เวินหนิงพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลหลายวัน
ครั้งนี้ เธอไม่ได้รีบร้อนจะออกจากโรงพยาบาล เกิดอุบัติเหตุต่อๆกันหลายครั้ง ในใจเธอก็รู้สึกกลัว อยู่ในโรงพยาบาลก็ยังทำให้เธอสบายใจหน่อย
กี่วันนี้ ลู่จิ้นยวนก็ยุ่งมาก ดูเหมือนไม่มีเวลามาเยี่ยมเธอเลย
เวินหนิงเดาว่า อาจจะเป็นเพราะหลิวเมิ่งเซวี่ยตกตึกก็เลยทำให้เขาร้อนรน ก็เลยไม่มีเวลามาเยี่ยมตัวเอง
อาจจะ เขากำลังโกรธเคืองเธอ ทีแรกเขาอยากจะช่วยหลิวเมิ่งเซวี่ย แต่ก็โดนคนพวกนั้นหลอก แล้วกลับช่วยตัวเองไว้
คิดไปคิดมา เวินหนิงก็ตัดสินใจที่จะไปดูอาการของหลิวเมิ่งเซวี่ย ถึงเธอจะล้นหาที่เอง แต่เธอตกมาจากที่สูงขนาดนั้น ก็ถือว่าได้ชดใช้กับการกระทำของตัวเองแล้ว
เวินหนิงถามพยาบาลที่มาดูแล จากนั้นก็หาห้องพักฟื้นของหลิวเมิ่งเซวี่ยเจอ
“ฮือฮือฮือ คุณแม่ หนูจะทำยังไงดี? ขาของหนู!”
หลังจากที่หลิวเมิ่งเซวี่ยเข้ารับการรักษาไปสักพัก ก็รู้ว่าเส้นประสาทส่วนเอวได้รับผลกระทบ แล้วขาก็อาจจะพิการด้วย ถึงแม้ลู่จิ้นยวนจะหาคุณหมอที่ดีที่สุดมารักษาเธอ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้
ยังไงต่อไปเธอก็ต้องพิการแน่นอน
เมื่อเวินหนิงรู้เรื่องนี้ ในใจก็รู้สึกกลัว ถ้าตอนนั้นตัวเองตกลงไป ตอนนี้อาจจะสาหัสกว่าหลิวเมิ่งเซวี่ยอีก
คิดไปด้วย เวินหนิงก็ทำการตัดสินใจบางอย่าง เธอต้องรีบไปจากลู่จิ้นยวน
พอลู่จิ้นยวนฟื้นจากบนเตียงพักฟื้น ก็ยุ่งอยู่กับเรื่องการขยายธุรกิจของบริษัทตระกูลลู่ และวิธีการของเขาเด็ดขาดมาก สำหรับคู่แข่ง ต่างก็โดนผลกระทบแล้วต้องยอมแพ้
วิธีการแบบนี้ ก็เลยทำให้เขามีศัตรูไม่น้อย
เวินหนิงรู้สึกว่าถ้ายังอยู่ข้างตัวเขา เรื่องแบบนี้ก็อาจจะเกิดขึ้นอีก ครั้งนี้ถือว่าเธอโชคดี แล้วครั้งหน้าล่ะ?
เพื่อเด็กในท้องของเธอ เธอไม่กล้าไปเสี่ยง
เมื่อคิดดีแล้ว เวินหนิงก็รออยู่ที่นี่ ผ่านไปนานมาก ลู่จิ้นยวนก็มา พอเห็นเธอก็ขมวดคิ้ว “ทำไมเธอถึงอยู่ที่นี่?”
ร่างกายยังไม่หายดี ออกมาข้างนอกทำไม?
เวินหนิงมองไปที่ห้องพักฟื้นของหลิวเมิ่งเซวี่ย เขากลัวว่าจะทำให้เธอเข้าใจผิดหรือเปล่า?
จากนั้นเวินหนิงก็เดินไปไม่กี่ก้าว แล้วมองไปที่ลู่จิ้นยวน “ฉันมีอะไรจะพูดด้วย”
เวินหนิงหามุมที่ลับตาคน “ฉันอยากจะออกจากบริษัทตระกูลลู่”
ลู่จิ้นยวนขมวดคิ้วอยู่แล้วก็คิ้วขมวดเข้มไปอีก “ทำไม?”
“ฉันกลัวอันตราย ฉันไม่อยากเอาลูกของฉันไปเสี่ยง”
เวินหนิงพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
เหตุผลหนึ่งเป็นเพราะลู่จิ้นยวนอันตรายอยู่แล้ว อีกเหตุผลหนึ่ง เมื่อกี้เธอได้ยินอาการของหลิวเมิ่งเซวี่ย เธออาจจะมีอาการแทรกซ้อน คงเกลียดตัวเองแน่นอน
เวินหนิงไม่อยากให้ตัวเองตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยุ่งยากแบบนี้ วิธีที่ดีที่สุด ก็คือจากไป
ลู่จิ้นยวนทอดมองไปในดวงตาเธอ “อีกหน่อยเรื่องแบบนี้จะไม่เกิดขึ้นอีก”
“ถึงแม้จะมีความเสี่ยงแม้แต่น้อยนิด ฉันก็ไม่อยากไปเสี่ยง” เวินหนิงยืนยัน
“อยู่ข้างตัวผม ปลอดภัยมากกว่าที่อื่นๆ”
ลู่จิ้นยวนก็ไม่ยอมถอย เขาไม่มีทางให้เวินหนิงพ้นสายตาเขาแน่นอน
อยากจะโบยบินไปกับผู้ชายคนอื่น ไม่มีทาง
เมื่อเวินหนิงเห็นเขายืนยันแบบนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะกำมือแน่น ความโมโหที่อัดอันไว้ในใจก็พุ่งออกมา “ปลอดภัย? เป็นความปลอดภัยที่ถ้าต้องเลือกแล้วก็ทอดทิ้งฉันอย่างไม่ลังเล?”
ถ้าไม่ใช่พวกโจรไม่รักษาคำพูด คนที่อยู่ในห้องพักฟื้นก็ต้องเป็นเธอ!
ลู่จิ้นยวนค่อยนึกได้ เขายังไม่เคยอธิบายถึงเหตุผลการตัดสินใจนั้น กำลังจะพูด เวินหนิงก็โบกมือยางหมดความอดทน “ฉันแค่อยากจะพูดว่า จะให้ฉันไปเมื่อไหร่ ตอนนี้ฉันไม่ขออะไรทั้งนั้น แค่อยากจะไปไกลจากนาย”
ผู้หญิงตอบโต้อย่างไม่ปิดบัง ก็เลยทำให้ลู่จิ้นยวนรู้สึกโมโห
“ไกลจากผม? เวินหนิง ผมไม่อนุญาต ทั้งชีวิตนี้เธอต้องอยู่ข้างตัวผมเท่านั้น!”
ขณะที่กำลังทะเลาะกัน แม่ของหลิวเมิ่งเซวี่ยก็มาหา “คุณชายลู่ ลูกสาวฉันรู้ว่าอีกหน่อยเธออาจจะพิการ ตอนนี้กำลังคิดสั้น คุณรีบคิดหาวิธีด้วย!”
เมื่อเวินหนิงได้ยินคำพูดนี้ ก็ไม่อยากทะเลาะอะไรกับอีก แล้วถอยหลังไป “ในเมื่อแบบนี้ คุณก็ไปดูเธอเถอะ คำพูดของฉันฉันพูดจากใจจริง ขอให้คุณคิดพิจารณาด้วย”
พูดจบ เวินหนิงก็ไปจากที่นี่
ลู่จิ้นยวนเห็นแผ่นหลังที่เธอเดินไปอย่างไม่ลังเล ก็โกรธจนเตะถังขยะข้างเท้าปลิว
ผู้หญิงคนนี้ ทำไมต้องทำอะไรที่ขัดใจเขาด้วย
……
พอเวินหนิงกลับไปที่ห้องพักฟื้น อารมณ์ก็ไม่ดีมากนัก
ความดื้อดึงของลู่จิ้นยวน ทำให้เธอหงุดหงิด แต่เธอกลับไม่มีแรงที่จะไปต่อต้านเลย
แต่ว่า เธอไม่อยากให้เกิดเรื่องที่ตัวเองต้องเอาชีวิตไปเสี่ยงในมือคนอื่นอีก
คิดไปอย่างนี้ แม้แต่ข้าวเที่ยงเวินหนิงก็กินไม่ลง
……
เมื่อลู่จิ้นยวยพยุงสติอารมณ์ของหลิวเมิ่งเซวี่ยได้แล้ว เรื่องนี้ ถือว่าเขาติดค้างเธอ ก็เลยช่วยสุดความสามารถ
“เดี๋ยวผมจะส่งเธอไปต่างประเทศ แล้วเข้ารับการรักษาที่ดีที่สุด เรื่องค่าใช้จ่ายพวกคุณไม่ต้องกังวล”
เมื่อหลิวเมิ่งเซวี่ยได้ยินแบบนี้ ในใจก็รู้สึกตื้นตัน “งั้น คุณจะมาเยี่ยมฉันหรือเปล่า? ประธานลู่ เว้นที่ว่างข้างกายคุณไว้ให้ฉันได้หรือเปล่า ฉัน……”
“พวกนี้ ไม่ใช่สิ่งที่เธอควรคิด”
ลู่จิ้นยวนไม่ได้ตอบ แต่คำตอบในใจเขาชัดเจนแล้วว่า ไม่ได้
กับหลอวเมิ่งเซวี่ย สิ่งเดียวที่เขาทำได้คือก็ให้เธอได้รับการรักษาที่ดีที่สุด แล้วให้เงินก้อนกับเธอให้เธอหมดกังวลกับชีวิตที่เหลือ
อย่างอื่น เขาไม่มีทางให้คำสัญญาอะไร
หลิวเมิ่งเซวี่ยรู้สึกผิดหวัง ลู่จิ้นยวนก็ไม่ได้ปลอบใจเธออีก เดินออกไป แล้วมองไปทางห้องพักฟื้นของเวินหนิง
ทีแรกวันนี้เขากะว่าจะส่งตัวหลิวเมิ่งเซวี่ยไปต่างประเทศ แล้วไปอยู่กับเวินหนิง แต่พอนึกถึงคำพูดที่เธอพูดวันนี้ ผู้ชายคนนี้ก็ล้มเลิกความคิดนั้นเลย
แล้วสั่งกับอันเฉินที่อยู่ข้างๆ “ไปดูอาการของเธอ แล้วมารายงานกับผม”
อันเฉินเบะปาก ทั้งๆที่อยากรู้ ก็แค่เดินไม่กี่ก้าว ตัวเองไปดูเองก็จบไม่ใช่หรอ?
แต่ว่า เขาก็ไม่มีทางขัดคำสั่งของลู่จิ้นยวน ก็เลยไปดู
สุดท้าย พยาบาลก็บอกกับเขาว่า วันนี้เวินหนิงไม่ได้ทานข้าวเที่ยงดีๆ แค่กินไปไม่กี่คำ ดูเหมือนว่าอารมณ์ไม่ดีมากนัก
อันเฉินขมวดคิ้วแล้วเดินเข้าไป ค่อยเห็นว่าเวินหนิงกำลังนั่งเหม่ออยู่บนเตียง ร่างกายที่ผอมบางของเธอสวมเสื้อคนไข้ตัวใหญ่ ก็ทำให้คนอื่นรู้สึกเป็นห่วง
“คุณหนูเวิน มีเรื่องอะไรไม่สบายใจเหรอครับ? กังวลว่าอีกหน่อยจะมีอันตรายอีก? ไว้ใจเถอะครับ คนพวกนั้นผมจัดการหมดแล้ว จะไม่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีก”
อันเฉินปลอบใจเธอ เวินหนิงก็ส่ายหัว “ฉันไม่เป็นอะไร”
ท่าทางแบบนี้ดูเหมือนไม่เป็นอะไรหรอ?
อันเฉินมองไปที่เธอ จากนั้นก็คิดอะไรได้ วันนั้นเหมือนว่าเขากำลังจะอธิบายอะไรกับเวินหนิง แต่ถูกขัดจังหวะ เขาเลยลืม
คิดไปคิดมา เขาก็แอบถาม “คุณหนูเวิน คุณอารมณ์ไม่ดีเพราะวันนั้นบอสไม่ได้เลือกช่วยคุณหรอครับ?”