มู่เยียนหราน?
ชื่อนี้เกินความคาดเดาของลู่จิ้นยวนไปเยอะมาก
มู่เยียนหรานที่เขารู้จัก สง่างามสงบเสงี่ยมมาโดยตลอด สำหรับเธอแล้วการรักษามารยาทคือสัญชาตญาณอย่างนึง เขาคิดยังไงก็คิดไม่ออกถึงภาพที่เธอตบตีกับเวินหนิง
เวินหนิงพูดจบ เห็นท่าทางนิ่งเงียบของลู่จิ้นยวน ชายหนุ่มไม่ได้พูดอะไรในทันที แต่กลับครุ่นคิดอยู่แบบนั้น
หรือว่าเขาไม่ได้เชื่อใจเธอขนาดนั้น ในเมื่อมู่เยียนหรานเป็นถึงเพื่อนที่เล่นกันมาตั้งแต่เด็ก แล้วก็เป็นถึงคนที่เขาเคยรัก
เวินหนิงรู้สึกเหมือนโดนน้ำเย็นสาดตั้งแต่หัวจรดเท้า เมื่อกี้มีอยู่แวบหนึ่งที่คิดว่าลู่จิ้นยวนจะช่วยเธอระบายความโมโห
แต่คิดไม่ถึง ว่าจะคาดเดาตำแหน่งตัวเองในใจของเขาอย่างผิดไป
ลู่จิ้นยวนเงียบอยู่พักนึง ดูท่าเขามีความจำเป็นที่จะต้องไปหามู่เยียนหรานอีกครั้ง เพื่อไม่ให้เธอทำเรื่องที่ไร้ประโยชน์แบบนี้อีก
คิดได้ดังนั้น ลู่จิ้นยวนเงยหน้าขึ้น “ฉันทายาให้เธอ”
เวินหนิงได้ยินเขาพูดแบบนั้น รู้สึกแค่ว่าเขากำลังเปลี่ยนเรื่องอยู่ ในใจไม่สบอารมณ์อย่างบอกไม่ถูก ทำให้เธอผลักหน้าอกของชายหนุ่มออก “ ไม่ต้อง ฉันทาเองได้ ”
เป็นไปอย่างที่คิด เทียบกับเธอแล้วลู่จิ้นยวนเชื่อมู่เยียนหรานมากกว่า แต่ก็ถูกแหละ ผู้หญิงที่ดูสูงส่งราวกับเจ้าหญิงแบบนั้น จะมาต่อโต้กับหญ้าแพรกแบบเธอได้ยังไง?
ลู่จิ้นยวนกับเธอ ไม่ใช่คนชั้นเดียวกันตั้งแต่ไหนแต่ไร มู่เยียนหรานถึงจะเป็นผู้หญิงที่คุณสมบัติยืนเคียงข้างเขา
“อย่าดื้อ ฉันช่วยเธอทายา” ลู่จิ้นยวนเห็นท่าทางไม่สบอารมณ์แบบนั้นของเวินหนิง เขาออกแรงหยิบยาทาจากมือของเธอ
กำลังจะดึงเสื้อของเวินหนิงออกเพื่อทายา แต่จู่ ๆ เธอกลับถลึงตาใส่เขา “นายทำแบบนี้ไม่ดี ฉันก็ต้องการความเป็นส่วนตัวเหมือนกัน อีกอย่างถ้าหากถูกเธอรู้เข้า ไม่แน่อาจจะมาก่อเรื่องอีก”
เวินหนิงพูดจบ ชายหนุ่มหัวเราะออกมาเบา ๆ “เธอหึงเหรอ?”
เขาเข้าใจในทันทีว่าเมื่อกี้เวินหนิงน้อยใจจอะไร ผู้หญิงคนนี้คิดเยอะจริง ๆ
“หึหึ เธอคิดมากไปแล้ว ฉันเพียงแค่…ไม่อยากหาเรื่องให้ตัวเองแค่นั้นแหละ”
เวินหนิงพูดออกไปแล้ว จะเสียใจทีหลังก็สายไปแล้ว เธอรู้สึกอึดอัด แต่ไม่อยากแสดงออกมาต่อหน้าลู่จิ้นยวน
เธอไม่อยากให้คนอื่นคิดว่าเธอคิดเองเออเอง
“เรื่องนี้ฉันจัดการแน่ อีกไม่นานหล่อนก็น่าจะไปต่างประเทศแล้ว ไม่มาหาเรื่องเธออีกแน่นอน”
เวินหนิงได้ยินคำพูดของลู่จิ้นยวน ความผิดหวังในใจไม่ได้ลดลง แต่กลับเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก
ที่แท้จะรอให้มู่เยียนหรานจากไปก่อนถึงจะให้เธอใช้ชีวิตได้อย่างสงบสุข ลู่จิ้นยวนให้ความสำคัญพิเศษกับผู้หญิงคนนั้นจริง ๆ ?
“ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับฉัน ฉันแค่หวังว่าคุณหนูคนนั้นไม่มาต่อกลอนกับคนแบบฉันให้เสียคุณค่า”
ได้ยินคำพูดที่ยอมแพ้ของเธอ รอยยิ้มในดวงตาของลู่จิ้นยวนเย็นชา จู่ ๆ ก็จับหน้าของเธอที่หลบอยู่ให้หันมามองตนเอง
“เธอคิดแบบนี้จริง ๆ เหรอ?”
“ไม่จริงงั้นจะปลอมเหรอ?”
เวินหนิงพูดอย่างโมโห
“จากนี้ไปอย่าใช้ผู้หญิงแบบนั้นพูดถึงตัวเองอีก”
ลู่จิ้นยวนเม้มปากแน่น ดวงตาเคร่งขรึมแวบผ่านไป
ไม่รู้ว่าทำไมเมื่อได้ยินเวินหนิงพูดแบบนี้ ในใจของเขาถึงได้รู้สึกเจ็บปวด
เธอไม่ได้ทำอะไรผิด ไม่ควรวางตัวเองให้ต่ำต้อยกว่าคนอื่น
“…” เวินหนิงคิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบนี้ เธอรู้สึกว่าแต่ไหนแต่ไรลู่จิ้นยวนไม่เคยดูถูกเธอ ทั้งสองจึงเกิดความสัมพันธ์ขึ้น หรือว่าเขาอาจจะแค่สนใจในร่างกายของเธอ
คิดไม่ถึงว่าผู้ชายที่โอหังแบบเขาจะพูดแบบนี้เป็น
เมื่อเห็นการแสดงออกที่ประหลาดใจของเวินหนิง ความรู้สึกอึดอัดในใจของลู่จิ้นยวนเพิ่มมากขึ้น “วางใจได้ ฉันจะคืนความบริสุทธิ์ให้เธอโดยเร็ว ดังนั้น…จำคำพูดของฉันไว้!
ในดวงตาของชายหนุ่ม ไม่ได้ล้อเล่นหรือตบตาใด ๆ แม้แต่น้อย คำพูดกระแทกเข้าไปในหัวใจของเวินหนิงโดยตรง
ตั้งแต่ออกมาจากคุก ก็ถูกทุกคนมองอย่างแตกต่าง จริง ๆ แล้วเวินหนิงขาดความมั่นใจในตนเองและขาดความรู้สึกปลอดภัยเป็นอย่างมาก คำพูดของลู่จิ้นยวนพูดตรงใจของเธอ เหมือนกับฝนตกในทะเลทรายที่แห้งแล้ง
“ฉัน…รู้แล้ว”
เวินหนิงตอบรับ ลู่จิ้นยวนจึงปล่อยมือออกด้วยความพึงพอใจ แล้วจูบลงบนริมฝีปากที่ชุ่มชื้นของเธอ “เชื่อฟังจริง ๆ”
เวินหนิงรู้สึกสับสนกับท่าทีที่นุ่มนวลของเขา แต่ก็ไม่ได้ขัดขืนอะไร
ลู่จินหยวนจิกเบา ๆ แล้วก็ทำงานที่ยังไม่เสร็จต่อ
“เปิดเสื้อออกทายา”
ลู่จิ้นยวนยังนึกถึงเรื่องนี้ ผิวที่สะอาดขาวผ่องแบบนั้น ถ้าหากทิ้งแผลเป็นที่ไม่สวยไว้ จะน่าเสียดายขนาดไหน?
“ไม่ต้องแล้ว…” เวินหนิงไม่สบอารมณ์ขึ้นมาอีก สายตาของลู่จิ้นยวนทำให้เธออยากจะเอาผ้าห่มห่อตัวไว้จริง ๆ
“ร่างกายของเธอ มีส่วนไหนที่ฉันยังไม่เคยเห็นอีกเหรอ?” ลู่จิ้นยวนเห็นท่าทางของเธอที่เหมือนนกกระจอกเทศที่อยากจะหลบหลีก เขาขมวดคิ้ว น้ำเสียงติดตลกเล็กน้อย
ระหว่างพวกเขาเคยทำอะไรมาหมดแล้ว ยังจะมีอะไรที่เปิดเผยไม่ได้อีก?
“นาย!” เวินหนิงถูกเขาพูดแบบนี้ ทั้งอายทั้งโมโห แต่ก็ไม่รู้ว่าจะตอบโต้ยังไง
ลู่จิ้นยวนไม่ได้หยอกล้อเธอต่อ เขาค่อย ๆ แกะกระดุมสองเม็ดออก บีบยาลงบนนิ้ว แล้วทายาอย่างระมัดระวัง
“เจ็บไหม?”
ท่าทางของลู่จิ้นยวนอ่อนโยนเป็นอย่างมาก แต่ก็ยังกลัวว่าจะทำให้เวินหนิงรู้สึกเจ็บ
“ไม่เป็นไร” เวินหนิงไม่ได้รู้เจ็บแม้แต่น้อย เพียงแต่บริเวณที่ชายหนุ่มสัมผัสราวกับถูกขนนกกวาดไปมาจนรู้สึกจักจี้ไปจนถึงหัวใจของเธอ
ลู่จิ้นยวนถึงได้ขยับเขยื้อนอย่างวางใจ ในไม่ช้าเขาก็ทายาเสร็จ มองดูผลงานของตนเองด้วยความพึงพอใจ
เวินหนิงรีบดึงเสื้อขึ้นอย่างรวดเร็ว ไม่งั้นถูกชายหนุ่มมองอยู่แบบนี้ก็รู้สึกแปลก ๆ
“ตรงขาทายาแล้วยัง?”
ลู่จิ้นยวนยังจำได้ว่านอกจากบริเวณนี้ เวินหนิงยังมีบาดแผลตรงอื่นอีก นั่นคือรอยขีดข่วนที่เธอทิ้งไว้เพื่อที่จะครองสติไว้ ดูท่าจะน่าตกใจมากกว่าตรงนี้
เวินหนิงลืมไปแล้วด้วยซ้ำ “ไม่ต้องแล้ว บนขาน่าจะหายดีแล้ว”
เธอไม่ได้สนใจมากนักแล้วจะลงจากตักของลู่จิ้นยวน แต่กลับถูกชายหนุ่มจับไหล่ไวว้อย่างรวดเร็ว “เธอยังเป็นผู้หญิงอยู่อีกไหม? ได้รับบาดเจ็บแล้วไม่สนใจตัวเองขนาดนี้?”
“ชินแล้ว” เวินหนิงพูดเบา ๆ
เธอชินแล้วจริง ๆ ตอนอยู่ในคุก คนพวกนั้นแทบจะทรมานเธอจนตาย แผลขีดข่วนแค่นี้แถมไม่มีเลือดออกจะนับประสาอะไร?
เวินหนิงลูบท้ายทอยอย่างไม่รู้ตัว ต่ำแหน่งที่ถูกผมยาวหนาปกคลุมไว้ มีแผลยาวอยู่แผลหนึ่ง หลังจากที่เธอทำน้ำร้อนหกใส่ผู้หญิงชั่วคนนึงโดยไม่ได้ตั้งใจ ก็ถูกหล่อนจับหัวกระแทกเข้ากับกำแพงแล้วเหลือรอยแผลทิ้งไว้
ลู่จิ้นยวนเห็นท่าทีของเธอ เห็นดวงตาที่มืดลงของเธอ จู่ ๆ ก็รู้สึกสงสารอย่างเป็นที่สุด