บ่วงแค้นแสนรัก – ตอนที่ 148 ที่แท้ก็ชอบเลียตีนผู้มีอำนาจแล้วเหยียบย่ำคนด้อยกว่า คนชั้นต่ำ

ยวี๋เฟยหมิงถือโทรศัพท์อยู่ กำลังถ่ายภาพเวินหนิงที่มีสภาพเสื้อผ้าไม่เรียบร้อยเละเทะที่นอนทอดกายอยู่บนเตียง

ในเมื่อเวินหนิงใจกล้าคิดจะมาวางแผนจัดการเขา งั้นเขาก็ต้องถ่ายสภาพที่ดูเลวร้ายอย่างที่สุดของเธอเอาไว้ให้หมด เมื่อถึงเวลา เวินหนิงก็จะมาเป็นหมาตัวหนึ่งที่อยู่แทบเท้าเขา ไม่ว่าเขาจะสั่งให้เธอทำอะไร เธอก็จะทำเช่นนั้น

ถึงขนาดที่ว่า ลู่จิ้นยวนคนนั้นที่เธอตะเกียกตะกายไปเกาะอาศัยขออำนาจอยู่ ก็จะต้องรังเกียจจนทอดทิ้งเธอไป

เมื่อคิดเช่นนี้ยวี๋เฟยหมิงก็ตื่นเต้นมากเสียจนหน้าแดงหูแดง หลังจากที่ตั้งเครื่องถ่ายวีดีโอให้มั่นคงแล้ว ก็กำลังจะไปลิ้มรสชิมอาหารของค่ำคืนนี้

สติของเวินหนิงก็เลือนรางเต็มทีแล้ว เธอพยายามกัดตัวเองอย่างสุดกำลัง ถึงขนาดที่ว่ากัดจนริมฝีปากตัวเองมีเลือดไหลรินออกมา แต่กลับยังเป็นการยากที่จะต่อต้านความรุ่มร้อนที่อยู่ทั้งภายในและภายนอกตัวเธอ

สังเกตเห็นว่ายวี๋เฟยหมิงกำลังเคลื่อนกายเข้ามาใกล้ตน เวินหนิงก็ใช้เท้าถีบออกไปด้วยสติที่มีเหลืออยู่น้อยนิดหวังว่าจะให้เขานั้นถอยห่างออกไปเสีย แต่ว่าการกระทำนั้นกลับดูโรยแรงไร้กำลัง ไม่มีพลังเลยแม้แต่น้อย ในชั่วขณะที่เธอก็ไม่รู้ว่าจะทำเช่นไรนั้นเอง ทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นมาจากข้างนอก

เสียงอันทุ้มต่ำที่โกรธขึ้งของลู่จิ้นยวนดังขึ้นมาจากด้านนอกประตู ราวกับเป็นน้ำเย็นจัดที่ราดเข้าใส่ทำให้สมองที่มีสติอันเลือนรางของเวินหนิงตื่นขึ้นมาในทันที

ลู่จิ้นยวน………มาแล้วเหรอ

นี่เป็นความจริง หรือว่าเธอกำลังฝันอยู่กันแน่

เวินหนิงเค้นให้สมองที่เชื่องช้าของเธอนั้นทำงาน ขณะนั้นเองยวี๋เฟยหมิงเองก็หยุดการเคลื่อนไหว สีหน้าซีดเผือดมองไปที่ประตูด้วย

ลู่จิ้นหยวนหาที่นี่เจอได้อย่างไรกัน ที่นี่เป็นธุรกิจที่อยู่ภายใต้การดูแลของตระกูลเขา ถึงแม้ตระกูลลู่จะยิ่งใหญ่ครอบคลุมธุรกิจไพศาล แต่ที่โรงแรมนี้ก็จะขายข้อมูลเขาไปแบบนี้ไม่ได้

ลู่จิ้นยวนเห็นว่าคนข้างในไม่ได้ตอบรับเขากลับมา สีหน้าก็พลันโกรธจัดจนบูดเบี้ยวยิ่งขึ้นไปอีก “คุณมั่นใจว่าคือที่นี่นะ”

แมรี่พยักหน้า “ไม่ผิดอย่างแน่นอน ฉันเห็นมากับตาตัวเอง! ”

“เวินหนิง เธออยู่ข้างในนั้นไหม”

เสียงของลู่จิ้นยวนดังลอดมาอีกครั้ง ตอนนั้นเองที่เวินหนิงมั่นใจได้แล้วว่าเขามาหาแล้วจริงๆ ก็ไม่อาจทราบได้ว่าเธอไปขุดเอาแรงมาจากไหน กลับพลิกตัวออกมาจากยวี๋เฟยหมิงที่เอาตัวกดขาเธอไว้อยู่ พยุงร่างที่ไม่แทบไม่เหลือแล้วซึ่งแรงวิ่งปรี่ไปที่บานประตู “ลู่จิ้นยวน ช่วยฉันด้วย……ฉัน……”

เวินหนิงพูดขึ้น ใจก็พลันพูดไม่ออกเนื่องจากความละอาย ลู่จิ้นยวนเคยเตือนเธอไปแล้วตั้งหลายรอบ เธอไม่เพียงแต่ทำแผนไม่สำเร็จ กลับเกือบถูก…….

เมื่อได้ยินเสียงของเวินหนิง นัยน์ตาของลู่จิ้นยวนก็เย็นเฉียบลงมากขึ้นไปอีก เสียงของเธออ่อนแผ่วอย่างไร้เรี่ยวแรง ฟังดูก็รู้แล้วว่าไม่ปกติ

“ยวี๋เฟยหมิง เปิดประตูเดี๋ยวนี้ หรือว่าจะให้ฉันจัดการนาย”

เมื่อคิดถึงสภาพที่น่าจะเกิดขึ้นอยู่กับเวินหนิงแล้ว ลู่จิ้นยวนก็ไม่ได้เอ่ยร้องขอให้เธอทำอะไรต่อ กลับเริ่มเจรจาต่อรองกับยวี๋เฟยหมิงแทน

ยวี๋เฟยหมิงได้ยินน้ำเสียงอันสงบนิ่งของเขาแล้วก็กำหมัดแน่น ตั้งแต่แรกเริ่มจนถึงตอนนี้ ลู่จิ้นยวนล้วนแล้วแต่บดขยี้เขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่ว่าจะเป็นเรื่องรูปลักษณ์ภายนอก หรือว่าชาติตระกูล หรือแม้แต่กระทั่งความสามารถที่คนอื่นรู้สึกสัมผัสได้ เขาล้วนแต่ถูกเอามาเปรียบเทียบให้อยู่ต่ำกว่าทั้งสิ้น

และตอนนี้ เขาก็ยังใช้น้ำเสียงที่อยู่เหนือกว่ามาออกคำสั่งกับเขางั้นเหรอ

ยวี๋เฟยหมิงแค่นยิ้มเย็นเยือก “ทำไม ฉันมาเปิดห้องกับผู้หญิงที่สมยอมกับฉัน แม้แต่เรื่องนี้คุณชายลู่ก็ต้องมาสนใจด้วยเหรอ”

เวินหนิงที่มีประสาทการรับรู้เลือนรางเต็มที หลังจากที่ได้ยินดังว่าก็รีบออกปากไปในทันที “ไม่ใช่ ฉันไม่ใช่แบบนั้นนะ!”

เสียงจากภายนอกประตูเงียบลงชั่วครู่ ยวี๋เฟยหมิงก็นึกว่าลู่จิ้นยวนจะรู้สึกโกรธจากการที่ถูกเวินหนิงสวมเขาให้แบบนี้ จนจากไปด้วยความฉุนเฉียวที่ทำให้เสียเกียรติแล้ว บนใบหน้าก็ปรากฏรอยยิ้มอย่างพึงพอใจ “เป็นอย่างไรล่ะ เขาไม่สนใจเธอแล้ว เธอมันก็เป็นได้แค่ของเล่นชิ้นหนึ่ง ยังจะเสือกคิดว่าตัวเองสำคัญอยู่นักหนาไหมล่ะ”

เวินหนิงส่ายหัวไปมา ความรู้สึกที่ได้รับการหยิบยื่นความหวังมาให้แล้วก็พลันถูกแย่งคืนกลับไปเช่นนี้ ทำให้เธอเคว้งคว้างถึงขนาดที่ว่ารู้สึกหมดหนทางมากเสียยิ่งกว่าก่อนหน้านี้เสียอีก

ลู่จิ้นยวน ไม่เชื่อใจเธองั้นเหรอ

เพราะว่าเธอไม่เชื่อฟังเขาอีกแล้วงั้นเหรอ เพราะฉะนั้นแล้วเขาก็เลยไม่สนใจตัวเธอแล้วใช่ไหม

มองดูเวินหนิงที่มีท่าทางราวกับว่าไฟในจิตใจค่อยๆ ดับมอดลง ยวี๋เฟยหมิงก็รู้สึกปรีดาเป็นอย่างยิ่ง ขณะที่กำลังจะสานต่อเรื่องราวที่ค้างคา ทันใดนั้นเอง ทางด้านประตูก็มีเสียงดังลอดเข้ามา ลู่จิ้นยวนใช้เท้าถีบประตูเข้ามา จนเกือบกระแทกโดนยวี๋เฟยหมิงให้ล้มลงไปกับพื้น

เมื่อสักครู่ อันเฉินได้จัดการพนักงานบางคนที่ยังต่อต้านขัดขืนอยู่ แล้วจึงนำเอาคีย์การ์ดตัวหลักที่ใช้ควบคุมมาให้

“แก ทำไมแกถึงมีสิ่งนี้”

ยวี๋เฟยหมิงมองไปที่ลู่จิ้นยวนอย่างยากที่จะเชื่อในสายตา ที่แห่งนี้คือธุรกิจของตระกูลเขา เขาเป็นนายเหนือหัวของที่นี่ ไอ้พวกเศษสวะพวกนั้นทำไมถึงได้เอาสิ่งนี้ให้ลู่จิ้นยวนกัน

ลู่จิ้นยวนมองเขาอย่างไม่ยินดียินร้ายไปหนึ่งที ราวกับว่ากำลังมองเศษซากขยะไร้ค่าที่อยู่ข้างทางก็ไม่ปาน ฉับพลันต่อมาเขาก็เบนสายตาไปหยุดอยู่ที่เวินหนิง นัยน์ตาก็หดแข็งเกร็งในทันที

แมรี่ที่มองดูสถานการณ์อย่างเงียบเชียบมาโดยตลอด ทันทีที่ได้เห็นสภาพของเธอแล้วก็ตื่นตกใจไปไม่น้อยเลยทีเดียว ไม่คาดคิดเลยว่าเวินหนิงจะมาเจอกับเรื่องแบบนี้เข้าได้ ถ้าไม่ใช่เพราะว่าผู้ชายคนนี้เข้ามาหาล่ะก็ เกรงว่าตอนนี้เธอก็คงจะถูก………..

ลู่จิ้นยวนสาวเท้าก้าวยาวเข้าไปหา ถอดเสื้อคลุมตัวนอกของตัวเองออกจากนั้นก็คลุมลงไปบนตัวของเวินหนิง จากนั้นก็กุมมือของเธอที่ยังคงยื่นออกมาอย่างสะเปะสะปะสูญเสียการควบคุมทันที “ตอนนี้เธอรู้สึกเป็นยังไงบ้าง”

แม้ว่าในหัวจะยังมีไฟแห่งความโกรธแค้นลุกอยู่ ยังโมโหกับการกระทำทุกอย่างที่เวินหนิงทำ แต่เมื่อมาเห็นเธอที่อยู่ในสภาพนี้แล้ว ลู่จิ้นยวนกลับรู้สึกเพียงแต่ว่าใจนั้นเจ็บปวดทรมานไปหมด ไม่สนใจความคิดเมื่อสักครู่ที่คิดจะสั่งสอนเธอ แต่ก็กลับเอ่ยถามด้วยความใส่ใจแทน

“ฉัน………ฉันทรมาน……” เวินหนิงสัมผัสได้ถึงกลิ่นที่คุ้นเคยนั้น ร่างอันอบอุ่นที่เธอรู้จักเป็นอย่างดีเคลื่อนกายเข้ามาใกล้ สติที่เธอพยายามประคองอย่างยากลำบากมาโดยตลอดก็พังทลายลงไปในทันที เธอเหนื่อยล้าเกินไปแล้ว นาทีนั้น ไร้ซึ่งเรี่ยวแรงที่จะฝืนขัดขืนอีกต่อไป

ชั่วขณะที่ลู่จิ้นยวนขยับเข้าไปใกล้เธอ เธอกลับกลายเป็นฝ่ายเคลื่อนตัวเข้าสู่อ้อมอกของเขาเอง

แม้จะยังมีคนอื่นอยู่ แต่เขาก็ไม่ได้คิดจะทำอะไร เพียงแค่อุ้มเวินหนิงขึ้นมา คิดเอาไว้ว่าเดี๋ยวค่อยกลับมาจัดการยวี๋เฟยหมิงไอ้ขยะที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงตัวนี้

และเมื่อยวี๋เฟยหมิงเห็นภาพตรงหน้า ในใจก็ยิ่งกรุ่นโกรธ เมื่อกี้ตอนอยู่กับเขาก็ทำตัวราวกับเป็นเด็กสาวสะอาดบริสุทธื์ขัดขืนเขาอยู่ แต่พอได้เห็นลู่จิ้นยวนก็ทำตัวอีกแบบ เวินหนิงยัยผู้หญิงคนนี้ที่แท้ก็เป็นพวกเลียตีนพวกคนมีอำนาจแล้วมาดูแคลนเหยียบย่ำคนด้อยกว่าสินะ ชั้นต่ำ!

“คุณชายลู่ คือเวินหนิงเขายอมมาด้วยตัวเองนะ ฉันไม่ได้บังคับฝืนใจอะไรเลย”

ยวี๋เฟยหมิงดึงสายตาของลู่จิ้นยวนให้มาสนใจที่ตนได้สำเร็จ

“ฉันไม่ได้ ไม่ฉันไม่…….ฉันทำไปเพื่อ……….เพื่อหลักฐาน” เวินหนิงที่อยู่ในอ้อมอกก็พลันดึงเสื้อของลู่จิ้นยวน กลัวว่าเขาจะเข้าใจอะไรผิดไป

มองดูเธอที่ดื้อรั้น ลู่จิ้นยวนก็ทั้งเจ็บปวดใจทั้งไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี ไม่ใช่ว่าเขาเคยพูดไปแล้วเหรอว่าจะช่วยเธอ แล้วทำไมเธอถึงไม่รอล่ะ

“ฉันเข้าใจแล้ว” ลู่จิ้นยวนไม่ลังเลสงสัยเลย เอ่ยคำง่ายๆ ออกมาไม่กี่คำ เพื่อให้เวินหนิงรู้สึกสบายใจ ต่อมาในทันทีเธอก็พลันนึกอะไรขึ้นออก “เขา เขาถ่าย…..ถ่ายรูป”

สีหน้าอันเย็นเฉียบของลู่จิ้นยวนที่มีอยู่แต่แรกก็เปลี่ยนกลายเป็นสีหน้าอำมหิตพร้อมที่จะฆ่าใครได้ มองไปที่ยวี๋เฟยหมิงที่ยืนอยู่อีกด้านและยังนึกคิดที่จะพูดยั่วโมโหเขาอยู่

บ่วงแค้นแสนรัก

บ่วงแค้นแสนรัก

ของขวัญวันเกิดอายุ18ปีของเวินหนิง คือเธอต้องติดคุก10ปี เพื่อการแก้แค้นเธอจึงตอบตกลงคำขอร้องของปีศาจ เธอต้องแต่งงานกับสามีที่นอนอยู่ในสภาพเหมือนผัก แต่คิดไม่ถึงว่า…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset