ลู่จิ้นยวนเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน
กับเวินหนิงนั้น เขารู้สึกสับสนในตัวเองมาก เขารู้สึกดีกับเวินหนิงก็จริง แต่ระหว่างพวกเขาทั้งสองแล้ว เหมือนยังมีอะไรบางอย่างคั่นกลางทั้งสองไว้อยู่
เขาไม่รู้ว่าจะยอมรับเด็กคนนั้นได้ยังไง ณ เวลานี้ เขาสามารถทำเป็นว่าเด็กนั่นไม่มีตัวตนได้ แต่ในอนาคต……
ลู่จิ้นยวนเป็นคนหวงของที่เป็นของตัวเองมาก ถ้าสิ่งนั้นเคยผ่านมือคนอื่นมาแล้วเขาก็ไม่อยากได้อีก
แต่เวินหนิง……
ไป๋ซินอวี่ที่เห็นลู่จิ้นยวนเงียบไปนั้นก็รู้สึกกล้าขึ้นมา“นายอาจจะแค่ชอบเพราะมันเป็นแรกๆก็ได้ ความรู้สึกเนี่ย คนที่ตกอยู่ในนั้นมักจะไม่ค่อยรู้ใจตัวเอง”
ลู่จิ้นยวนส่งสายตาเย็นๆไปให้เขา
ไป๋ซินอวี๋จับจมูกตัวเองเพราะทำอะไรไม่ถูก“แล้วนายชอบเวินหนิงหรือเปล่าล่ะ ถ้าชอบฉันจะได้ไปพูดกับเยียนหรานดีๆว่าอย่าตกม้าตายที่นายคนเดียว”
ไป๋ซินอวี๋คิดว่าถ้าเยียนหรานยังระรานแบบนี้ต่อไปแล้วสุดท้ายไม่ได้อยู่กับลู่จิ้นยวนจะเกิดเรื่องเอา
“ไม่ว่าฉันกับเวินหนิงจะเป็นอะไรกัน แต่สำหรับเยียนหรานแล้ว หลังจากที่เราเลิกกันแล้ว เธอนั้นก็เป็นแค่เพื่อน เรื่องนี้ถือว่าพวกนายทำเป็นครั้งแรก ฉันจะไม่อะไร แต่อย่าให้ฉันรู้ว่ามีครั้งต่อไปอีก”
พูดจบลู่จิ้นยวนก็หันหลังเดินจากไป ไม่ได้สนใจว่าไป๋ซินอวี๋จะพูดดีอะไรด้วยอีก
คำถามที่ไป๋ซินอวี๋ถามเขาเมื่อสักครู่ ทำให้เขานั้นสับสนขึ้นมาในทันที
กับเวินหนิง ตกลงเขานั้นเห่อเพราะยังแรกๆอยู่ แล้วเวินหนิงก็เป็นผู้หญิงคนเดียวที่วนเวียนอยู่รอบตัวเขา เขาเลยคิดแบบนั้น หรือเป็นเพราะชอบเธอจริงๆ?
ในขณะเดียวกัน เฉินหยางได้โทรมาหาลู่จิ้นยวน บอกว่าอยากนัดมาคุยกันสักหน่อย
ลู่จิ้นยวนนิ่งคิด เฉินหยางเป็นคนที่มีประสบการณ์ด้านความรักเยอะ รู้ดีเกี่ยวกับความรู้สึกระหว่างชายหญิง หรือจะลองไปถามเขาดูก็ได้ แลัลู่จิ้นยวนก็ตอบรับไปทั้งๆที่ไม่เคยมาก่อน
…….
เวินหนิงกลับบ้านด้วยความโมโห ยิ่งเห็นที่พักที่ลู่จิ้นยวนเป็นคนหาเธออยู่นั้นก็ยิ่งหัวร้อนขึ้นไปอีก
ไอบ้าลู่จิ้นยวนนี่ พูดเองเออเองและบังคับให้เธอย้ายมาอยู่ที่นี่ แล้วทำเป็นเหมือนเป็นจิตใจกุศลใจดีให้เธออยู่ ใครมันอยากได้กัน
คิดแล้วเวินหนิงก็เริ่มเก็บของต่างๆ ยังดีที่ห้องเก่าของเธอยังไม่ได้ปล่อยเช่า ถึงลู่จิ้นยวนไล่เธอออกจากที่นี่เธอก็ไม่ต้องไปนอนข้างถนน
คิดแล้วเวินหนิงก็เก็บของสัมภาระแสนน้อยนิดจนน่าสารของเธอนั้นทั้งหมด แล้วขึ้นรถกลับห้องเช่าเล็กๆของเธอทันที
เธอก็มีศักดิ์ศรีเหมือนกัน ไม่จำเป็นที่จะต้องประหยัดค่าเช่าห้องแล้วไปติดหนี้บุญคุณของลู่จิ้นยวนสักหน่อย แบบนี้มันทำให้เธอดูเหมือนต่ำกว่าเขาไปเลย
เวินหนิงที่นั่งหัวร้อนอยู่บนรถนั้นเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น
เป็นเหอจื่ออันที่โทรทมา
ช่วงนี้เขากำลังขยายกิจการที่ต่างประเทศไปพร้อมกับช่วยเธอตามหาแม่ของเธอไปด้วย
แต่ที่น่าเสียดายคือสถานที่พักฟื้นของต่างประเทศเก็บข้อมูลผู้ป่วยได้ดีเกินไป ถึงแม้จะใช้เส้นสายที่อยู่ในมือเป็นจำนวนมาก สิ่งที่ได้มากก็เป็นแค่เล็กน้อยอยู่ดี
วิธีที่ดีที่สุดคือ ใช้เวินหนิงที่มีสถานะเป็นลูกสาวนั้นในการหา แต่ตอนนี้เธอนั้นท้องอยู่ เลยไม่เหมาะที่จะมาทำงานแบบนี้ เลยต้องพักเรื่องนี้ไว้ก่อน
“โอเคฉันรู้แล้ว จื่ออัน ขอบใจนายมากนะ”เวินหนิงที่ได้ฟังที่เหอจื่ออันพูดแล้วก็ผิดหวังเล็กน้อย แต่ก็รู้สึกขอบคุณเหอจื่ออันเป็นอย่างมากเช่นกัน
ครั้งที่แล้วที่อยู่โรงพยาบาล เขาเกือบโดนคนของลู่จิ้นยวนต่อยจนเกือบจะเป็นอะไรไปอยู่แล้ว แต่เขาก็ยังช่วยเธอหาแม่ของเธอสุดความสามารถ เธอจะขอเขามากไปกว่านี้ไม่ได้แล้วจริงๆ
“เวินหนิงใจเย็นๆก่อนนะ เรื่องแบบนี้ใจร้อนแล้วไม่ได้อะไรขึ้นมาหรอก”
เหอจื่ออันนั้นรู้สึกผิดต่อเวินหนิงมาก ก็ที่เธอต้องเป็นแบบนี้สาเหตุก็มาจากเขาเองที่ตัดสินใจทำแบบนั้นในตอนนั้น เพราะฉะนั้นแล้ว สิ่งที่เธอขอ เขาก็จะทำให้ได้
แต่ว่าตอนนี้เขาเองก็ไม่มีอำนาจมากพอ ไม่สามารถให้ในสิ่งที่เธอหวังได้ คิดแล้ว เหอจื่ออันก็รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย
“ฉันเข้าในแล้วล่ะ รบกวนนายด้วยนะ”เวินหนิงฝืนยิ้ม และพูดใส่ปลายสายด้วยน้ำเสียงที่ผ่อนคลายมากที่สุด
แต่ในใจของเธอนั้น กลับรู้สึกใจไม่ดีมากยิ่งขึ้น
ช่วงนี้ทางตระกูลเวินนั้นสงบมาก ไม่มาหาเรื่องเธอเลย นั่นก็เพราะพวกเขานั้นเห็นแก่ลู่จิ้นยวน กลัวว่าเธอจะไปขอให้ตระกูลลู่มาแก้แค้นให้เธอ เลยไม่กล้าที่จะทำอะไรวู่วาม
แต่ถ้าลู่จิ้นยวนกับมู่เยียนหรานคืนดีกันแล้ว และด้วยการที่เขาทั้งสองคนเป็นที่รู้จักกันประมาณหนึ่ง ข่าวนี้ต้องแพร่ออกไปอย่างรวดเร็วแน่นอน ถึงเวลานั้นเธอก็ไม่มีอะไรมาขู่ตระกูลเวินแล้ว!
ถ้าเป็นแบบนั้น ใครจะรู้ว่าพวกไม่มีความเป็นคนพวกนั้นจะทำอะไรกับแม่ของเธอบ้าง?
เวินหนิงกำมือตัวเองแน่น ตามองไปยังเบาะนั่งที่อยู่ข้างหน้า ในสายตาของเธอนั้นเต็มไปด้วยความโกรธและความไม่พอใจ
เหอจื่ออันพูดปลอบเธอเล็กน้อย ถึงจะถามเรื่องพ่อของเด็กอย่างระมัดระวัง ครั้งนั้นที่อยู่โรงพยาบาล เขารู้แค่ว่าเวินหนิงนั้นท้อง แต่รายระเอียดนั้นเขาเองก็ไม่ได้รู้อะไรมากนัก
เวินหนิงมีคนที่ชอบแล้วหรอ?แล้วเด็กในท้องเป็นของใครล่ะ? เป็นผู้ชายคนที่อยู่ในห้องวันนั้นหรือเปล่า?แล้วถ้าใช่ เธอจะเก็บเด็กที่เป็นของใครมาจากไหนไม่รู้ไว้หรือไง ถ้าไม่ใช่……
เธอหาคนที่จะใช้ชีวิตด้วยได้แล้วงั้นหรอ?
เวินหนิงรู้สึกว่าคำถามนี้มันยากที่จะพูดออกไป การที่มีเด็กคนนี้เป็นเรื่องผิดพลาดอยู่แล้ว ตอนนี้แม้เธอจะรู้ว่าพ่อของลูกเป็นลู่จิ้นยวน แต่เธอกลับไม่กล้าพูดออกไป มีแค่ตัวเธอเองมานั่งรับผลการกระทำนี้
“ขอโทษด้วยนะ แต่นี่เป็นความลับของฉันหน่ะ”เวินหนิงตอบได้แค่นี้ ในใจก็ยังรู้สึกไม่สบายใจ
เป็นผู้ชายคนไหนก็รับไม่ได้หรอกว่าผู้หญิงท้องก่อนแต่ง อีกอย่าง เป็นผู้หญิงที่ให้ตายยังไงก็ไม่บอกว่าพ่อของเด็กคือใคร
“ไม่เป็นอะไร”ในใจของเหอจื่ออันนั้นผิดหวังเล็กน้อย“งั้นฉันขอถามเธอหน่อย เธอชอบเขามั้ย คนที่เป็นพ่อของเด็กหน่ะ? แล้วเธอคิดจะ……”
เหอจื่ออันคิดอย่างเห็นแก่ตัวว่าคำตอบที่จะได้นั้นจะเป็นการปฏิเสธ ระยะเวลาที่อยู่ด้วยกันมานี้ เขาแยกไม่ออกแล้วว่ากับเวินหนิงนั้นเป็นเพราะรู้สึกผิดและตอบแทนมากกว่า หรือเป็นความรู้สึกของผู้ชายที่ชอบผู้หญิงคนนึงมากกว่ากัน
แต่เขาอยากให้ทุกครั้งในยามที่เธอเศร้า เขาสามารถอยู่ข้างๆเธอได้ ช่วยเป็นที่บังลมบังฝนให้กับผู้หญิงที่น่าเห็นใจคนนี้ ไม่อยากให้เธอนั้นเสียใจ
“ไม่ ไม่หรอก……”เวินหนิงตอบอย่างไม่ลังเล
ถ้าเป็นตอนแรก เพราะสิ่งที่ลู่จิ้นยวนที่เคยทำดีกับเธอนั้น เธอเคยเพ้อฝันจริงๆ ว่าจะบอกเรื่องนี้กับเขา แต่ตอนนี้ พอคิดถึงมู่เยียนหราน คิดถึงคนพวกนั้นที่พยายามจับคู่พวกเขาสองคน
เธอไม่ควรที่จะไปเพ้อฝันอะไรแบบนั้น ลู่จิ้นยวนสามารถมีลูกกับมู่เยียนหรานได้อย่างถูกต้อง แล้วจะเอาลูกของเธออีกทำไมกัน ไม่แน่ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาตามมาทีหลัง อาจจะบังคับเขาเธอไปเอาลูกออกก็ได้
ได้ยินเวินหนิงพูดแบบนี้ เหอจื่ออันก็พอจะเข้าใจแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น และกำโทรศัพท์ในมือแน่น“เวินหนิง หลังจากนี้ผมจะดูแลเธอและลูกในท้องเธอเอง ทางนี้ฉันได้จัดการทุกอย่างเสร็จแล้ว อีกไม่นานก็สามารถกลับประเทศได้ ให้ฉันได้ดูแลเธอได้มั้ย?”