เวินหนิงและหวี๋เฟยหมิงไปที่ร้านกาแฟ เธอตั้งใจที่จะ เลือกที่นั่งที่ค่อนข้างเด่นเพราะกลัวว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นอีก
กับคนแบบหวี๋เฟยหมิงต้องมีความระมัดระวังและรอบคอบเป็นอย่างมาก
“พ่อของเด็กในท้องของเธอเป็นของลู่จิ้นยวนหรอ?”
หวี๋เฟยหมิงที่นั่งมองเวินหนิงที่กำลังดื่มนมอยู่นั้น รู้สึกอึดอัดใจยังไงก็บอกไม่ถูก
คิดไม่ถึงว่าเด็กผู้หญิงที่เคยตามหลังเขาต้อยๆนั้น ตอนนี้ในท้องของเธอนั้นมีเลือดเนื้อเชื้อไขของผู้ชายคนอื่นแล้ว
“……”สีหน้าของเวินหนิงเปลี่ยนไปเล็กน้อย ถึงแม้จะจริงตามที่หวี๋เฟยหมิงพูด แต่เธอไม่ยอมรับหรอก
“ไม่ใช่”เวินหนิงวางของที่อยู่ในมือช้าๆ
“ไม่ใช่?”ดวงตาของหวี๋เฟยหมิงนั้นเบิกกว้าง เดิมที่คิดว่าเวินหนิงท้องกับลู่จิ้นยวนตอนที่เป็นแฟนกัน แต่ตอนนี้เธอมาบอกว่าเด็กในท้องไม่ใช่ของลู่จิ้นยวน
หรือว่าเธอจะคบกับผู้ชายหลายคน?
“ไม่ใช่ของมันแล้วเป็นของใคร? หลังจากที่เธอออกจากคุกแล้วเธอมีผู้ชายกี่คนกันแน่เวินหนิง?”
เวินหนิงพยามอดกลั้นความที่อยากจะเอาน้ำในแก้วสาดใส่หวี๋เฟยหมิง“เรื่องแบบนี้ ฉันคิดว่ามันไม่มีความจำเป็นที่ฉันจะต้องบอกนายหนิ”
“ไม่มีความจำเป็นงั้นหรอ? แล้วตอนนี้เธอท้องกับใครแล้วทำไมไม่เอาออก?”
หวี๋เฟยหมิงมองไปที่ท้องน้อยของเวินหนิง ตอนนี้ยังแบนราบอยู่ ดูไม่ออกเลยว่าในนั้นมีเด็กเล็กๆอยู่ แต่ดูยังไงก็ทำให้เขานั้นไม่สบายใจ
แน่นอนว่าให้เธอไปเอาเด็กนั้นออกจะเป็นการดีกว่า
เวินหนิงแค่นยิ้มในใจ ถ้าไม่ใช่เพราะจะหลอกถามเรื่องกับหวี๋เฟยหมิง เธอไม่อยากที่จะมาเสวนากับผู้ชายหน้าโง่นี้จริงๆ
“นี่เป็นลูกของฉัน ไม่ได้เกี่ยวกับใครทั้งนั้น ที่ฉันมาหานาย ไม่ได้จะมาให้นายสอนว่าจะจัดการกับเขายังไง นายแค่ต้องบอกฉันเกี่ยวกับเรื่องพวกนั้นของตระกูลเวิน นายรู้เท่าไหร่ ช่วยได้แค่ไหนก็พอ”
เวินหนิงก็ขี้เกียจที่จะมาถ่วงเวลากับเขาอีกต่อไป หวี๋เฟยหมิงต้องหน้าด้านขนาดไหนที่จะมาขอให้เธอนั้นรักงวนสงวนตัว?
หวี๋เฟยหมิงที่เห็นสีหนาของเวินหนิงเปลี่ยนไปเล็กน้อยนั้นก็นิ่งคิด ตอนนี้หลักๆแค่อยากเอาเวินหนิงมาไว้ในมือ ยังไงเขาเองก็ไม่คิดจะแต่งงานกับเธออยู่แล้ว แต่อยากได้มาเล่นเฉยๆ บางทีอาจจะยังเร้าใจอยู่ก็ได้ ดังนั้นหวี๋เฟยหมิงจึงไม่ได้พูดอะไรออกไปอีก
“นายคิดว่าถ้าฉันอยากรู้เกี่ยวกับเรื่องพวกนั้น ตระกูลเวินกล้าไม่บอกฉันหรอ?”
เรื่องในอดีตพวกนั้นหวี๋เฟยหมิงขี้เกียจที่จะเข้าไปยุ่งด้วย เรื่องของเวินหนิงเขานั้นไม่สนใจเลยสักนิด แค่รู้คร่าวๆแค่นั้น
แต่ถ้าอยากรู้จริงๆก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร
“ตอนนี้เวินหลานเป็นยังไงใช่ว่าเธอเองก็จะไม่รู้ ภาพยนตร์ก็ขึ้นฉายแล้วไม่ได้เงินสักบาท เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นทำให้ภาพลักษณ์ของเธอนั้นเสียหาย บวกกับคนที่มาซ้ำเติมอีก ตอนนี้ใกล้จะดับแล้วล่ะ วันๆก็ส่งข้อความมาขอคืนดีกับฉัน”
พูดถึงเรื่องนี้ สีหน้าของหวี๋เฟยหมิงมีความสะใจเล็กน้อย
ฟังถึงตรงนี้ เวินหนิงจากตอนแรกที่รู้สึกรำคาญนั้นก็อารมณ์ดีขึ้นไม่น้อย
รู้ว่าเวินหลานกำลังดวงซวยอยู่นั้นเป็นข่าวดีสำหรับเธอมาก
“แล้ว?”
“ถ้าฉันตกลงยอมคืนดีกับเธอ มีหรอที่เธอนั้นจะไม่บอกทุกอย่างที่ฉันอยากรู้?”
หวี๋เฟยหมิงมองไปที่เวินหนิง“แล้วฉันจะไปถามให้หรือไม่นั้น ก็ขึ้นอยู่กับเธอแล้วล่ะเวินหนิง ว่าจะสามารถทำให้ฉันอยากไปถามหรือเปล่า”
เวินหนิงที่เห็นหน้าตาได้ใจของหวี๋เฟยหมิงนั้นก็พยายามบอกตัวเองในใจว่าให้อดทนไว้“แล้วนายต้องการอะไร?”
มุมปากของหวี๋เฟยหมิงยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย หรี่ตามองไปที่เวินหนิง สายตาก็ตกอยู่บนริมฝีปากที่โดนแต้มด้วยน้ำเมื่อสักครู่
รูปทรงริมฝีปากของเวินหนิงเล็กบางได้รูปมาก เพราะการกระทำเมื่อสักครู่ทำให้ริมฝีปากของเธอนั้นดูอิ่มน้ำ บวกกับอยู่ใต้แสงอาทิตย์ทำให้ปากของเธอนั้นเหมือนเยลลี่นุ่มๆที่น่าเย้ายวนใจ
“จูบฉันสิ แล้วฉันจะพิจารณาว่าควรที่จะตอบตกลงกับเธอมั้ย”
เวินหนิงขนลุกไปทั้งตัว แต่สายตาของหวี๋เฟยหมิงเหมือนกำลังบอกกับเธอว่าถ้าเธอไม่ทำตามที่บอก เขาเองจะลุกเดินออกไปทันที
เธอเม้มปากแน่น พอเวินหนิงนึกถึงแม่ที่ต้องการความช่วยเหลืออยู่บนเตียงผู้ป่วยนั้นก็กำมือตัวเองแน่น
ก็แค่จูบผู้ชวยเฮงซวยนี่ไม่ใช่หรือ?
ก็ถือว่าโดนหมามันกัดปากก็แล้วกัน กลับไปค่อยไปล้างปากตัวเองอีกที
คิดแล้วเวินหนิงก็ลุกยืนขึ้น หวี๋เฟยหมิงที่เห็นเธอค่อยๆขยับใกล้เข้ามานั้น มุมปากที่ยกยิ้มเล็กน้อยนั้นก็ยิ่งเห็นได้ชัดขึ้น
และแล้ว เวินหนิงก็ไมได้เป็นผู้หญิงบริสุทธิ์อะไร แค่รู้จุดอ่อนของเธอ ก็สามารถบังคับเธอให้ทำตามอย่างเชื่อฟัง
เวินหนิงเก็บความรู้สึกที่น่าขยะแขยงไว้ พูดบอกตัวเองในใจ ในวินาทีที่เธอกลังจะขยับเข้าใกล้หวี๋เฟยหมิงนั้น ทันใดนั้นเองก็มีแรงมหาศาลนึงกระชากเธอ จนทำให้เธอนั้นขยับถอยไปหลายก้าว
ลู่จิ้นยวนมองหน้าเวินหนิง สีหน้าของเขานั้นเย็นยะเยือก เพราะโกรธมากเกินไป ทำให้เขานั้นกำข้อมือเล็กๆนั้นแน่นจนเหมือนกระดูกข้อมือของเธอนั้นจะแหลกสลายคามือไป
เขาที่พึ่งจะรู้ใจตัวเองนั้นก็รีบตามหาเวินหนิง แต่กลับไม่มีคนรับโทรศัพท์
อาจจะเป็นเพราะการทะเลาะกันตอนเช้าแล้วเธอนั้นยังคงไม่หายโกรธ ลู่จิ้นววนเลยหาตำแหน่งที่เธออยู่โดยตรง และคิดไม่ถึงว่าจะมาเห็นภาพตรงหน้านี้
เวินหนิงที่เขย่งเท้าขึ้นจะไปจูบผู้ชายคนนั้น บวกกับแสงแดดอ่อนๆที่ตกลงบนใบหน้าของพวกเขา ภาพของหญิงสวยชายหล่อมันดูน่ามองไปหมด แต่ในสายตาของลู่จิ้นยวน กลับทำให้เขานั้นไม่ควบคุมความโกรธที่อยู่ในใจได้อีกต่อไป
ผู้หญิงบ้านี่ อยู่ห่างสายตาเขาเพียงแค่แปปเดียว ก็ไปหาผู้ชายคนอื่นสะแล้ว
“เจ็บ!”เวินหนิงคิดไม่ถึงว่าลู่จิ้นยวนจะปรากฏตัวขึ้นกระทันหันแบบนี้ ทำไมแรงของผู้ชายคนนี้ถึงเยอะนัก เธอเจ็บจนจะร้องไห้อยู่แล้ว
หวี๋เฟยหมิงก็คิดไม่ถึงว่าลู่จิ้นยวนนั้นจะโพล่มา ทำเรื่องตัวเองเสียหมด ก็พูดด้วยความโกรธว่า“ทำไม คุณชายลู่จะยุ่งแม้กระทั่งเรื่องที่ทั้งสองฝ่ายต่างยินยอมหรือไง?”
เทียบกับลู่จิ้นยวนแล้ว ไม่ว่าจะเป็นฐานะทางสังคม หรือหน้าตาหวี๋เฟยหมิงนั้นดูด้อยไปเลย ดังนั้นสิ่งเดียวที่หวี๋เฟยหมิงจะทำได้ก็คือ ใช้เวินหนิงในการกนะตุ้นเขา อย่างน้อยก็ไม่ทำให้ตัวเขานั้นน่าอับอายเกินไป
“หรอ? ต่างฝ่ายต่างยินยอมงั้นหรอ?”
ลู่จิ้นยวนไม่แม้แต่จะมองหน้าหวี๋เฟยหมิง สายตาของเขาจับจ้องไปที่เวินหนิง เขาสาบาน ถ้าผู้หญิงคนนี้กล้าพยักหน้าละก็ เขาจะทำให้เธอต้องได้รับโทษสมกับสิ่งที่เธอทำไว้แน่
หน้าผากของเวินหนิงนั้นชื้นขึ้นด้วยเหงื่อทันที โดยเฉพาะสายตาที่เต็มไปด้วยการข่มขู่ของลู่จิ้นยวนที่มองมายังเธอนั้น เหมือนจะฉีกเธอเป็นชิ้นๆอย่างงั้นแหละ
จู่ๆในใจก็รู้สึกเสียใจขึ้นมา
แฟนเก่าของเขากลับมา แล้วมาบอกกับเธอว่าถ้าฉลาดหน่อยก็ไปให้พ้นจากเขาสะ ลู่จิ้นยวนไม่ไปดูแลมู่เยียนหราน กลับมาวุ่ยวายกับเธอ?
โลกนี้ยังมีความยุติธรรมหลงเหลืออยู่หรือเปล่า?
“ใช่ แล้วจะทำไม? นายกับฉันไม่มีความเกี่ยวข้องกันสักหน่อย ฉันจะทำอะไรมันก็เรื่อง……!”
ความดื่อร้นของเวินหนิงตีขึ้นมาทันที และยิ่งพูดขัดใจลู่จิ้นยวนให้จบ ตาของลู่จิ้นยวนนั้นเย็นยะเยือกลงทันที จับข้อมือของเวินหนิงไว้แน่น เดินลากเธอออกจากร้านไป
หวี๋เฟยหมิงถูกขัดจังหวะ แต่เขาก็ไม่กล้าที่จะมีเรื่องกับลู่จิ้นยวน ทำได้เพียงใส่สีตีไข่อยู่ข้างหลังว่า“เวินหนิง จำคำพูดของเธอไว้ด้วยล่ะ”
ตอนนี้เวินหนิงเองไม่มีกระจิตกระใจที่ไปสนใจหวี๋เฟยหมิงแล้ว ลู่จิ้นยวนในตอนนี้เหมือนราชสีห์ที่กำลังโกรธ และเธอก็เป็นเหมือนเหยื่อที่โดนเล็งไว้ เธอถึงขั้นรู้สึกว่าเป็นความน่ากลัวที่จะถูกฉีกกินลงท้อง แม้แต่กระดูกก็ไม่เหลืออย่างงั้น