ลู่จิ้นยวนไปส่งมู่เยียนหรานที่โรงแรมแล้ว
“ตอนนี้ยังไม่ดึกมาก อยากออกไปดื่มกาแฟหน่อยไหม? ”
มู่เยียนหรานไม่อยากให้เขาจากไปแบบนี้ ยิ่งกังวลว่าเขาจะไปหาผู้หญิงคนนั้นในโทรศัพท์ ดังนั้นจึงเอ่ยชวนก่อน
ลู่จิ้นยวนส่ายหน้า “เธอนั่งเครื่องมานานมาก ตั้งใจพักผ่อนเถอะ”
พูดจบก็เดินออกมาจากที่นี่
ในใจมู่เยียนหรานไม่พอใจนิดๆ แต่ไม่ได้แสดงอาการออกไป
หลังจากเฝ้ามองส่งลู่จิ้นยวนออกไปแล้ว ก็มีคนโทรหาเธอ เป็นนายหน้าของการแสดงเธอในต่างประเทศ ชื่อซุนอวี่โหรว
“ดีจังนะ เพิ่งกลับมาลู่จิ้นยวนก็ไปรับเธอ มีข่าวดีใช่หรือเปล่า? ”
ซุนอวี่โหรวเห็นข่าว ก็อดไม่ได้ที่จะโทรมาหาเธอ
“เธอรู้ได้ยังไง? ”
“ข่าวเต็มไปหมด รูปของพวกเธอ ถ่ายได้ทันสมัยกว่าโปสเตอร์หนังอีก”
มู่เยียนหรานได้ยินแล้วก็ยิ้มขึ้นมาบนใบหน้า วางสายไป แล้วเปิดโทรศัพท์ดูข่าวที่เกี่ยวข้อง
รูปภาพของเธอและลู่จิ้นยวนจับมือกันแพร่กระจายไปทั่วอินเทอร์เน็ต อย่างไรแล้วทั้งสองคนก็มีชื่อเสียง และดูเหมาะสมกันราวกับกิ่งทองใบหยกอีก ดังนั้นสื่อจึงฮือฮาอย่างมาก
มู่เยียนหรานยื่นมือออกไปสัมผัสลู่จิ้นยวนใบรูปภาพ แม้จะเป็นภาพถ่ายจากที่ไกลๆ ธรรมดา ชายคนนั้นก็ดูงดงามไม่เหมือนบุคคลธรรมดาเช่นเคย
เธอคิด ก็มีแค่เพียงลู่จิ้นยวนผู้ชายแบบนี้เท่านั้นที่อยู่ในสายตาเธอ
ดังนั้น เธอห้ามทำเขาหลุดไปเด็ดขาด
……
เวินหนิงนอนไม่สงบทั้งคืน เมื่อตื่นมาในวันรุ่งขึ้น จึงรู้สึกเหนื่อยล้าไปทั้งร่าง
เปิดโทรศัพท์ ก็เห็นข่าวที่เกี่ยวข้องลู่จิ้นยวนอย่างเลี่ยงไม่ได้ เพราะช่วงนี้วงการบันเทิงสงบนิ่ง กว่าจะมีประเด็นในตอนนี้ สื่อมวลชนทุกสำนักจึงติดตามกันเป็นจำนวนมาก
เวินหนิงเกิดความหงุดหงิดในใจ ถึงขนาดไม่อยากไปทำงานเจอหน้าลู่จิ้นยวน
เมื่อคืนเธอสืบหาเกี่ยวกับมู่เยียนหรานคนคนนี้ จากนั้นก็รู้ตัวดีว่ายังห่างชั้นกับเธอมาก
มู่เยียนหรานมาจากตระกูลมีชื่อเสียง ถึงแม้ตอนนี้ตระกูลมู่จะไม่ได้เจริญรุ่งเรืองขนาดนั้น แต่อย่างไรแล้วก็อยู่ระดับเดียวกับลู่จิ้นยวน เธอไม่ใช่คุณหนูที่เกเรไร้การศึกษา ไม่เพียงแต่มีรูปลักษณ์ที่โดดเด่น แต่ยังเป็นอัจฉริยะด้านดนตรี เพียงไม่กี่ปี ก็ได้รับรางวัลไม่น้อยในการแข่งขันทั้งในและต่างประเทศ
คนแบบนี้ถึงจะเหมาะสมกับลู่จิ้นยวน แต่เธอ……คนที่เคยติดคุก จะเปรียบเทียบได้อย่างไร
ยิ่งคิดก็ยิ่งหงุดหงิด เวินหนิงโทรหาอันเฉิน บอกว่าวันนี้ตัวเองเหนื่อยเกินไป อยากอยู่บ้านพักผ่อน
เธอไม่อยากเผชิญหน้ากับลู่จิ้นยวน และไม่อยากตัวขัดขวางมู่เยียนหรานในสายตาเขา
อันเฉินรีบบอกเรื่องนี้กับลู่จิ้นยวนอย่างรวดเร็ว
ลู่จิ้นยวนขมวดคิ้ว แล้วโทรหาเวินหนิงโดยตรง
เวินหนิงเห็นชื่อลู่จิ้นยวนกะพริบบนโทรศัพท์ ในใจก็รู้สึกไม่สบอารมณ์เล็กน้อย แต่ก็รับสาย “มีอะไรเหรอ? ”
ลู่จิ้นยวนแค่รู้สึกว่าเสียงเธอมีความห่างเหินเล็กน้อย จึงดึงเนกไท “ไม่สบายเหรอ? ”
จู่ๆ เวินหนิงก็รู้สึกว่าลู่จิ้นยวนแปลกมาก ทั้งๆ ที่คนที่เขาชอบจริงๆ กลับมาแล้ว ทำไมตอนนี้ต้องทำท่าเป็นห่วงเธอมากด้วย?
“ยังโอเค เหนื่อยไปหน่อย แค่อยากพักผ่อน ถ้าบริษัทอยากหักเงินเดือนหรือไล่ฉันออกก็ไม่เป็นไร” เวินหนิงไม่อยากพูดกับลู่จิ้นยวนมากนัก หลังจากพูดจากหนักหน่วงสองสามประโยคก็วางสาย
ดวงตาลู่จิ้นยวนหนักอึ้ง อารมณ์ไม่ค่อยดีแล้ว พูดเรื่องหักเงินเดือนกับไล่ออกอะไรเนี่ยตั้งแต่เช้าตรู่ เมื่อคืนยังดีอยู่เลยไม่ใช่เหรอ?
ในขณะที่หงุดหงิด ตระกูลลู่ก็โทรมา
คุณท่านลู่อ่านหนังสือพิมพ์ในมือ และไม่แน่ใจว่ากำลังคิดอะไรอยู่
มู่เยียนหรานคนคนนี้ เขาคุ้นมาก เมื่อก่อนตอนพวกเขาคบกันเด็กผู้หญิงคนนี้มาเยี่ยมที่ตระกูลลู่อยู่บ่อยๆ เป็นคนที่โดดเด่นมากจริงๆ แต่เพราะเธอมีนิสัยหยิ่งผยอง และลู่จิ้นยวนไม่ใช่คนที่ยอมก้มหน้า ดังนั้นนายท่านจึงไม่เห็นดีเห็นงามกับความรักพวกเขา
โดยเฉพาะ หลังจากลู่จิ้นยวนประสบอุบัติเหตุเพราะจะตามไปต่างประเทศ เขาไม่พอใจนิดหน่อยกับเรื่องนี้ ที่เมื่อก่อนสนับสนุนส่วนมากเพราะกลัวลู่จิ้นยวนเกิดความรู้สึกดีๆ กับเวินหนิง
อย่างไรแล้ว ไม่ว่ามู่เยียนหรานจะแย่แค่ไหน ก็ยังเป็นหญิงสาวที่ไร้เดียงสา เทียบกับเวินหนิงแล้ว ดีกว่าเป็นพันๆ เท่าอย่างแน่นอน
“จิ้นยวน เกิดอะไรขึ้นกับหลานและมู่เยียนหราน? ”
“อะไรคือเกิดอะไรขึ้นครับ? ” ลู่จิ้นยวนยุ่งตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงตอนนี้ ไม่มีเวลาดูสิ่งเหล่านี้เลย
“หลานอ่านหนังสือพิมพ์สิ เมื่อคืนหลานไปรับเธอที่สนามบินโดนคนถ่ายรูป บอกว่าตอนนี้พวกเธอเดทกัน”
ลู่จิ้นยวนถึงได้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ให้อันเฉินไปหยิบหนังสือพิมพ์มา เห็นเนื้อหาด้านในก็ขมวดคิ้ว “นี่มันมุมกล้อง เมื่อวานผมแค่ไปรับเธอ ไม่ได้ทำอะไรเลย”
“งั้นเหรอ แต่หลานทำไปก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่หรอก ถ้าหลานชอบจริงๆ คบกันก็ไม่เป็นอะไร”
นายท่านแสดงจุดยืนแล้วก็วางสาย
ลู่จิ้นยวนอ่านหนังสือพิมพ์เหล่านั้นอีกครั้ง ถึงได้พบว่ามีเรื่องอื้อฉาวของเขากับมู่เยียนหรานทุกหนแห่ง ข่าวทุกข่าวเขียนคลุมเครือเป็นพิเศษเพื่อดึงดูดความสนใจ
ลู่จิ้นยวนอ่านดูไม่กี่ครั้ง แค่รู้สึกว่ามันตลก เรียกอันเฉินเข้ามา “ไปจัดการเรื่องพวกนี้ให้หมด”
หลังจากอันเฉินเห็นแล้วก็พยักหน้า เตรียมคนไปจัดการข่าวพวกนี้ทันที
หลังจากลู่จิ้นยวนแก้ไขข่าวพวกนี้เรียบร้อยแล้ว ก็ยังจำน้ำเสียงดุดันของเวินหนิงเมื่อครู่นี้ได้
หรือว่าเธอเห็นข่าวพวกนี้แล้วจู่ๆ ก็เป็นแบบนี้?
คิดถึงตรงนี้ อารมณ์หงุดหงิดของชายหนุ่มเมื่อครู่ก็หายไปนิดหน่อย แล้วโทรหาเวินหนิงทันที
เวินหนิงกำลังทานอาหารเช้าอยู่ เห็นว่าลู่จิ้นยวนโทรมา ก็ประหลาดใจนิดหน่อย แต่อาจจะเป็นเรื่องงาน จึงรับสายอย่างไม่เต็มใจ
“เธอเห็นข่าวแล้วหรือยัง? ” ลู่จิ้นยวนพูดตรงไปตรงมา ถามออกมาทันที
เวินหนิงวางขนมปังในมือลง กำมือแน่นโดยไม่รู้ตัว “เห็นแล้ว แล้วยังไงเหรอ? ”
ลู่จิ้นยวน นี่เขามาเผยไต๋ใส่ตนเหรอ?
สุดท้ายแล้วผู้หญิงที่เขาสนใจก็กลับมา เขาน่าจะไม่อยากมีความสัมพันธ์กับเธอต่อไปใช่ไหม?
ลู่จิ้นยวนฟังคำแก้ต่างในน้ำเสียงเธอ ก็ไม่ได้โกรธ แต่กลับอธิบายอย่างใจเย็น “รูปที่ปาปารัซซีถ่ายเมื่อคืน มันเป็นมุมกล้องล้วนๆ ”
เวินหนิงได้ยินก็รู้สึกน่าขำ มุมกล้องเหรอ……?
มุมกล้อง เสื้อโค้ตบนร่างกายเขาจะกลายเป็นอยู่บนร่างอีกคนได้อย่างไร คงไม่ได้บอกว่าปาปารัซซีแต่งรูปหรอกนะ?
“ฉันคิดว่าคุณไม่จำเป็นต้องพูดเรื่องพวกนี้กับฉันหรอก ยิ่งพูดเยอะเท่าไร มันก็น่าขำ ฉันไม่รู้หรอกนะว่ามุมกล้องยังไงทำให้เสื้อผ้าคุณไปอยู่บนตัวเธอได้”
เวินหนิงพูดจบ ก็รู้สึกเสียใจนิดหน่อย คำพูดของเธอมันดูหึงเกินไปหน่อย
ลู่จิ้นยวนจะไม่สังเกตเห็นความหมายในคำพูดเธอได้อย่างไร ไม่เพียงแต่ไม่โกรธ กลับกระตุกมุมปากขึ้น “เวินหนิง เธอหึงเหรอ?”