ยิ่งคิดอารมณ์ของเวินหนิงก็ยิ่งว้าวุ่น สุดท้าย ก็เลยเอาผ้าห่มปิดหน้าไว้แล้วนอน
เรื่องของเด็ก ปล่อยไว้ก่อนแล้วกัน
เป็นเพราะข้อความของเวินหนิง ทั้งวันนี้ ลู่จิ้นยวนอารมณ์ก็ดีไม่น้อย อย่างน้อย ลูกน้องทำผิด เขาก็ไม่ได้โมโห
แม้แต่อันเฉินก็มองออกเรื่องนี้
ดูเหมือนว่า ผลกระทบที่คุณหนูเวินสร้างให้บอสตัวเอง จะรุนแรงกว่าที่คิดไว้
“บอสครับ คุณหมอบอกว่าวันนี้คุณหนูเวินออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว บอสว่าจะไปทำเรื่องเมื่อไหร่ดีครับ? ให้ผมส่งคนไปรับส่งไหมครับ?”
เป็นเพราะเกิดเรื่องลักพาตัว ตอนนี้ อันเฉินก็รับผิดชอบความปลอดภัยของเวินหนิงด้วย เพื่อลดอันตรายที่จะเกิดขึ้น
ลู่จิ้นยวนส่ายหน้า “ไม่ต้อง เดี๋ยวผมไปเอง”
……
หลังเลิกงานตอนเช้า ลู่จิ้นยวนก็ออกจากบริษัทตระกูลลู่ แล้วขับรถตรงไปที่โรงพยาบาล
เวินหนิงนอนหลับในห้องพักฟื้น อาจจะเป็นเพราะท้อง ตอนนี้เธอหลับบ่อยมาก เหมือนว่าจะหลับได้ทุกที่เลย
ลู่จิ้นยวนเดินเข้าไปในห้องก็เห็นว่าเวินหนิงหลับสนิทอยู่ แสงอาทิตย์สาดลงมาบนใบหน้าของเธอ จนทำให้รู้สึกว่าเธอเหมือนคนในเทพนิยาย
อย่างไม่รู้ตัว ผู้ชายคนนั้นก็ก้าวเท้าเบาลง แล้วเดินไปยืนอยู่ข้างเตียง มองเวินหนิงที่อยู่บนเตียง สายตาที่ลึกซึ้งนั้นแม้แต่เจ้าตัวเองก็ไม่รู้
สายตาของลู่จิ้นยวนขยับลงไป แล้วมองไปที่ริมฝีปากเวินหนิง ริมฝีปากสีอมชมพู มีความชุ่มชื่นน่าดึงดูดมาก ผู้ชายก็ทนไม่ไหวแล้วเอนตัวลงไป เข้าใกล้ใบหน้าของเวินหนิง กำลังจะจูบ……
จากนั้น ก็มีเสียงพยาบาลเดินออกมาจากข้างนอก “คุณหนูเวิน ตื่นมาทานข้าว……”
เธอยังพูดไม่จบ ก็ตกใจกับภาพเหตุการณ์ตรงหน้า เธอกำลังรบกวนคนอื่นหรือเปล่า?
ลู่จิ้นยวนรีบยืดตัวตรง ในใจก็รู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก
เมื่อกี้เขาเป็นบ้าอะไร อยากจูบเธองั้นหรอ?
เมื่อเวินหนิงได้ยินเสียง ก็กระพริบตาแล้วค่อยได้สติมาได้ “อ่อ ฉันจะรีบลุก”
เพื่อความแข็งแรงของเด็กในท้อง ตอนนี้เธอต้องระวังเรื่องอาหารมาก เพราะฉะนั้น พอพยาบาลพูดอะไร เธอก็ฟังหมด
เมื่อพูดจบ เวินหนิงค่อยรู้ตัวว่าข้างเตียงมีใครบางคน สีหน้าลู่จิ้นยวนแปลกๆ แล้วยืนอยู่ข้างเตียงเธอ
เวินหนิงมองไปที่เขา “นายมาได้ยังไง?”
ตอนนี้ลู่จิ้นยวนควรจะยุ่งอยู่ในบริษัทไม่ใช่หรอ ทำไมถึงมีเวลามา?
“หมอบอกว่าวันนี้เธอออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว ผมเลยจะไปส่ง”
ลู่จิ้นยวนเอ่ยอย่างเรียบนิ่ง
เวินหนิงพยักหน้า ก็ดี เธอพักอยู่ในโรงพยาบาลเกือบครึ่งเดือนแล้ว ร่างกายก็ดีขึ้นไม่น้อย โดยเฉพาะ พยาบาลที่จ้างมาก็เป็นเงินของลู่จิ้นยวน ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป เธอจะรู้สึกเกรงใจ
แต่ว่า……
พอนึกถึงความสัมพันธ์ของลูกกับลู่จิ้นยวน เวินหนิงก็รู้สึกว่าเขาเสียเงินเพื่อมาดูแลลูกตัวเองก็ไม่มีอะไรแปลก ยังไง นี่ก็เป็นลูกของเขา
แต่ว่า แค่คนเป็นพ่อไม่รู้ก็เท่านั้น
พยาบาลยกอาหารที่เตรียมไว้เข้ามา หน้าที่หลักของเธอก็คือดูแลเวินหนิง แล้วจัดการเรื่องสารอาหารของเธอ เพราะฉะนั้นอาหารทุกมื้อก็อลังการมาก
เวินหนิงกำลังจะกินข้าว ก็นึกอะไรบางอย่างได้ “นายกินหรือยัง?”
ลู่จิ้นยวนส่ายหน้า เขาเลิกงานแล้วรีบมาเลย จะมีเวลากินข้าวได้ยังไง
“ถ้างั้น……นายก็กินรองท้องไปก่อนแล้วกัน”
ลู่จิ้นยวนคิดไปคิดมาก็พยักหน้า พยาบาลก็ยกโต๊ะมาวาง ทั้งสองก็นั่งกินข้าวด้วยกัน
ลู่จิ้นยวนมองไปที่ถ้วยข้าวถ้วยเล็กของเวินหนิง ก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว
กินแค่แค่นี้ ก็ว่าทำไมผอมเหมือนไม้ไผ่ ถ้าคนอื่นรู้ ก็จะหาว่าเขารังแกเธออีก
คิดไปด้วย ผู้ชายก็คีบเนื้อ แล้ววางลงบนถ้วยของเวินหนิง
“กินเยอะหน่อย อย่าให้คนอื่นเห็นว่าผมไม่ให้เธอกินข้าว”
เวินหนิงก็ไม่ได้ปฏิเสธ ก้มหน้า แล้วตกอยู่ในภวังค์ของตัวเอง
ลู่จิ้นยวนทำแบบนี้ กำลังเป็นห่วงเธอหรือเปล่า?
ถ้างั้น ถ้าเขารู้ว่าเด็กในท้องเป็นลูกของเขา จะแสดงปฏิกิริยายังไง?
อาจจะเป็นเพราะท้อง ความคิดของเวินหนิงตอนนี้ก็เลยคิดมากไปหน่อย
แต่ว่า เธอก็ไม่ได้ใจร้อนขนาดนั้น บอกความจริงกับลู่จิ้นยวนเพราะว่าเขาคีบอาหารให้เธอ
“ใช่สิ หลิวเมิ่งเซวี่ย เธอเป็นยังไงบ้าง?”
เวินหนิงนึกถึงหลิวเมิ่งเซวี่ย ผู้หญิงที่เอ่ยอ้างว่าเป็นตัวเอง
“ไปต่างประเทศแล้ว ไว้ใจเถอะ เธอจะไม่กลับมาอีก แล้วพี่ชายของเธอ ตอนนี้ก็เข้าคุกไปแล้ว”
ลู่จิ้นยวนไม่ได้ปิดบัง แล้วบอกตามตรงกับเวินหนิง
สำหรับหลิวเมิ่งเซวี่ย เขาก็ไม่รู้สึกดีอะไรด้วย แต่ที่เธอเกิดเรื่องก็เพราะตัวเอง เขาจะไม่สนใจไม่ได้ ก็เลยใช้เงินมาชดใช้ให้เธอ แต่สำหรับเรื่องอื่น ไม่มีทาง
ครอบครัวหลิวเมื่งเซวี่ยก็อ้อนวอนขอร้องเขาให้ปล่อยหลิวยวนเทา แต่ว่า ลู่จิ้นยวนปฏิเสธ
เมื่อคิดถึงภาพเหตุการณ์วันนั้นที่เขาใช้ยาบังคับเวินหนิง ผู้ชายก็รู้สึกว่าทนไม่ได้ ก็เลยใช้วิธีการอะไรบางอย่าง แล้วส่งตัวเขาเข้าไปในคุก
“เข้าคุก?” เวินหนิงประหลาดใจไป เธอเคยไปดูในเว็บ เหมือนเรื่องแบบนี้ ทางตำรวจก็จะให้ไกล่เกลี่ย เพราะว่ายังกระทำไม่สำเร็จ ถ้าจะตั้งข้อหาจริงก็คงจะยาก
เพราะว่าลู่จิ้นยวนพูดว่าเรื่องนี้ปล่อยให้เขาจัดการเอง แล้วอีกอย่าง ไม่มีใครมาสอบปากคำเธอด้วย เวินหนิงก็เลยคิดว่าเขาจะทำเพื่อหลิวเมื่งเซวี่ยแล้วปล่อยหลิวยวนเทา
ไม่คิดเลยว่า……
ความจริงจะเป็นแบบนี้หรอ?
ในใจเวินหนิงก็รู้สึกตื้นตันอย่างบอกไม่ถูก มีคนคอยปกป้องเธอ แล้วกันลมฝนให้แบบนี้ ความรู้สึกนี้ดีมาก
“ใช่ เพราะฉะนั้นเธอไม่ต้องกังวล มันก็ไม่กล้ามาแก้แค้นเธอหรอก”
ลู่จิ้นยวนคิดว่าเธอกลัว ก็เลยอธิบายอีกหน่อย
เวินหนิงเอ่ยตอบรับ จากนั้น ก็เอ่ยพูดคำว่าขอบคุณเสียงเบา
เธอค่อยรู้สึกตัว ความจริงตั้งแต่ต้นลู่จิ้นยวนช่วยเธอไว้เยอะมาก ถึงแม้เขาเอาแต่พูดอะไรที่ไม่น่าฟัง แต่การกระทำ เขาก็เป็นคนที่ไว้ใจได้
อาหารมื้อเที่ยงนี้ ทานกันอย่างเรียบลื่น
เมื่อทานมื้อเที่ยงเสร็จ ลู่จิ้นยวนก็ไปจัดการเรื่องออกจากโรงพยาบาล พยาบาลที่ดูแลก็จะไปแล้ว เวินหนิงก็ขอบคุณเธอที่ดูแลอย่างทั่วถึงตลอดเวลาที่ผ่านมา
“สมควรแล้วค่ะ แต่ว่า คนที่คุณควรจะขอบคุณไม่ใช่ฉัน แต่เป็นสามีของคุณต่างหาก!”
พยาบาลรู้สึกประทับใจกับเวินหนิง ไม่ใส่อารมณ์เลย พูดดีด้วย ก็เลยพูดมากไปหน่อย
“เขาให้ฉันมาดูแล แล้วเงินที่ให้ก็เป็นสองเท่าด้วย ให้ฉันดูแลคุณดีๆ อีกอย่าง ที่คุณเข้าโรงพยาบาลมาเขาก็เป็นคนจัดการให้หมด แถมยังหล่อขนาดนี้แล้วมีเงินด้วย ผู้ชายแบบนี้ คุณต้องจับไว้ให้แน่นนะคะ”
ทีแรกเวินหนิงอยากจะพูดว่าพวกเขาไม่ใช่สามีภรรยากันแล้ว แต่ว่าพอเห็นสายตาที่จริงใจของเธอ ก็เลยไม่พูดอะไร “ฉันรู้แล้ว”
เมื่อพยาบาลออกไป เวินหนิงก็รู้สึกว่าอารมณ์ว้าวุ่น ความจริงผู้หญิงอารมณ์แปรปรวนง่ายมาก ขอแค่คำพูดของคนอื่นแค่คำเดียวก็สามารถเปลี่ยนแปลงอารมณ์ตัวเองได้แล้ว
คำพูดเมื่อกี้ของลู่จิ้นยวน แล้วคำเอ่ยชมของพยาบาล ก็ทำให้เธอใจเต้น จนถึงขั้นอดไม่ได้ที่จะคิดว่าถ้าลู่จิ้นยวนรู้ว่าเด็กในท้องเป็นของเขา จะดีใจหรือเปล่า