เวินหนิงลังเลไปครู่หนึ่ง สุดท้ายก็เปิดประตู
ลู่จิ้นยวนมาที่นี่ ก็ทำให้เธอรู้สึกตกใจมาก
พอเปิดประตู ลู่จิ้นยวนก็เดินเข้ามาทันที มองเห็นที่พักที่แคบเล็กนี้ ก็ขมวดคิ้ว
เวินหนิงเป็นคนแปลกมาก ให้คอนโดเธออยู่เธอไม่อยู่ แต่กลับจะมาอยู่ที่บ้านพักทรุดโทรมแบบนี้
“นายมาได้ยังไง”
เวินหนิงมองเห็นผู้ชายตรงหน้าเดินเข้ามาในบ้าน
ลู่จิ้นยวนไม่ได้เปลี่ยนลงเท้าด้วยซ้ำ ก็เหยียบเข้ามาจนพื้นของเธอสกปรกหมด
ทีแรกอยากจะบ่น แต่พอเห็นในมือผู้ชายคนนี้ถือกล่องอะไรบางอย่างไว้ แล้วมีกลิ่นอาหารลอยออกมา เธอก็ห้ามใจไว้
ลู่จิ้นยวน มาส่งอาหารให้เธอ?
เมื่อนึกถึงที่นี่ เวินหนิงก็รู้สึกว่าเป็นไปไม่ได้
ลู่จิ้นยวนมองไปที่เวินหนิงที่ยืนนิ่งอยู่ตรงหน้า “มากินข้าว”
เมื่อกี้เขาเพิ่งรู้ตัวว่า เป็นเพราะถูกขัดจังหวะ พวกเขาก็เลยยังไม่ได้กินข้าวด้วยกัน
นี่เขาก็เลยมาหาถึงที่
“นายกินเองก็ได้ ไม่ต้องลำบากขนาดนี้……”
ลู่จิ้นยวนเป็นคนที่ตระกูลลู่ให้ความดูแลเป็นพิเศษ ถ้าให้คนอื่นรู้ว่าเขาออกมาจากโรงพยาบาล เพื่อมาส่งอาหารให้เธอแบบนี้ เย่หวานจิ้งคงจะโกรธจนอยากจะถลกหนังเธอ
“มาส่งถึงที่แล้ว เธอยังจะปฏิเสธอีก?”
ลู่จิ้นยวนมองไปที่เธอ แล้ววางของลงบนโต๊ะ “ฉันยังไม่ได้กิน มากินด้วยกัน”
เมื่อเวินหนิงเห็นว่าลู่จิ้นยวนไม่ฟังคำพูดเธอเลย ก็เลยต้องหุบปาก แล้วเดินไปนำกล่องอาหารออกมาเรียงกัน
แต่ดูไปดูมา เธอก็รู้สึกแปลกใจ
ไม่คิดเลยว่า ของที่ลู่จิ้นยวนซื้อมาจะเป็นของที่เธอชอบทั้งนั้น เวินหนิงจำไม่ได้ว่าเธอเคยพูดหรอว่าตัวเองชอบกินอะไร
ตอนที่อยู่ตระกูลลู่ ถ้าไม่จำเป็นต้องพูดเธอก็ไม่พูด มีกินก็พอแล้ว จะไม่เรื่องมากเด็ดขาด
“นายรู้ได้ยังไง……”
“ครั้งก่อนที่ไปกินข้าวเธอก็สั่งพวกนี้ไม่ใช่หรอ?”
ลู่จิ้นยวนมองไปที่เวินหนิง เหมือนกำลังบ่นว่าเธอทำไมถึงมีคำถามเยอะขนาดนี้
ความชอบของเธอแค่นั้น เขาแค่เห็นก็จำได้แล้ว ตอนนี้ก็เลยไม่ได้รู้สึกแปลกอะไร
“……”
เวินหนิงได้ยินเสียงของผู้ชายคนนี้ ถึงจะไม่แตกต่างจากปกติมากนัก แต่คำพูดไม่กี่คำนี้ กลับทำให้ใจเธอสงบลง
เธอรู้สึกว่า บนโลกนี้นอกจากคุณแม่ แล้วก็ไป๋อี้อันที่อยู่ต่างประเทศจำความชอบของตัวเองได้ ก็ไม่มีใครที่ใส่ใจเธออีกเลย
ไม่คิดเลยว่า คนที่ละเอียดอ่อนขนาดนี้ จะเป็นลู่จิ้นยวน
เมื่อรู้สึกแสบตา เวินหนิงรีบก้มหน้าปิดบังไว้ จากนั้น ก็แกล้งทำเป็นว่าไอน้ำลอยเข้าตาแล้วรีบเช็ด พร้อมกับตักน้ำซุปด้วยท่าทางนิ่งเฉยให้ลู่จิ้นยวน “รีบมากินข้าวเถอะ ครั้งนี้จะไม่เค็มจนนายกินไม่ลงแน่นอน”
ลู่จิ้นยวนเลิกคิ้ว ครั้งก่อนที่อยู่ที่นี่ เวินหนิงตั้งใจใส่เกลือในน้ำซุปของเขา จนทำให้เขาจำมาถึงตอนนี้
ทั้งสองคนนั่งอยู่ด้วยกัน รอบข้างเงียบสงบมาก มีแค่เสียงตะเกียบที่ส่งเสียงดัง ไม่มีใครเอ่ยพูดอะไรเลย แต่ก็ไม่ได้รู้สึกอึดอัด แค่อยู่เงียบเๆอย่างนี้ก็สบายใจแล้ว
เวินหนิงก็รู้สึกว่าช่วงนี้กินได้เยอะแล้ว กี่วันนี้มา อาการอาเจียนก็หายไปไม่น้อย เธอก็กินอะไรได้เยอะกว่าแต่ก่อน
ลู่จิ้นยวนเห็นเธอขยับตะเกียบไม่หยุด ในสายตาก็มีความอบอุ่นทอดมองไปที่เธอ
ทันใดนั้น โทรศัพท์บนโต๊ะของเวินหนิงก็ดัง เธออึ้งไป ค่อยนึกได้ว่าใครโทรมา ยังไง โทรศัพท์สายนี้ก็ห้ามให้ลู่จิ้นยวนได้ยินเด็ดขาด “ฉันออกไปรับโทรศัพท์ก่อนนะ”