ตอนที่ 334 จดหมายจากทางบ้าน
แต่เมื่อกลับเข้าตำหนักอวี้หยวนแล้วหลิ่วจุ้ยก็ไม่อาจสงบใจลงได้ นางกังวลว่าตนเองจะถูกเปิดเผยแล้วถูกหวังหมัวหมัวตีจนตาย แต่นางก็กลัวว่าหากไม่ทำเช่นนั้นก็จะไม่สามารถช่วยชีวิตเซียงฉือได้
นางใช้ชีวิตอยู่ในวังมาไม่ใช่สั้นๆ สามารถไต่เต้าจากเด็กรับใช้ที่ไม่รู้อะไรเลยจนมาเป็นนางกำนัลขั้นที่หนึ่งในวันนี้ได้ ตลอดมานางเป็นคนรอบคอบระมัดระวังอาศัยความรอบคอบและฉลาดเฉลียวที่มีจำกัดของตน รักษาตนเองอยู่รอดปลอดภัยมาได้จนบัดนี้
อีกไม่กี่ปีนางจะได้ออกจากวังแล้ว นำสิ่งที่กุ้ยเฟยประทานให้กับที่ตนเก็บอดออมมาไปซื้อร้านเล็กๆ สักร้านหนึ่ง แล้วใช้ชีวิตอย่างไม่ต้องห่วงกังวล หรืออาจหาชายหนุ่มสักคนเพื่อฝากชีวิต
ถ้าหากคนคนนั้นไม่ใช่อวิ๋นเซียงฉือ นางย่อมไม่มีทางจะทำเรื่องเสี่ยงออกไปเช่นนี้
แม้นางจะรู้ดีว่ามีโอกาสสูงมากที่จะถูกเปิดเผยตัว แต่นางก็ทำลงไปแล้ว แม้จะไม่รู้อนาคต แต่นางไม่ได้สำนึกเสียใจเลย
ค่ำคืนนี้วุ่นวายโกลาหลนัก แต่ท้ายที่สุดยังคงเป็นเพียงความตระหนกที่ไม่เกิดภัย กุ้ยเฟยพิโรธจนปวดศีรษะต้องเรียกหมอหลวงเข้าตำหนักในคืนนั้น
ส่วนหวังหมัวหมัวก็ใช้แส้เฆี่ยนหลิ่วเหยียน ถึงจะไม่บาดเจ็บสาหัสนัก แต่หลายวันนี้ก็ไม่สามารถรับใช้ข้างกายกุ้ยเฟยได้
ดังนั้นการดูแลรับใช้ใกล้ชิดจึงมีเพียงหลิ่วจุ้ยกับหวังหมัวหมัวที่สลับเวรกัน
ช่วงเวลานั้นทุกคนในตำหนักอวี้หยวนต่างรู้สึกถึงอันตรายแต่ก็อยู่กันมาได้อย่างปลอดภัย
เมื่อเซียงฉือกลับตำหนักไปกับฮ่องเต้แล้วเขาก็ไม่ได้ทำให้นางลำบากอีกและอนุญาตให้นางกลับไปพักผ่อน ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา เซียงฉือก็เฝ้าคอยแต่จดหมายแจ้งความปลอดภัยจากทางบ้าน ผ่านวันเวลาไปอย่างสบายไร้กังวลยิ่ง
แต่นางไม่รู้เลยว่าวันเวลาที่สงบสุขเช่นนั้นกำลังจะผ่านไปอย่างรวดเร็ว
พอย่างเข้าเดือนเก้า ดอกท้อที่ยังพอมีดอกหร็อมแหร็มอยู่บ้างก็ไม่มีแล้ว มีเพียงสีเขียวเต็มต้น เซียงฉือไม่รู้สึกถึงความไม่ปกติ เพราะอากาศของที่นี่ต่างจากหลานโจวที่นางเติบโตมา
ระยะนี้ภัยแล้งที่ไหวอานได้ผ่านพ้นไปแล้ว ฝ่าบาทได้พระราชทานเสบียงและเงินบรรเทาภัยให้ใต้เท้าเถี่ยหมิงผู้มีชื่อเสียงเรื่องความสุจริตอย่างยิ่งเป็นคนคุมไปจนถึงไหวอานด้วยตนเองจึงได้บรรเทาภัยแล้งครั้งใหญ่ลงได้ ราษฎรเริ่มลงมือเพาะปลูกและสามารถผ่านพ้นชะตากรรมในปีนี้ไปได้
ฮ่องเต้ดีพระทัยมากจึงเลื่อนตำแหน่งให้เถี่ยหมิง และยังคงดีใจเช่นนั้นอยู่หลายวัน เมื่อเซียงฉือเห็นฮ่องเต้ดีใจนางก็ดีใจด้วย ระยะนี้การปรึกษาหารืองานในตำหนักเจิ้งหยางจะมีใต้เท้าหน้าดำเคร่งขรึมเพิ่มเข้ามาคนหนึ่ง ทุกครั้งเซียงฉือจะแอบอยู่ด้านหลังฉากบังลมฟังการปรึกษาเรื่องงานเมืองของพวกเขา
ถึงหรงจิงจะรู้ว่านางแอบอยู่ข้างหลังแต่ก็ไม่เคยเปิดโปงนาง คิดว่านางคงมีความสนใจใคร่รู้ บางครั้งยังจงใจถามเซียงฉือว่าสนใจใต้เท้าคนนั้นหรือ รอให้นางอายุครบยี่สิบห้าแล้วจะให้นางแต่งงานกับใต้เท้าคนนั้น
คำพูดของหรงจิงทำให้เซียงฉืออายจนหน้าแดงก่ำ นางยืดคอทำปากแข็งบอกไปว่าชีวิตนี้จะไม่แต่งงาน จะอยู่รับใช้ฮ่องเต้ทั้งชีวิตเพื่อช่วยแบ่งเบาราชกิจ
หรงจิงเห็นนางเป็นเพียงเด็กน้อย เซียงฉือเข้ากองราชเลขาตอนอายุสิบหกปี อีกไม่กี่วันก็จะสิบเจ็ดปีแล้ว มีหลายสิ่งหลายอย่างที่คล้ายคลึงกับหรงจิงเมื่อครั้งขึ้นครองราชย์ในวัยเยาว์
หรงจิงขึ้นครองราชย์ตั้งแต่อายุสิบหก เขามุ่งมั่นทุ่มเทสร้างความเจริญให้ประเทศ พออายุสิบแปดปีก็สำเร็จราชการด้วยตนเอง อายุยี่สิบปียกทัพปราบกบฎ และนำทัพอาชาเหล็กแห่งแคว้นเซียวจิ่งถล่มกองทัพหมาป่าทมิฬแห่งแคว้นหรงเสวี่ยราบคาบในวัยยี่สิบสี่ปี แคว้นหรงเสวี่ยที่ลำพองเสมอมาจึงศิโรราบไม่กล้าก่อเหตุรุกรานอีก
ขณะนี้หรงจิงอายุยี่สิบหกปี ครองราชย์มาได้สิบปีแล้ว แต่เขากลับนับวันยิ่งว้าเหว่ และยิ่งเข้าใจแจ่มชัดถึงการทอดถอนใจของพระบิดาในตอนนั้น
เป็นเพราะเหตุนี้เขาจึงได้ตามใจเซียงฉือไม่มีเจตนาบังคับนาง ขอเพียงไม่เกินเลยขอบเขตเขาก็ยินดีให้อภัย เซียงฉือเองก็รู้สำนึกต่อเขา จึงยิ่งทุ่มเททำงานที่เขาสั่งอย่างเต็มสติกำลัง
ส่วนเรื่องที่ไม่ได้สั่งหากเพียงนางสามารถทำได้ ก็จะคิดหาวิธีทำให้ดียิ่งขึ้น
แต่ไม่ว่านางจะทำอะไร มีเพียงเรื่องเดียวที่นางยังคงรอคอยมาตลอด คือการรอที่จะได้รับจดหมายแจ้งความปลอดภัยจากครอบครัวของนาง
ตอนที่ 335 จดหมายที่มาช้า
เซียงฉือรอและคอยมานานยิ่ง ทว่าจดหมายจากทางบ้านฉบับนั้นดูเหมือนจะมีความแค้นกับนางจึงไม่ยอมมาถึงมือนางสักที
หลายว่ามานี้ยิ่งขมวดคิ้วเศร้าสร้อย ร่างกายผ่ายผอมลง ทุกครั้งที่สวี่อี้เห็นเซียงฉือก็จะพูดว่า
“ไม่มี ข้าถามทางกองบริหารจัดการรวมแล้ว ไม่มี”
ท่าทางยืนยันแข็งขันของสวี่อี้ ยิ่งทำให้เซียงฉือหมดอาลัยตายอยาก
แต่ก็ยังคงรอคอยเช่นนั้นต่อไป อากาศเริ่มเย็นขึ้นแล้ว
วันนี้เซียงฉือไปหอทิงเฟิงกับฝ่าบาทเพื่อร่วมดื่มกับเหลียนชินอ๋อง แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะลมและทรายในดินแดนทะเลทรายทางเหนือรุนแรงเกินไปหรือเนื้อหมาป่ากินไม่อร่อย ใบหน้าเหลียนชินอ๋องจึงดูตอบไป
เมื่อเซียงฉือเห็นหรงเฉิงเยี่ยในตอนแรกก็ถูกดวงตาที่เหมือนหมาป่านั้นทำให้ตกใจจนต้องไปหลบอยู่หลังฮ่องเต้
“ฝ่าบาท คนเถื่อนจากแคว้นหรงเสวี่ยมาแล้ว พระองค์เสด็จนำหน้าเถิดเพคะ”
เซียงฉือรู้อยู่ก่อนแล้วว่าหรงเฉิงเยี่ยจะเข้าวังในวันนี้ ส่วนหรงจิงก็กำลังเล่าเรื่องสนุกตอนที่เขายกทัพไปรบแคว้นหรงเสวี่ยในตอนนั้น ขณะกำลังเล่าถึงคนเถื่อน หรงเฉิงเยี่ยที่หนวดเครารุงรังก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าเซียงฉือ
นางตกใจแล้วรีบแอบ ซึ่งจะโทษนางก็ไม่ได้ เพราะนิทานของหรงจิงเล่าได้เห็นภาพมาก และลักษณะของคนเถื่อนนั้นก็เป็นแบบเดียวกับหรงเฉิงเยี่ยในตอนนี้
หรงเฉิงเยี่ยเสียงแหบ เขาสวมชุดทหาร เพราะความรีบเร่ง จึงทำเอาผมของเขายุ่งไปอยู่บ้าง ความจริงเหลียนชินอ๋องที่มีใบหน้าขาวผุดผาดจัดเป็นชายงามคนหนึ่งของเมืองหลวงเลยทีเดียว
แต่ดูรูปลักษณ์ของเขาในตอนนี้ ใบหน้าดำคล้ำ หนวดเครายังไม่ทันได้จัดการโกน ริมฝีปากแห้งเป็นขุย
หรงเฉิงเยี่ยยิ้มอย่างอ่อนใจ เซียงฉือรู้ตัวได้ไวจึงรีบทำความเคารพ
จากนั้นจึงคิดจะวิ่งหนีออกไปไม่ให้ทันสังเกต ทว่าหรงจิงตาแหลม เขายิ้มแล้วพูดขึ้นว่า
“เซียงฉือ ไปนำอุปกรณ์ทำความสะอาดหน้าของข้ามา ข้าจะลงมือจัดการหน้าตาเฉิงเยี่ยให้เอง”
หรงเฉิงเยี่ยรีบบอกมิกล้า แต่ทว่าหรงจิงกระตือรือร้นอย่างยิ่งจนเขาไม่กล้าปฏิเสธอีก จากนั้นจึงถอดชุดออก เผยให้เห็นร่างกายที่กำยำ นั่งอยู่ในโถงส่องกระจกมองดูตนเองแล้วเอาแต่ส่ายหน้า
“สารรูปของกระหม่อมนี่ ทำให้เด็กๆ ตกใจง่ายจริงๆ”
หรงจิงก็ยิ้มแล้วพูดว่า
“ทำให้เด็กๆ ตกใจไม่สู้กระไรนัก แต่ถ้าทำให้สาวสวยตกใจละก็ เจ้ายังไม่ได้แต่งงานเสียด้วย จะทำอย่างไรดี”
เซียงฉือได้ยินก็ขำพรืด แต่ก็รีบสำรวมโดยเร็ว จากนั้นหลบออกไปนอกห้อง
พอออกนอกประตูก็เห็นซูกงกงยิ้มอย่างดีใจวิ่งเข้ามา
“โอ้ ใต้เท้าอวิ๋น จดหมายทางบ้านที่ท่านเฝ้าเดือนถามดาวมาถึงแล้ว เพิ่งไปถึงกองบริหารจัดการรวม ใต้เท้าสวี่ก็รีบนำมาให้ท่านแล้ว ทั้งกำชับข้าว่าต้องนำมาให้ท่านในทันทีอีกด้วย”
“ได้รับจดหมายจากทางบ้านแล้ว คราวนี้ท่านคงจะวางใจได้แล้วกระมัง”
ซูกงกงก็รู้ว่าระยะนี้เซียงฉือกังวลใจกับเรื่องที่บ้านมาตลอด ดังนั้นเมื่อได้รับจดหมายจากทางบ้านนางจึงรีบส่งมาให้
เซียงฉือมองดูอักษรสีดำบนแผ่นหนังขาว เป็นจดหมายจากทางบ้านที่บิดาเป็นคนเขียน นางดีใจจนน้ำตาไหล
กอดจดหมายจากทางบ้านไว้หัวเราะเสียงใสราวระฆังเงิน ซูกงกงได้ยินก็พลอยดีใจไปด้วย
แต่ยังไม่ทันที่เซียงฉือจะได้เปิดจดหมายก็ได้ยินเสียงเรียกจากฮ่องเต้ หรงจิงเป็นถึงฮ่องเต้ ไม่เคยต้องทำความสะอาดใบหน้าด้วยตนเอง ตอนนี้เมื่อมีอุปกรณ์วางอยู่เบื้องหน้ามากมายก็ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร
พอคิดถึงซูกงกงขึ้นมาจึงเปิดหน้าต่างรีบเรียกเขาให้เข้าไป หรงจิงเป็นถึงฮ่องเต้แต่เป็นคนประหลาด เขามีความชอบมากมายและสนใจไปเสียทุกอย่าง กับเรื่องที่เขาคิดจะทำ ยังไม่เคยมีสิ่งใดที่เขาทำไม่ได้