เวินหนิงเหลือบมองไป๋ซินอวี๋ ดูท่าเขายืนหยัดที่จะสู้กับตนเอง เพียงแต่อยู่ต่อหน้าคนแบบนี้ เธออดกลั้นความโกรธไว้ ไม่อยากให้พลาดแม้แต่น้อย
“เรื่องพวกนี้นายควรจะไปถามเขา ไม่ใช่มาถามฉัน”
เวินหนิงพูดจบก็ชี้นิ้วไปทางประตูอย่างเย็นชา “ขอประทานโทษด้วย นี่มันห้องพักคนไข้ของฉัน ไม่ได้รับการอนุญาตจากฉัน การกระทำของพวกเธอแบบนี้ถือว่าเป็นการบุกรุกพื้นที่ส่วนตัว เชิญพวกนายออกไปจากที่นี่ ”
“ถือว่าเป็นพื้นที่ส่วนตัวของเธออะไรกัน เธอมีปัญญาอยู่ห้องแบบนี้เหรอ? ถ้าไม่ใช่ว่าพึ่งพาจิ้นยวน!”
มู่เยียนหรานโต้กลับทันที
เดิมทีไป๋ซินอวี๋อยากจะพูดยั่วโมโหเวินหนิงอีกสักหน่อย แต่ดูเหมือนว่ามู่เยียนหรานจะถูกยั่วยุอีกแล้ว อารมณ์ไม่ค่อยคงที่ เขาทำได้เพียงแค่ระงับความไม่พอใจไว้ในใจ “ตกลง ในเมื่อเธอไม่ยอมฟังฉันดี ๆ ไม่ยอมจากไปอย่างเชื่อฟัง งั้นคอยดูไว้แล้วกัน ฉันก็อยากจะเห็นว่าเธอจะลำพองใจได้สักแค่ไหน รอให้จิ้นยวนเห็นธาตุแท้ของเธอ ฉันอยากจะรู้ว่าเธอจะมีสภาพแบบไหน”
พูดจบไป๋ซินอวี๋ก็อุ้มมู่เยียนหรานออกไปจากที่นี่
เวินหนิงมองดูแผ่นหลังของพวกเขาออกไปจากห้อง เธอโมโหจนปาหมอนไปที่กำแพง
ทำไมถึงได้มีคนที่กลับกลอกไม่มีเหตุผลแบบนี้ บุกมายั่วยุ แถมยังท่าทางโอหังแบบนั้น
เพียงแต่คำพูดของไป๋ซินอวี๋ เมื่อครู่เวินหนิงแสดงท่าทีไม่สนใจออกมา ถ้าหากไม่ใช่แค่ตระกูลลู่ แม้กระทั่งเพื่อนพวกนั้นของเขาก็ยังคัดค้านต่อการมีอยู่ของเธอ…
สุดท้ายแล้วลู่จิ้นยวนจะทำยังไง? เวินหนิงดวงตาเคร่งขรึม
…
ไป๋ซินอวี๋พามู่เยียนหรานมาที่รถ เห็นท่าทางซีดเซียวของเธอ แม้แต่ดวงตาที่โดยปกตินั้นสวยงามสดใสก็มีเส้นเลือดสีแดงปกคลุมอยู่ เขารู้สึกเจ็บจี๊ดหัวใจ
“เยียนหราน ทำไมเธอถึงได้…”
มู่เยียนหรานเป็นคนที่ชอบรักษาศักดิ์ศรีมาก สำหรับเธอแล้วการรักษาความสง่างามเหมือนกับเจ้าหญิงได้รวมอยู่ในสายเลือดแล้ว คาดไม่ถึงจริง ๆ ว่าเธอจะหาห้องพักคนไข้ของเวินหนิงได้ แถมยังตบตีกับเธออีก
“ผู้หญิงคนนั้นยั่วยุเธอใช่ไหม?”
ดังนั้นจิตใต้สำนึกของไป๋ซินอวี๋จึงโยนความผิดไปที่เวินหนิงทั้งหมด ต้องเป็นผู้หญิงเจ้าเล่ห์คนนั้นที่พูดอะไรบางอย่างที่เสียดสีมู่เยียนหราน เธอถึงได้ควบคุมอารมณ์ไม่ได้แบบนี้
มู่เยียนหรานตื่นจากภวังค์ เห็นความเป็นห่วงในดวงตาของไป๋ซินอวี๋ เธอเหมือนราวกับจับฟางช่วยชีวิตไว้ได้เส้นหนึ่ง ตอนนี้คนที่สามารถพอช่วยเธอได้ก็มีแต่เขาแล้ว เธอพึ่งพาได้แค่ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าเธอ
“เป็นเธอ เธอโอ้อวดกับฉัน ฉันเสียใจมาก”
มู่เยียนหรานท่าทางน่าสงสารบีบน้ำตาออกมา น้ำเสียงสั่นคลอ ราวกับถูกรังแกอย่างแรง
เธอดูออกถึงความรู้สึกที่ไป๋ซินอวี๋มีต่อเธอ แต่ว่าเธอไม่สามารถรับมันได้ ขณะเดียวกันก็ไม่อยากจะเสียผู้ชายที่ยอมเธอทุกอย่าง ที่ลุยน้ำลุยไฟเพื่อเธอได้
เมื่อครู่เธอโมโหจนเสียการควบคุมไปจริง ๆ เพื่อไม่ให้เสียภาพพจน์ผู้หญิงที่เพอร์เฟคในสายตาของไป๋ซินอวี๋ไป ดังนั้นมู่เยียนหรานจึงโยนปัญหาทั้งหมดไปที่เวินหนิง
ไป๋ซินอวี๋ดวงตาเคร่งขรึม “ผู้หญิงคนนี้ ไม่ได้ง่ายเหมือนที่ฉันคิดไว้ ผู้ร้ายก่อความหายนะที่ทำร้ายผู้อื่นคนนึง คาดไม่ถึงว่าจะทำให้ลู่จิ้นยวนไม่คิดถึงความแค้นเก่า แถมยังใกล้ชิดกับเธอ ดูท่าแล้วมีเทคนิคไม่เบา”
“ผู้ร้ายก่อความหายนะ?”
มู่เยียนหรานชะงักงัน ไป๋ซินอวี๋มองดูสายตาที่งงงวยนั้นของเธอ ก็รู้ได้ว่าตัวเองพลาดปากไป
ตอนแรกที่ตรวจสอบเรื่องนี้ได้ เป็นเพราะกังวลถึงอารมณ์ของมู่เยียนหราน จึงตั้งใจปิดบังไว้
“ตกลงมันเรื่องอะไรกัน? นายพูดมาสิ!”
มู่เยียนหรานสัมผัสได้ว่าเรื่องนี้ต้องเป็นเรื่องสำคัญมากแน่ ๆ เธอจับมือไป๋ซินอวี๋ “ขอร้องหละ บอกฉันหน่อย อย่าให้ฉันเหมือนกับคนโง่ที่ไม่รู้อะไรเลยแบบนี้!”
ไป๋ซินอวี๋เดิมทีชอบเธออยู่แล้ว เมื่อเห็นว่าเธอจะร้องไห้อีกก็เจ็บปวดใจจนจะตาย จะปฏิเสธเธอได้ยังไง จึงบอกเรื่องทั้งหมดกับเธออย่างละเอียด
มู่เยียนหรานฟังจบ ดวงตาถึงได้เหม่อมองไปข้างหน้า
ที่แท้เวินหนิงคือฆาตกรที่ขับรถชนลู่จิ้นยวนแล้วหนีไป ที่แท้เป็นเธอที่ทำให้ลู่จิ้นยวนไปหาเธอที่สนามบินไม่ทัน ที่แท้เรื่องทั้งหมด ถูกกำหนดจากเบื้องล่างไว้แล้ว?
มู่เยียนหรานกำมือแน่น เมื่อรู้เรื่องนี้ความรู้สึกที่เธอโมโหหึงหวงที่มีต่อเวินหนิง กลับกลายเป็นความเกลียดชังอย่างสุดซึ้ง
คนแบบนี้ทำลายความรักระหว่างเธอกับลู่จิ้นยวน?
มีสิทธิ์อะไร?
“เยียนหราน เธออย่าวู่วาม เรื่องแบบนี้ต้องวางแผนระยะยาว”
ไป๋ซินอวี๋ดูความคิดของเธอออก จึงรีบปลอบใจอย่างรวดเร็ว “ถ้าหากเธอผลีผลาม มีแต่จะทำให้จิ้นยวนรู้สึกว่าหล่อนเป็นผู้ถูกกระทำ ถ้าเกิดเขาเห็นอกเห็นใจเวินหนิง งั้นเธอ…”
มู่เยียนหรานพยักหน้า “ฉันเข้าใจแล้ว”
หลังจากเรื่องวันนี้มู่เยียนหรานรู้จุดสำคัญแล้วว่าผู้ชายชอบผู้หญิงที่อ่อนแอบอบบางน่าสงสาร ดูเวินหนิงผู้หญิงที่เคยเข้าคุก ก็เพียงแค่ทำเป็นน่าสงสารน่าเวทนาถึงได้รับการยอมรับจากลู่จิ้นยวน
เธอจะไม่วู่วามอีกแล้ว
“ซินอวี๋ นายวางใจได้ ฉันจะไม่…จะไม่วู่วามอีก แต่ว่านายต้องช่วยฉัน ฉันไม่อยากแพ้ให้ผู้หญิงแบบนั้น”
ไป๋ซินอวี๋ลังเลอยู่พักหนึ่ง อันที่จริงเขาก็อยากจะพูดว่าเขาก็สามารถดูแลเธอได้ อาจจะดูแลได้ดีกว่าลูจิ้นยวนด้วยซ้ำ
ตั้งแต่ต้นจนจบ เขารักเพียงแค่เธอคนเดียว ไม่เคยเปลี่ยนใจ
เพียงแต่เห็นสายตาที่คาดหวังของมู่เยียนหราน ท้ายที่สุดไป๋ซินอวี๋ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา แล้วพยักหน้า
“นายดีกับฉันที่สุดแล้ว”
มู่เยียนหรานถึงได้ยิ้มออก แต่ในหัวใจกลับเย็นชา
ต่อจากนี้ไปเธอจะไม่มีทางแพ้ให้เวินหนิงอีก ไม่มีทางแพ้ให้ผู้หญิงชั่วคนนี้อีก
…
ห้องใต้ดินลับของตระกูลลู่
ที่นี่คือเป็นที่ที่ตระกูลลู่ใช้จัดการเรื่องที่ให้ผู้อื่นเห็นไม่ได้ ในเมื่อธุรกิจใหญ่โต ย่อมมีคนทรยศเป็นธรรมดา พวกเขาถูกกำจัดในที่นี้อย่างเงียบ ๆ
“แกปล่อยฉันออกไป พวกเราตระกูลยวี๋…”
ยวี๋เฟยหมิงถูกมัดมือมัดเท้า นอนอยู่บนพื้นเย็นสกปรก เพียงแต่เขายังไม่อยากรับสภาพ ร้องอย่างกับหมูถูกเชือดยังไงยังงั้น
ลู่จิ้นยวนเข้ามาก็ได้ยินเสียงแสบหู เขาขมวดคิ้ว “ให้มันเงียบหน่อย”
ลูกน้องได้ยินก็พยักหน้า แล้วก็เตะเข้าที่ท้องของยวี๋เฟยหมิงอย่างแรงอยู่หลายครั้ง “เงียบหน่อย ไม่อย่างงั้นจะตัดลิ้นแกซะ”
ยวี๋เฟยหมิงตกใจจนน้ำตาไหลออกมา “ลู่จิ้นยวน นายจะฆ่าฉันเพื่อผู้หญิงคนนี้จริง ๆ เหรอ? คุ้มค่าไหม? เป็นศัตรูกับตระกูลยวี๋ส่งผลดีอะไรกับนาย?”
ถึงแม้ตระกูลยวี๋จะด้อยกว่าตระกูลลู่เยอะ แต่ก็ยังมีกำลังอยู่บ้าง ลู่จิ้นยวนจะจัดการเขาเพื่อผู้หญิงคนนั้นจริง ๆ เหรอ?
ลู่จิ้นยวนได้ยินเขาดูถูกเหยียดหยามเวินหนิง รู้สึกไม่ฟินมากขึ้น เขาเดินเข้าไปจับผมของเขา “ฉันจะทำอะไร คงไม่ต้องให้แกมาสอน ตอนนี้บอกเรื่องที่แกรู้ออกมาให้หมด เวินหนิงถูกใส่ความใช่หรือไม่? ตกลงตระกูลเวินทำอะไรกันแน่?”