ลู่จิ้นยวนยังจำได้ว่าเวินหนิงบอกว่าคนที่มาทำร้ายเธอคือมู่เยียนหราน เรื่องนี้เขาต้องตรวจสอบดูหน่อย
ถ้าหากว่าเธอเป็นคนทำ…
ชายหนุ่มค่อย ๆ ออกแรงกำพวงมาลัยรถจนเส้นเลือดปูดขึ้นมา ยิ้มกว้างแบบนั้นของมู่เยียนหราน เป็นภาพที่สวยงามในความทรงจำของเขา
ถึงแม้ไม่อยากจะเชื่อในความเป็นจริงนี้ แต่เขารู้ดีว่า ถ้าหากเป็นเรื่องจริง เขาไม่มีทางให้อภัยแน่นอน
ไม่มีใครทำร้ายเวินหนิงภายใต้จมูกของเขาได้อีกแล้ว
ลู่จิ้นยวนสงบสติ แล้วหยิบมือถือออกมาโทรหามู่เยียนหราน
โทรศัพท์ดังขึ้นครู่หนึ่ง มู่เยียนหรานเห็นว่าเป็นสายของลู่จิ้นยวน ก็รับสายในทันที
“ฮัลโหล จิ้นยวน? มีอะไรเหรอ?” น้ำเสียงของมู่เยียนหรานออดอ้อนนิดหน่อย ราวกับเธอไม่เคยทำเรื่องอะไรทั้งสิ้น
“เมื่อวานเธอไปโรงพยาบาลมาเหรอ?” ลู่จิ้นยวนถามอย่างเย็นชา น้ำเสียงเย็นชาทำให้คนในสายหนาวจนตัวสั่น
มู่เยียนหรานที่อยู่อีกสายอึ้งเล็กน้อย เธอคิดไม่ถึงว่าลู่จิ้นยวนจะมาตามถามเรื่องนี้ หรือว่าเมื่อคืนพวกเขาอยู่ข้ามคืนด้วยกันอีก?
คิดได้แบบนี้ มู่เยียนหรานอิจฉาจนเหมือนโดนมดกัดกินหัวใจอยู่เป็นพันตัว แต่เธอก็อดกลั้นอารมณ์เจ็บจี๊ดไว้ “ฉันไปมาจริง ๆ”
ในเมื่อลู่จิ้นยวนรู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น มู่เยียนหรานก็ไม่ได้คิดปิดบังต่อไป
“ทำไมเธอถึงทำเรื่องแบบนี้?” ลู่จิ้นยวนได้ยินเธอยอมรับ สีหน้าของเขาเคร่งขรึมขึ้น
“ทำไม?”
มู่เยียนหรานรู้สึกอ้างวางในใจ “จิ้นยวน นายคิดว่าฉันไม่รู้เหรอ? ว่าเวินหนิงเป็นคนที่ขับรถชนนายในตอนแรก เธอคือคนร้ายที่ทำให้พวกเราแยกจากกัน ฉันจะไม่ไปหาเธอได้ยังไง?”
ลู่จิ้นยวนเงียบอยู่ครู่หนึ่ง เขาฟังน้ำเสียงที่โศกเศร้าเสียใจของเธอออกโดยธรรมชาติ เขาสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ “เรื่องนี้ไม่ได้เป็นแบบที่เธอคิด”
“ไม่ใช่แบบที่ฉันคิด?” มู่เยียนหรานรู้สึกว่าลู่จิ้นยวนเปลี่ยนไปเป็นคนละคน เขาที่เคยใจเย็นแบบนั้น ท่าทางรักษาทัศนคติต่อทุกเรื่อง
ในตอนนี้เขากลับกลับกรอกเพื่อผู้หญิงคนเดียว
“ฉันเห็นคำตัดสินแล้ว แล้วก็ข่าว และหนังสือพิมพ์ในตอนนั้น เธอรับสารภาพด้วยตัวเอง ไม่ได้เป็นแบบที่ฉันคิดแล้วเป็นแบบไหน?”
มู่เยียนหรานแทบจะรักษาน้ำเสียงที่อ่อนโยนของเธอไว้ไม่ได้ ตอนนี้ก็เช่นกัน
เธอทนไม่ไหวที่ลู่จิ้นยวนปกป้องผู้หญิงชั่วคนนั้นต่อหน้าเธอ อาชญากรคนนั้น คือคนร้ายที่ทำร้ายเขาจนไม่ได้สติไปสามปี!
ลู่จิ้นยวนรู้สึกปวดหัวตุบ เรื่องนี้วนซ้ำไม่รู้จบ อยากจะยืนยันความจริงก็ทำได้เพียงหาหลักฐานมาให้ได้ ไม่เช่นนั้นถึงตัวเขาจะเชื่อเวินหนิง แต่ก็ไม่สามารถพูดให้คนอื่นเชื่อได้
“นี่มันเรื่องของฉัน ฉันจัดการได้ ต่อไปอย่าทำอะไรตามอำเภอใจ อย่าไปรบกวนชีวิตของเธออีก”
ลู่จิ้นยวนเอ่ยอย่างเอาจริงเอาจัง เขาไม่ต้องการเห็นเวินหนิงบาดเจ็บอีกแล้ว
“นายโทรหาฉันก็เพราะเธอ? เพียงเพื่อไม่ให้ฉันไปรบกวนเธออีก?”
มู่เยียนหรานรู้สึกน่าขำ หรือว่าลู่จิ้นยวนไม่สนใจเธอจริง ๆ ไม่สนใจความรักที่ยากจะลืมเลือนระหว่างกันแล้วเหรอ?
ไม่อย่างงั้นเขาจะไปรักผู้หญิงแบบนี้ได้ยังไง จะมาสั่งสอนเธอเพื่อผู้หญิงแบบนี้ได้ยังไงกัน
“…” มู่เยียนหรานไม่พูดไม่จา เธอไม่รู้ว่าตัวเองอยากจะร้องไห้ หรืออยากจะหัวเราะ ใบหน้าสวยบิดเบี้ยวดูน่ากลัวเล็กน้อย
ลู่จิ้นยวนได้ยินเสียงประหลาดที่ทำให้คนรู้สึกขนลุกที่เธอเปล่งออกมา จึงอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว “เยียนหราน เธอไม่เป็นไรใช่ไหม?”
มู่เยียนหรานไม่ได้ตอบอะไร สายตาว่างเปล่ามองไปข้างหน้า ความเกลียดชังในใจของเธอเพิ่มมากขึ้น เวลานี้เธอไม่มีความคิดอื่นนอกจากอยากจะฉีกเวินหนิงออกเป็นชิ้น ๆ ให้หล่อนไม่สามารถปรากฏตัวต่อหน้าเธอได้อีกตลอดกาล
แบบนี้ทุกอย่างก็จะกลับไปเป็นแบบเดิม
ลางสังหรณ์ร้ายในใจของลู่จิ้นยวนเพิ่มมากขึ้น เขาครุ่นคิด “ตอนนี้เธออยู่ที่ไหน?”
มู่เยียนหรานไม่ตอบ โทรศัพท์หลุดร่วงจากมือเธอ ส่วนเธอเหมือนกับคนบ้าไปแล้ว เธอฉีกผ้าปูที่นอนตรงหน้า ดึงทึ้งผมของตัวเอง
ไป๋ซินอวี๋ซื้ออาหารเช้าที่มู่เยียนหรานชอบกินที่สุดกลับมา เมื่อเห็นภาพนี้เขาตกใจจนของในมือตกลงบนพื้น เขารีบพุ่งเข้าไปคว้าแขนที่โบกไปมาของมู่เยียนหราน แล้วจับเธอเอาไว้ ไม่ให้ทำร้ายร่างกายตัวเอง
“เยียนหราน เยียนหราน! เธอเป็นอะไร?”
ไป๋ซินอวี๋ไม่เคยเห็นสภาพแบบนี้ของมู่เยียนหรานมาก่อน เธอก็เหมือนกับเส้นเอ็นที่แบกรับน้ำหนักไว้เส้นหนึ่ง ที่ขณะนี้ได้ตึงจนขาด ทำให้เกิดการดีดกลับอย่างแรง
“เขาไม่ต้องการฉันแล้ว ไม่ต้องการฉัน…” มู่เยียนหรานถูกไป๋ซินอวี๋กอดเอาไว้ เธอร้องไห้เสียงดัง ราวกับต้องการระบายความเสียใจออกมาให้หมด “เขายอมที่จะเอาฆาตกรคนนั้น ยอมเอาผู้หญิงที่เคยติดคุก…ฉันเทียบกับหล่อนไม่ได้…”
ลู่จิ้นยวนปฏิเสธเธออีกครั้ง ทำให้ความมั่นใจของมู่เยียนหรานพังลงไม่มีชิ้นดี เธอไม่รู้ว่าจะมีอะไรน่าอัปยศอดสูไปมากกว่าเรื่องนี้แล้ว
ถ้าหากผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่เวินหนิง แต่เป็นลูกผู้ดีคนอื่น บางทีเธออาจจะจำใจยอมรับ แต่ผู้หญิงคนนั้นคือคนที่ทำให้พวกเขาต้องเลิกลากัน ลู่จิ้นยวนทำไมถึงได้เลือกเธอ?
เขาหักหลังความรักยาวนานเจ็ดปีระหว่างพวกเขา!
“เยียนหราน อย่าร้อง มันไม่ใช่ความผิดของเธอ แต่เป็นความผิดของผู้หญิงคนนั้น”
ไป๋ซินอวี๋เห็นเธอร้องไห้จนหัวใจจะแตกสลาย มู่เยียนหรานมั่นใจมากเกินไป ชอบเอาชนะมากเกินไป การมีตัวตนอยู่ของเวินหนิง เป็นการเยาะเย้ยเธออย่างมากที่สุด
“ฉัน…ฉันไร้ประโยชน์มาก ฉันเป็นส่วนเกินใช่ไหม? บนโลกนี้ไม่มีคนที่ชอบฉันใช่ไหม?”
มู่เยียนหรานจับเสื้อของไป๋ซินอวี๋ พึมพำกับตัวเอง
“ไม่ใช่ ฉัน…ฉันอยู่ข้างเธอตลอด ฉันจะปกป้องเธอ ไม่ว่าใครที่กล้าทำร้ายเธอแม้แต่ปลายนิ้ว ฉันจะสู้กับมันอย่างถึงที่สุด”
ไป๋ซินอวี๋ลูบหลังมู่เยียนหรานเบา ๆ ให้เธอใจเย็นลง ใบหน้าของชายหนุ่มสูญเสียความเอ้อระเหยเหมือนในตอนปกติไป ตอนนี้มีเพียงความเคร่งขรึมกลัดกลุ้มใจ
เขาหวังเป็นอย่างมากว่าจะสามารถพูดความรู้สึกของตนเองที่มีต่อเธอออกมาได้ อยากให้เธอหยุดเสียน้ำตาเพื่อผู้ชายที่ไม่ได้อยู่ข้างกายเธอได้แล้ว แต่ท้ายสุดไป๋ซินอวี๋รู้อยู่แล้วว่าคนที่มู่เยียนหรานชอบนั้นไม่ใช่เขา
มีเพียงแต่ลู่จิ้นยวนที่สามารถทำให้เธอมีความสุขได้
“ฉันจะช่วยเธอ เธอจะไม่มีทางแพ้ให้ผู้หญิงแบบนั้นอีก หล่อนไม่คู่ควรที่จะเปรียบเทียบกับเธอ เธอนอนพักซะ มีเรื่องอะไรก็บอกฉัน”
ไป๋ซินอวี๋พูดอย่างเด็ดเดี่ยว มู่เยียนหรานพยักหน้าอย่างอ่อนเพลียอยู่ในอ้อมกอดของเขา จากนั้นก็หลับไปเงียบ ๆ
ไป๋ซินอวี๋หาจิตแพทย์มาในทันที พูดคุยเรื่องนี้กับคุณหมอสักพัก ด้วยเหตุนี้จึงสรุปได้ว่ามู่เยียนหรานมีแนวโน้มที่จะป่วยเป็นโรคไบโพลาร์ภายใต้การถูกกระตุ้นอย่างต่อเนื่อง
ถ้าหากไม่รักษาให้ทันเวลา ภาวะเลวร้ายลงก็มีแนวโน้มมากที่จะกลายเป็นภาวะซึมเศร้าขั้นรุนแรง หรือแม้กระทั่งสามารถทำร้ายตัวเองได้