเฟย ฝ่าบาทเพียงให้หม่อมฉันไปคอยรับใช้ที่หอทิงเฟิงเพคะ เพราะหม่อมฉันสามารถดีดพิณได้จึงโปรดให้ไปสร้างความสำราญเท่านั้นเพคะ”
เซียงฉือเรียกสติกลับคืนมาได้หลายส่วน นางย่อมไม่กล้าเอ่ยเรื่องที่นางกับฝ่าบาทอาบน้ำด้วยกันโดยมีเพียงฉากบังลมกั้นไว้ฉากหนึ่งเท่านั้น และยิ่งไม่กล้าบอกว่านางหนุนต้นขาฝ่าบาทหลับสนิทไปด้วย
ตอนนี้นางเพียงหวังให้กุ้ยเฟยยอมเชื่อแล้วอย่าได้ฆ่านาง จะได้เก็บนางไว้ใช้ประโยชน์อีก
เซียงฉือคิดได้เพียงเท่านี้ ส่วนกุ้ยเฟยเหลือบตามองนางแล้วพูดต่อ
“ไม่มีอะไร อะไรก็ไม่มีเลยงั้นหรือ พวกที่มาถึงตำหนักสอบสวนลงทัณฑ์ของข้าแล้วยังไม่ถูกลงทัณฑ์จะเป็นเช่นนี้ทุกคน ราวกับคนไม่กลัวตาย แต่ข้ายังไม่เคยเห็นใครสามารถทนปากแข็งอยู่ได้ ข้าคิดว่าเจ้าเป็นคนฉลาด คิดไม่ถึงว่าจะโง่เหมือนกับพวกที่ตายไปพวกนั้น”
กุ้ยเฟยพูดแล้วก็ส่งสัญญาณให้หมัวหมัวข้างกายสองคนอีกครั้ง พวกนางเคลื่อนกายออกไปทันที เตรียมตัวจับเซียงฉือกดลงอ่างน้ำ
เซียงฉือไม่ทันระวังตัวจึงสำลักน้ำลงท้องไปอีกหลายอึกอย่างรวดเร็ว ทั้งจมูกและปากล้วนกรุ่นไปด้วยกลิ่นไม่พึงประสงค์
สมองของนางเข้าสู่ภาวะคิดอ่านไม่ได้อีกครั้ง ต่อเมื่อรู้ว่านางใกล้หมดลมจึงปล่อยนางขึ้นมาใหม่
หมัวหมัวพวกนั้นคลายมือออก ร่างของเซียงฉือก็อ่อนระทวยทรุดลงกับพื้นอย่างหมดสภาพ หมอบอยู่เบื้องหน้ากุ้ยเฟย สมองมีแต่เสียงดังหึ่งๆ
เซียงฉือเจ็บปวด ทั้งน้ำตาและน้ำที่ดื่มเข้าไปต่างหยดลงไปบนพื้น
กุ้ยเฟยอยู่เบื้องหน้านาง เห็นสภาพนางแล้วก็เลิกคิ้วขึ้นมองดูอย่างชอบใจ
“คิดหรือว่าพอไปอยู่ข้างกายฝ่าบาทแล้วทุกอย่างจะโชคดีไปหมด อย่าลืมกำพืดที่แย่เสียกว่าพวกชาวบ้านต่ำต้อยของเจ้าเสียล่ะ”
“ชีวิตนี้เจ้าอย่าได้หวังเลยว่าจะได้เป็นพระสนม ปู่เจ้าเป็นนักโทษแผ่นดิน ฝ่าบาททรงสั่งเนรเทศครอบครัวเจ้า เจ้ามันก็แค่หญิงถ่อย มีหรือที่ฝ่าบาทจะไม่ระวังเจ้า ยังจะกล้าคิดฝันเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เช่นนี้อีก”
“อย่าหวังลมๆ แล้งๆ ว่าจะได้ยกฐานะขึ้นเป็นหงส์บนยอดไม้เลย!”
กุ้ยเฟยยกเท้าขยี้ลงบนมือเซียงฉืออย่างแรง
สิบนิ้วนั้นเชื่อมถึงใจ ความเจ็บปวดนี้ ใช่สิ่งที่คนทั่วไปจะสามารถทนได้
เซียงฉือร้องสะอื้น น้ำตาหลั่งลงบนพื้นไม่ขาดสาย
บนพื้นหยกมรกต น้ำตาของนางหยดลงไปกระทบกลายเป็นหยาดที่ไม่ใหญ่ไม่เล็ก ความเจ็บปวดเช่นนั้นทำให้นางขบริมฝีปากล่างจนเลือดไหลซึม แต่ก็ไม่ยอมเปล่งเสียงให้เล็ดลอดออกมา
หากนางไม่หัวแข็งเช่นนี้ ด้วยวาทศิลป์ของนางแล้วคงไม่ต้องทนรับความทรมานขนาดนี้ แต่ว่าท่านปู่ นางถึงกับกล้าว่าท่านปู่นางแบบนั้น ท่านปู่ที่นางเคารพศรัทธาที่สุด นางกล้าดียังไง ถึงกับกล้าหมิ่นท่านเพียงนี้
เซียงฉือแค้น แค้นใจยิ่งนัก
นางไม่โต้ตอบ ไม่ได้หมายความว่านางยอมรับผิด แต่นางกำลังอดกลั้น เพื่อไม่ให้ตนเองโต้ตอบหยามหยันออกไป ไม่ไปรนหาที่ตายแบบนั้น
นางนึกเวทนาจนต้องหัวเราะเยาะตนเอง ตกอยู่ในสภาพเช่นนี้แล้ว ยังจะชูคอยืดอก เสแสร้งแกล้งทำตัวสูงส่งอยู่อีกหรือ
แต่ไรมานางรังเกียจคนประเภทนี้ที่สุดมิใช่หรือ แล้วเหตุใด เหตุใดนางจึงมาเป็นเสียเองเล่า
นางอดกลั้น เพราะนางเคียดแค้น
นางลอบกำมือแน่น กดใจตนเองไว้อย่างรุนแรง นางจะไม่หลั่งน้ำตาอีก ในพระราชวังนี้ นางรู้อยู่แต่แรกแล้วว่ามีอันตรายแฝงอยู่มากมาย แต่ไม่คิดว่าคนที่อยู่ข้างในนี้ล้วนราวกับสิงสาราสัตว์
ต่อให้เจ้าไม่เข้าไปข้องเกี่ยว แต่เพียงพวกมันไม่พอใจก็แว้งกัดเจ้าจนกลายเป็นเศษซากได้
นางไม่ยินยอม!