ตอนที่ 336 ข่าวร้าย
เซียงฉือไม่สนใจว่าจะเกิดเรื่องอะไรข้างหลังตน นางกอดจดหมายทางบ้านไว้คิดจะรีบเปิดอ่าน แต่คิดขึ้นได้ว่ายังมีเซียงซืออยู่ในวังก็เลยรีบเร่งจะไปหานางเพื่ออ่านจดหมายด้วยกัน
เซียงฉือรีบเร่งไปหาเซียงซือยังกองราชเลขา แต่เพียงไปถึงหน้าประตูก็เห็นเซียงซือเดินออกมาจากกองราชเลขาพอดี
เซียงฉือยิ้มพุ่งเข้าไปหา ยังไม่ทันเข้าไปใกล้ก็ชูจดหมายทางบ้านขึ้นสูง ใบหน้ายิ้มแย้มมองเซียงซืออย่างดีใจแล้ววิ่งเข้าไป พูดแทบจะเป็นตะโกนกับเซียงซือ
“พี่เซียงซือดูนี่ๆ จดหมายจากทางบ้านพวกเรามาถึงแล้ว!”
พอเซียงฉือเข้าไปถึงเบื้องหน้ากลับถูกเซียงซือตบสวนกลับมาฉาดหนึ่ง
เพียะ!
เสียงดังก้อง เลือดซึมออกจากมุมปากอวิ๋นเซียงฉือ นางรีบยกมือขึ้นบังใบหน้า แต่พอคิดถึงจดหมาย นางไม่ต้องการให้เปรอะเปื้อนจึงเอามือออก
เพียะ!
เซียงซือยกมือขวา น้ำตาร่วงลงจากหางตาแล้วตบไปบนใบหน้าเซียงฉืออีกทีหนึ่ง เซียงฉือไม่เข้าใจ ทำไม นี่เรื่องอะไรกัน
ยังไม่ทันที่นางจะทันถาม เซียงซือก็ผลักนางออกจนเซียงฉือล้มลงกับพื้น เซียงฉือกุมหน้า ญาติผู้พี่ของนางเหตุใดจู่ๆ จึงได้บ้าคลั่งขึ้นเช่นนี้
“พี่เซียงซือ เหตุใดจึงทำเช่นนี้”
เซียงฉือแววตาวาวโรจน์ รู้สึกถึงกลิ่นคาวเลือดในปาก นางกำลังจะโกรธ แต่กลับเห็นเซียงซือคุกเข่าอยู่เบื้องหน้าปิดหน้าด้วยท่าทางท้อแท้หมดอาลัย กัดริมฝีปากน้ำตาร่วงเผาะราวสายฝนไม่ส่งเสียงร้องใด
เซียงฉือลนลาน นางเห็นท่าทางเซียงซือแล้วก็ลืมความเจ็บบนใบหน้าของตน ขยับตัวเข้าไปใกล้คิดจะกอดนาง แต่ถูกเซียงซือผลักออก
“เป็นเพราะเจ้า เพราะเจ้า ล้วนเพราะเจ้าไปล่วงเกินกุ้ยเฟย ถึงได้ทำให้ท่านปู่ต้องตาย ท่านพ่อของข้าต้องตาย”
“อวิ๋นเซียงฉือ เป็นเพราะเจ้าอวดฉลาด ทำให้พวกเราทั้งบ้านต้องตาย!”
“เจ้าคืนชีวิตของพ่อข้ามานะ!”
เซียงซือมองเซียงฉือด้วยสายตาอาฆาตสุดประมาณ ชี้นิ้วใส่นาง ร่างกายสั่นเทิ้มเพราะสะกดกลั้นความเศร้าเสียใจอย่างใหญ่หลวงไว้
เซียงฉือได้ยินคำพูดเซียงซือแล้วดวงตาเบิกโพลง นางไม่กล้าเชื่อหูตัวเอง ไม่กล้าเชื่อ
“ไม่ ไม่ เป็นไปไม่ได้ ฝ่าบาททรงรับปากแล้วว่าจะปล่อยครอบครัวเรากลับบ้านเกิด ฝ่าบาททรงรับปากแล้ว!”
ขอบตาเซียงฉือแดงเรื่อ รู้สึกถึงความว่างโหวงในสมองแทบจะเป็นลมล้มพับไป นิ้วมือนางกุมหน้าอกไว้แน่น
นางไม่กล้าเชื่อแต่ละคำพูดที่ออกมาจากปากเซียงซือ
ขณะนั้นนัยน์ตานางเอ่อล้นไปด้วยน้ำตาแต่ยังไม่หยดลงมา ในความเลือนรางของน้ำตา นางคิดถึงจดหมายในมือขึ้นได้
จึงฝืนความเจ็บปวด กอดความหวังสุดท้ายนั้นไว้ รีบเปิดจดหมายอย่างร้อนรน
เซียงซือไม่ขัดคำพูดนางและไม่วุ่นวายกับนาง เอาแต่ปิดหน้านั่งลงกับพื้นร้องไห้โฮออกมา
เซียงฉือยกมือขึ้นปาดน้ำตาบนใบหน้า พยายามฝืนยิ้ม
“ไม่ใช่ ไม่ใช่แน่ จะต้องไม่เป็นแบบนั้น เพียงให้ข้าได้อ่านจดหมาย ก็จะยืนยันได้ว่ามันไม่ใช่เช่นนั้น”
เซียงฉือฉีกซองจดหมาย ดึงกระดาษสีขาวในนั้นออกมา กระดาษหนาๆ สามหน้า นางคลี่จดหมาย ไม่กล้าลืมตา ในอกสั่นระทึกอย่างรุนแรง นิ้วมือสั่นเทาอย่างควบคุมไม่ได้
“เป็นไปได้อย่างไร ฝ่าบาทรับปากข้าแล้วว่าจะให้ครอบครัวข้ากลับถึงบ้านเกิดอย่างปลอดภัย พวกเราไม่ใช่นักโทษอีกแล้ว ไม่ใช่นะ ท่านปู่ต้องไม่ตาย ไม่ว่าใครก็จะไม่ตาย!”
ตอนที่ 337 ข้อความในจดหมาย
เซียงฉือปลอบใจตัวเองเสร็จแล้วจึงเปิดจดหมายทางบ้าน
นางปาดคราบน้ำตาออกจึงได้เห็นตัวอักษรบนจดหมายนั้นอย่างชัดเจนบรรทัดหนึ่ง
“จากกันแรมปีคิดถึงยิ่งนัก ทางบ้านสบายดีเจ้าไม่ต้องเป็นห่วง แต่ท่านปู่กับท่านอาเจ้าได้เสียชีวิตไปแล้ว เป็นเรื่องเศร้าสลดใจอย่างยิ่ง ขอให้เซียงฉือลูกพ่อดูแลตัวเองให้ดี อย่าให้ป่วยไข้ เจ้าอยู่หลังกำแพงวังลึกล้ำยิ่ง พ่อหวั่นเกรง…”
ท่านปู่กับท่านอาเสียชีวิตไปไล่เลี่ยกัน ถึงแม้จดหมายในมือเซียงฉือจะหนาเป็นตั้ง แต่อ่านไปได้เพียงเท่านี้ น้ำตาก็พรั่งพรูไหลหลั่ง
ร่างเซียงฉือระทวยอ่อนแรงอิงอยู่บนร่างเซียงซือ ทั้งคู่ส่งเสียงร่ำไห้ระงม
เซียงซือลงมือต่อเซียงฉือที่หน้าประตูกองราชเลขา เรื่องนี้ถึงหูเหอจิ่นเซ่อในทันที แต่เมื่อนางออกมาถึงก็เห็นเซียงฉือตาลอยพิงเซียงซืออยู่
เซียงซือก็ขบริมฝีปากร้องไห้จนเป็นมนุษย์น้ำตา
เหอจิ่นเซ่อหยิบจดหมายที่เซียงฉือทิ้งอยู่บนพื้นขึ้นอ่านจึงเข้าใจ ความรู้สึกเห็นใจ โกรธขึ้ง เคียดแค้นชิงชังสารพันปนเปกันแวบขึ้นมา แต่แล้วรีบเก็บอารมณ์อย่างรวดเร็ว
ออกคำสั่งไปว่า “เป็นตอไม้กันหรือไร ยังไม่รีบพยุงคนเข้าไปในห้องอีก”
สิ้นคำสั่งเหอจิ่นเซ่อ ทั้งคู่ก็ถูกคนในกองราชเลขาหามกันออกไปคนละไม้ละมือ
ร่างเซียงฉือเหมือนถูกถอดกระดูกออกไปหมด สายตานางว่างเปล่า มีเพียงน้ำตาที่หลั่งริน ไร้ปฏิกิริยาตอบสนอง
เหอจิ่นเซ่อจัดให้เซียงฉืออยู่ในห้องของตน ไม่ใช่เพราะนางเจตนาจะดูแลเซียงฉือ แต่เพราะเซียงฉือเป็นข้าราชสำนักสตรีงานอักษร ห้องของนางอยู่ในตำหนักเจิ้งหยาง
เหอจิ่นเซ่อประคองนางไปถึงห้องแล้วให้เอนบนเตียงตน นางอ่านจดหมายจากทางบ้านฉบับนั้นแล้วก็ลอบถอนใจ
เพียงครู่เดียวเซียวอวี๋หรงผู้เปรียบเสมือนแขนซ้ายขวาของเหอจิ่นเซ่อก็รีบนำจดหมายฉบับหนึ่งเข้ามารายงาน
ฉบับนี้เป็นจดหมายจากมารดาอวิ๋นเซียงซือที่เขียนถึงเซียงซือ ในจดหมายพูดถึงว่าขณะครอบครัวเดินทางกลับบ้านเกิดนั้น ระหว่างทางมีพวกพลทหารคอยกลั่นแกล้ง ทำร้ายท่านปู่อวิ๋นเทียนบนถนนจนบาดเจ็บสาหัส อวิ๋นฉือบิดาของอวิ๋นเซียงซือถูกตีตายในทันที ส่วนอวิ๋นเฉิงบิดาอวิ๋นเซียงฉือเพราะเดินทางกลับไปเตรียมการก่อน จึงรอดพ้นจากวิบากในครั้งนี้
อักษรทุกตัวดั่งเพลิงเผาใจ ทำให้เหอจิ่นเซ่อที่ได้อ่านถึงกับสะเทือนใจน้ำตาไหล แต่เหตุใดมารดาของอวิ๋นเซียงซือจึงได้จงใจโทษการตายของอวิ๋นฉือบิดานางไปที่อวิ๋นเซียงฉือ
ความจริงฝ่าบาททรงมีราชโองการความว่า เพราะสงสารเด็กและคนชราจึงทรงอนุญาตให้กลับภูมิลำเนาเดิมได้ มีเพียงเซียงซือกับเซียงฉือสองคนที่เป็นข้าราชสำนักสตรีไปแล้วไม่อาจกลับ ส่วนคนอื่นๆ ในครอบครัวรวมทั้งมารดาของเซียงซือก็ได้ถูกส่งตัวจากสำนักแรงงานกลับไปแล้วเช่นกัน
สกุลอวิ๋นมีทายาทน้อยยิ่งอยู่แล้ว อวิ๋นเทียนผู้เป็นประมุขมีบุตรชายสองคนหญิงหนึ่งคน บุตรชายคนโตอวิ๋นเฉิง ภรรยาเสียชีวิตขณะคลอดบุตรเมื่อห้าปีที่แล้ว มีบุตรชายหนึ่งหญิงหนึ่ง บุตรสาวคนโตอวิ๋นเซียงฉืออายุสิบหกปี บุตรชายคนเล็กอวิ๋นห้าวอายุเพียงห้าปี เด็กน้อยเยาว์วัยต้องติดตามอวิ๋นเฉิงและคนอื่นๆ ไปยังดินแดนตะวันตกเฉียงเหนือที่หนาวกันดารในครั้งนั้นด้วย
บุตรชายคนรองอวิ๋นฉือเกิดจากภรรยารอง เป็นบิดาของเซียงซือ เซียงซือมีน้องสาวอีกคนหนึ่งอายุเพียงแปดขวบ ในตอนนั้นเพราะยังอายุน้อยจึงถูกส่งไปยังกองฝึกอบรม เพื่อฝึกสอนเตรียมนางไว้เป็นนางรำ และครั้งนี้ก็ได้กลับบ้านเกิดไปพร้อมมารดาด้วย
ส่วนบุตรสาวเพียงคนเดียวอวิ๋นเหอได้แต่งงานและติดตามสามีไปยังแคว้นเยี่ยกวน เงียบหายไม่มีข่าวคราวมาหลายปีแล้ว
ตอนนี้ทายาทบ้านสกุลอวิ๋นจึงเหลือเพียงบิดาเซียงฉือกับลูกชายอวิ๋นห้าวที่ดูแลกัน ส่วนมารดาของเซียงซือนางหวังซื่อได้ฝากฝังเซียงหมิงน้องสาวเซียงซือกับอวิ๋นเฉิงแล้ว ไม่รู้ไปอยู่ที่ใด
เหอจิ่นเซ่อเมื่ออ่านจดหมายทั้งสองฉบับแล้วอัดอั้นไปทั้งใจ