ลู่จิ้นยวนมองเห็นความเป็นห่วงจากสายตาเธอ ในใจก็รู้สึกหวั่นไหว
เวินหนิงเห็นว่าเขาไม่ตอบ เลยคิดว่าตัวเองลงมือหนักเกินไป แล้วทำให้เขาเจ็บ ก็เลยร้อนร้อน “ถ้างั้น ฉันเรียกพยาบาลกลับมาดีกว่า ฉัน……”
เธอไม่อยากซุ่มซ่ามแล้วทำให้เรื่องพัง
“ไม่ต้อง ทาต่อเลย”
ลู่จิ้นยวนจับข้อมือเธอไว้ อุณหภูมิที่อุ่นร้อนก็แผ่ไปบนร่างกายเธอด้วย จนทำให้เมื่อกี้ที่เธอยังร้อนรนก็สงบลงมาทันที
“ถ้าเจ็บก็รีบบอกฉันนะ”
พูดจบ เวินหนิงก็ทายาต่อ ทายาไปด้วย เธอก็มองสำรวจใบหน้าของผู้ชายไปด้วย
ปกติมองจนชินแล้วยังไม่รู้สึก แต่พอเข้าใกล้แบบนี้ เธอค่อยรู้ว่าผิวหน้าของลู่จิ้นยวนดีมาก ถ้าเทียบกับผู้หญิงที่บำรุงผิวหน้าอย่างดี อยู่ใกล้ขนาดนี้ก็ไม่เห็นรอยด่างอะไรเลย
บางคน เกิดมาก็ได้รับของขวัญอันพิเศษจากบนฟ้าแล้ว
ในใจเวินหนิงว้าวุ่นมาก โดยเฉพาะ ตอนที่สายตาของลู่จิ้นยวนมองมาที่ตัวเอง กว่าเธอจะทนรับความกดดันนี้แล้วทายาจนเสร็จ กำลังจะเก็บของ มือก็สั่น แล้วยาก็เลอะไปบริเวณอื่น
เมื่อเวินหนิงเห็นว่าบนหน้าผากของลู่จิ้นยวนเลอะ ก็อยากหัวเราะ แต่ก็รู้สึกกลัว แล้วจะรีบดึงทิชชู่มาเช็ดให้สะอาด
“ดูเหมือนว่าที่เธอบอกว่าเธอซุ่มซ่าม ไม่ใช่แค่ถ่อมตัว”
ลู่จิ้นยวนเห็นท่าทางที่ร้อนรนแล้วควานหาของเวินหนิง แต่ว่า ยิ่งใจร้อนก็ยิ่งหาไม่เจอ
ในใจเวินหนิงก็รู้สึกเอือมระอา เมื่อกี้ ถูกสายตาของเขามองจนเกร็ง ก็เลยทำผิดพลาดไปหน่อย
ถูกสายตาแบบนั้นจ้องอยู่ตลอดเวลา ถึงจะเป็นก้อนหินก็ต้องมีปฏิกิริยาอยู่แล้ว
“ฉันไม่ได้ตั้งใจ” เวินหนิงเอ่ยพึมพำ สุดท้ายก็หาทิชชู่เจอ แล้วเช็ดยาที่เลอะบนหน้าผากออก
เป็นเพราะรีบร้อน เธอไม่สังเกตุเห็นเลยว่าระยะห่างระหว่างทั้งสองคนจะใกล้ชิดขนาดนี้ ลู่จิ้นยวนรู้สึกแค่ว่าเส้นผมของเธอลอยผ่านไปผ่านมาตรงหน้าเขา ก็ทำให้ในใจรู้สึกอะไรบางอย่าง
เวินหนิงไม่ได้ใช้น้ำหอม ก็เลยไม่มีกลิ่นฉุนอะไร มีแค่กลิ่นหอมอ่อนๆโอบล้อมไว้
“ทำไมหรอ?” เวินหนิงเห็นว่าเขาไม่พูดอะไร ก็คิดว่าตัวเองทำพลาดอะไรอีก พอมองไป ก็เหมือนกับว่าตกลงไปในมหาสมุทร
จากนั้น ใบหน้าที่หล่อเหลาก็โผล่มาตรงหน้า จนเวินหนิงรู้สึกว่าตัวเองสามารถได้ยินเสียงหายใจของเขา
ตามมาด้วย ริมฝีปากที่อุ่นร้อนของผู้ชายคนนั้น พร้อมกับความเอาแต่ใจแฝงมาด้วย
เวินหนิงตกใจไป อยากจะผลักลู่จิ้นยวนออก แต่มือก็ยังเลอะยาเมื่อกี้อยู่ ก็เลยต้องปล่อยให้ผู้ชายคนนี้เอาแต่ใจไป
สมองของเวินหนิงว่างเปล่ากับการจูบที่ฉับพลันนี้
ทำไมเขา……ถึงจูบ?
อากาศในปอดน้อยลงเรื่อยๆ สุดท้ายเวินหนิงก็ไม่สนอะไรมาก แล้วใช้มือยันไว้ที่หน้าอกของลู่จิ้นยวน
เธอจะหมดอากาศหายใจแล้ว
เห็นท่าทางเวินหนิงที่หายใจไม่ออก ลู่จิ้นยวนก็เลยยอมปล่อยเธอ
“ครั้งหน้า หายใจให้เป็นจังหวะด้วย”
เวินหนิงหน้าแดงอยู่แล้ว พอได้ยินคำพูดนี้ เลือดก็พุ่งขึ้นสมอง เธอตัวร้อนจนจะบ้าแล้ว
“ทำไมนาย……บ้าไปแล้วหรอ?”
เวินหนิงค่อยนึกขึ้นได้ว่าประตูห้องพักฟื้นไม่ได้ล็อก ถ้าบังเอิญมีคนเดินเข้ามาล่ะ?
ทำไมลู่จิ้นยวนถึงทำอะไรตามใจตัวเองขนาดนี้
“เธอกลัวอะไร? กลัวจะโดนผมกินงั้นหรอ?” ลู่จิ้นยวนมองไปที่เวินหนิง แล้วจงใจแกล้ง
เวินหนิงลุกขึ้นอย่างหงุดหงิด “ฉันไปล้างมือก่อน”
เธอจะคุยอย่างนี้ต่อกับลู่จิ้นยวนไม่ได้แล้ว ถ้ายังพูดต่อ ก็จะยุ่งยากไปกว่าเดิม
ลู่จิ้นยวนเห็นท่าทางที่โมโหของเธอแบบนี้ รอยยิ้มก็เผยออกมา นิ้วมือก็แตะไปบริเวณที่พวกเขาจูบกันเมื่อกี้ รู้สึกไม่เลวเลย
เวินหนิงล้างมือในห้องน้ำ มองเห็นใบหน้าที่ร้อนแดงของตัวเอง ก็รีบใช้น้ำเย็นล้างหน้าด้วย แล้วพยายามดึงสติตัวเองไว้
มาโรงพยาบาลสองครั้ง ลู่จิ้นยวนก็จูบเธอ นี่หมายความว่ายังไง……
เวินหนิงค่อยรู้สึกว่าในใจตัวเองว้าวุ่นมาก
ผู้ชายคนนี้ เหมือนเป็นยาพิษ ถึงแม้ตัวเองจะรู้ว่าเขาอันตราย แต่ก็มีความคิดที่อยากจะเข้าใกล้
พอถอนหายใจ เวินหนิงก็ตบหน้าเบาๆ แล้วเดินออกมา หลังจากเรื่องเมื่อกี้ เธอก็ไม่กล้ามองหน้าลู่จิ้นยวนอีกเลย “ในเมื่อนายไม่เป็นอะไรแล้ว งั้นฉันกลับไปก่อน ที่บริษัท……”
“อยู่ก่อน อยู่เป็นเพื่อนผมก่อน”
ลู่จิ้นยวนปฏิเสธอย่างไม่ต้องคิดเลย
“แต่ว่า……”
เวินหนิงไม่เต็มใจ ถ้าเธอยังอยู่ที่นี่ต่อ ก็คงจะเกิดอะไรที่อันตรายแน่นอน
“ผมเป็นเจ้านาย ผมให้เธอทำอะไร เธอก็ต้องทำอย่างนั้น”
ลู่จิ้นยวนพูดไปด้วย ก็ตบเก้าอี้ข้างๆ ให้สัญญาณวเวินหนิงมานั่งที่นี่
ทำอะไรก็ไม่ได้ เวินหนิงก็เลยจำใจต้องเชื่อฟังเขา ยังไงลู่จิ้นยวนก็เป็นคนที่ให้เงินเดือนเธอ
แต่ว่าครั้งนี้ ลู่จิ้นยวนก็ไม่ได้ทำให้เธอลำบากอีก หยิบเอกสารเมื่อกี้ขึ้นมาแล้วเปิดดูบนเตียง
ถึงแม้ ลู่จิ้นยวนจะยังสวมใส่ชุดคนไข้อยู่ แล้วที่นี่ก็ไม่ได้ดูดีกว้างขวางเหมือนที่บริษัท แต่ท่าทางที่ตั้งใจของผู้ชายคนนี้ ก็ยังเปล่งประกายเหมือนเดิม
เวินหนิงกำลังมองไปทั่ว แต่ก็ถูกท่าทางที่ตั้งใจทำงานของลู่จิ้นยวนดึงดูดอย่างไม่รู้ตัว
เขาว่ากันว่า ผู้ชายที่ตั้งใจหล่อที่สุด ดูเหมือนว่าจะเป็นอย่างนั้นจริง
ทั้งสองนั่งเงียบๆอยู่อย่างนั้นด้วยกัน ไม่พูดอะไร กลับมีความสงบที่เข้ากันได้อีกแบบ
อย่างไม่รู้ตัว ก็ถึงเวลาอาหารเย็นแล้ว
เวินหนิงมองไปที่นาฬิกา ตอนนี้หกโมงเย็นแล้ว เธอมองไปที่ผู้ชายที่กำลังดูเอกสารอยู่ ก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยเตือน “พักก่อนเถอะ จะถึงมื้อเย็นแล้ว”
เมื่อพูดถึงที่นี่ เธอก็รู้สึกภูมิใจในตัวลู่จิ้นยวนมาก ถึงแม้จะอยู่โรงพยาบาล แต่ก็ไม่ละทิ้งการงานเลย อาจจะพูดได้ว่า เป็นคนบ้างานมาก
“อื้อ”
ลู่จิ้นยวนถูกขัดจังหวะ ก็รู้สึกไม่สบอารมณ์ แต่พอเงยหน้าแล้วเห็นความเป็นห่วงในสายตาของเวินหนิง ก็มีความสุขขึ้นมาทันที
ที่แท้ ความรู้สึกที่มีคนเป็นห่วงอย่างนี้ก็ไม่เลวเลย
คิดไปด้วย ลู่จิ้นยวนก็มองไปที่เธอ “มากินด้วยกันก่อน กินเสร็จเดี๋ยวผมจะให้อันเฉินส่งกลับบ้าน”
เวินหนิงคิดไปคิดมา สุดท้ายก็พยักหน้า “ได้?งั้นเดี๋ยวฉันไปเอามื้อเย็นมาให้นาย”
พูดจบ เวินหนิงก็เดินออกไป
โรงพยาบาลแห่งนี้มีร้านอาหารเป็นของตัวเอง โดยเฉพาะห้องพักฟื้นวีไอพีที่คนอย่างลู่จิ้นยวนอยู่ ก็มีอาหารที่ดูดีมีประโยชน์คอยบริการอยู่แล้ว
เวินหนิงเคยมาที่นี่ ก็เลยหาที่นี่เจอไม่ยาก จากนั้นก็หยิบอาหารที่ลู่จิ้นยวนชอบ กำลังจะเดินกลับไป แต่ก็ถูกใครบางคนขวางทางไว้
“เวินหนิง ใช่เธอหรือเปล่า? รอก่อน ผมมีอะไรจะคุยด้วย” มีเสียงที่เยือกเย็นลอยออกมาจากที่มืด ก็ทำให้เวินหนิงรู้สึกถึงลางสังหรณ์อะไรที่ไม่ดี