ไป๋ซินอวี๋ได้ยินคำพูดเหล่านี้ สายตาของเขาเย็นชาขึ้นเรื่อย ๆ
“ผมทราบแล้วครับ”
เขาจะไม่ให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นเด็ดขาด แม้ว่าจะต้องเป็นศัตรูกับเพื่อนที่คบกันมาหลายปี แม้ว่าตระกูลไป๋กับตระกูลลู่จะต้องต่อต้านกันก็ตาม เขาจะไม่มีทางยอมให้ลู่จิ้นยวนกับเวินหนิงคบกันแน่นอน ไม่เช่นนั้นจะต้องบีบบังคับให้มู่เยียนหรานเป็นบ้าแน่นอน
ในขณะที่กำลังครุ่นคิดอยู่นั้น ลู่จิ้นยวนก็เดินมาจากระเบียงทางเดิน
อาการผิดปกติเมื่อครู่ของมู่เยียนหราน ทำให้เขาตกตะลึงต่อสิ่งที่พบเจอ ในเมื่อเป็นเพื่อนที่รู้จักมาหลายปี เขาไม่สามารถเห็นเธอเป็นอะไรได้ จึงรีบร้อนมาที่นี่
เมื่อเห็นไป๋ซินอวี๋ ลู่จิ้นยวนโล่งใจไม่น้อย “เธอเป็นยังไงบ้าง?”
“เป็นยังไงบ้าง?” ไป๋ซินอวี๋ไม่ได้เอ้อระเหยเหมือนในเวลาปกติ แต่กลับมองเขาอย่างเย็นชา “ไม่ใช่ผลงานชิ้นเอกของนายเหรอ? นายคิดว่าเธอจะเป็นยังไงบ้าง?”
ลู่จิ้นยวนรู้สึกไม่พอใจกับน้ำเสียงที่แปลก ๆ พวกนั้นของเขา ไป๋ซินอวี๋ไม่เคยพูดแบบนี้กับเขามาก่อน “ตกลงว่าเกิดอะไรขึ้น?”
“มู่เยียนหรานเป็นโรคซึมเศร้า! เพราะว่านายคบกับผู้ร้ายหลบหนี แบบนี้นายกำลังดูถูกเธออยู่!
ไป๋ซินอวี๋อารมณ์ขึ้น พุ่งตรงเข้าไปจับคอเสื้อของลู่จิ้นยวน แล้วผลักเขาเข้ากับกำแพง
“โรคซึมเศร้า?” ลู่จิ้นยวนคาดไม่ถึงอย่างเห็นได้ชัด “แน่ใจไหม? หมอเคยมาดูแล้วยัง?”
ถึงแม้จะรู้มาตลอดว่าการยอมรับทางด้านจิตใจของเธอจะไม่เข้มแข็งพอ เมื่อได้รู้ว่าเธอมีอาการป่วยทางจิต ลู่จิ้นยวนแทบไม่อยากจะเชื่อ
“นายคิดว่าฉันโกหกนายเหรอ?”
ไป๋ซินอวี๋เห็นเขาพูดแบบนี้ ก็หัวเราะเยือกเย็น แล้วจึงเรียกคุณหมอมา ให้คุณหมอพูดซ้ำอีกรอบ
ท่าทีของลู่จิ้นยวนเคร่งขรึมขึ้น มู่เยียนหรานผิดก็จริง เขาเพียงแค่อยากให้เธอควบคุมอารมณ์ ไม่ให้ไปรบกวนเวินหนิง เขาไม่ได้มีเจตนาจะบีบบังคับให้เธอเป็นแบบนี้
“ฉันจะหาหมอมา รักษาเธอให้หายเร็วที่สุด”
ลู่จิ้นยวนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาจะโทรหาหมอที่รู้จักอย่างไม่ลังแล แต่ถูกไป๋ซินอวี๋ขัดขวางไว้
“ไม่ต้อง ฉันหาหมอมาเอง เรื่องที่นายควรจะทำไม่ใช่เรื่องนี้!”
ลู่จิ้นยวนมองดูหน้าเย็นชาของไป๋ซินอวี๋ ก็เข้าใจความหมายของเขาอย่างรวดเร็ว
“นายบีบบังคับฉัน?”
“นี่เป็นเรื่องที่นายควรทำ! ตัดขาดกับผู้หญิงไม่ได้เรื่องแบบนั้นไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไร! เยียนหรานดีกว่าเธอร้อยเท่าพันเท่า”
ลู่จิ้นยวนคิ้วกระตุก โดยเฉพาะตอนที่ได้ยินว่าไป๋ซินอวี๋พูดถึงเวินหนิงว่าไม่ได้เรื่อง เขายื่นมือออกไปแล้วผลักชายหนุ่มที่จับเขาไว้อยู่ ทำให้เขาเซถอยหลังไป “จำไว้ อย่าพูดแบบนี้ต่อหน้าฉัน ครั้งนี้ฉันไม่ต่อกลอนกับนาย แต่ครั้งหน้า…”
ลู่จิ้นยวนสายตาเย็นชา ในเมื่อเขาตัดสินใจแล้วว่าเวินหนิงคือผู้หญิงของเขา จะไม่มีทางให้คนอื่นมาดูถูกเธอได้ตามอำเภอใจ ถึงแม้คนคนนี้จะเป็นเพื่อนสนิทที่รู้จักมาหลายปีก็ไม่ได้
“หรือเธอไม่ใช่? ผู้หญิงที่เคยเข้าคุก ผู้หญิงที่เคยคบกับคู่หมั้นของน้องสาว จะสะอาดได้ยังไง? ลู่จิ้นยวนเมื่อก่อนนายไม่ชอบผู้หญิงแบบนี้ไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงได้หลงใหลผู้หญิงแบบเธอ?”
ไป๋ซินอวี๋เห็นลู่จิ้นยวนปกป้องเวินหนิง ความโกรธในใจยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น เยียนหรานคบเขานานกว่าที่เขาคบกับเวินหนิงเยอะมาก แต่ก็เทียบไม่ได้กับรักครั้งใหม่?”
“ฉันพูดไว้แล้ว ว่าอย่าพูดมั่ว ๆ”
ลู่จิ้นยวนกำหมัดแน่น เขาชกใบหน้าของไป๋ซินอวี๋อย่างแรง
ไป๋ซินอวี๋หลบได้ เขาไม่พอใจเป็นอย่างมาก เพื่อผู้หญิงคนนั้นถึงกับลงมือกับเพื่อนรักตัวเองแบบนี้ เขาบ้าไปแล้วเหรอ?
“อยากจะทะเลากับฉันได้เสมอ ฉันอยากจะระบายความโกรธให้เยียนหรานพอดี”
ชายหนุ่มสองคน ต่างคนต่างกลั้นความโมโห ตอนนี้ไม่ได้สนใจแล้วว่านี่คือระเบียงทางเดินในโรงพยาบาล พวกเขาชกต่อยกันโดยไม่สนภาพลักษณ์
ลู่จิ่นหยวนเคยฝึกฝนทักษะการป้องกันตัวมาหลายประเภท ในไม่ช้าเขาก็เป็นฝ่ายได้เปรียบ
ไป๋ซินอวี๋ถูกเขาชกสองสามหมัด แต่กลับไม่รู้สึกเจ็บสักนิด ราวกับยิ่งแพ้ก็ยิ่งกล้าหาญ ถึงเขาจะโดนต่อยแต่ก็ไม่มีทางขอโทษกับคำพูดเมื่อครู่แน่นอน
เวินหนิงไม่คู่ควร เธอหน้าด้านไร้ยางอาย
ผ่านไปสักพัก เจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลก็รีบเข้ามาแยกทั้งสองออกจากกัน
ทั้งสองเป็นคนที่พวกเขาไม่กล้าเหิมเกริมด้วย หากใครได้รับบาดเจ็บพวกเขาจะอธิบายยังไง
ลู่จิ้นยวนมีบาดแผลเพิ่มบนหน้าเพียงเล็กน้อย เทียบกับไป๋ซินอวี๋ที่ถูกต่อยอย่างแรงยังดีกว่าเยอะ
“คำพูดของฉันในครั้งนี้ นายจำเอาไว้ อย่าให้ฉันได้ยินสิ่งที่ฉันไม่อยากได้ยินอีก”
ลู่จิ่นยวนผลักคนที่กำลังจะดึงเขาออกไป เขากำลังจะกลับออกไป น้ำเสียงไม่แย่แสของไปซินอวี๋ก็ดึงขึ้น “ไม่มีทาง ลูู่จิ้นยวน ฉันจะไม่ปล่อยให้นายทำในสิ่งที่ต้องการ ฉันจะขัดขวางนาย ฉันไม่สนใจความสูญเสียใด ๆ ทั้งสิ้น”
ลู่จิ้นยวนชะงักฝีเท้า “งั้นฉันจะรอดูว่านายจะทำอะไรได้?”
ไป๋ซินอวี๋กำหมัดแน่น เป็นครั้งแรกที่เขามีความรู้สึกเกลียดชังความหยิ่งผยองของลู่จิ่นยวน
ลู่จิ้นยวนเดินออกไปอย่างอึมครึม รอบกายเต็มไปด้วยกลิ่นอายที่ห้ามให้คนเข้าใกล้
รู้จักกับมู่เยียนหราน ไป๋ซินอวี๋สิบกว่าปี ถ้าจะพูดว่าไม่มีความรู้สึกเลยสักนิดก็เป็นไปไม่ได้ แต่ท้ายที่สุดแล้ว…เขาไม่สามารถปล่อยให้คนเหล่านี้ดูถูกเวินหนิงได้
ผู้หญิงของเขา ให้เขาเป็นคนปกป้อง ส่วนจะเกิดอะไรขึ้นนั้นเขาทำได้เพียงจัดการมันทีละเรื่อง
…
เวินหนิงอยู่ในโรงพยาบาลพักหนึ่ง เหอจื่ออันก็โทรมาบอกว่าเขากลับประเทศแล้ว กำลังอยู่ที่หน้าบ้านของเธอ ถ้าหากมีเวลาหวังว่าจะได้เจอกับเวินหนิง
เมื่อรู้ว่าเธออยู่โรงพยาบาล เหอจื่ออันก็ร้อนใจขึ้นมาทันที “เธอเป็นอะไร ได้รับบาดเจ็บเหรอ? หรือว่าไม่สบายตรงไหน? ฉันไปหาเธอ”
เวินหนิงครุ่นคิด หรือว่าเหอจื่ออันก็ได้รับข่าวสารมาอยู่บ้าง เธอก็มีเรื่องที่อยากคุยกับเขา จึงตอบตกลง
เหอจื่ออันเป็นเพราะเป็นห่วงเวินหนิง จึงขับรถเร็วตลอดทาง เมื่อมาถึงที่เขาพุ่งตรงมาที่ห้องคนไข้โดยไม่หยุดพักสักนิด “เธอไม่เป็นไรนะ?”
เวินหนิงเห็นเขาวิ่งจนเหงื่อออก ก็รู้สึกทราบซึ้งมาก “ฉันไม่เป็นไร แค่มาตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลเฉย ๆ อ่อใช่นายอยู่ที่ต่างประเทศ ความคืบหน้าเป็นยังไงบ้าง?”
เหอจื่ออันส่ายหน้า ถึงแม้จะพยายามตรวจสอบแล้ว แต่การงมเข็มในมหาสมุทรแบบนี้ประสิทธิภาพน้อยจริง ๆ
“ฉันจะหาวิธีให้ยวี๋เฟยหมิงเอ่ยปากให้ได้โดยเร็ว”
เวินหนิงเคร่งขรึมเล็กน้อย สถานการณ์ของคุณแม่ ตอนนี้เธอยังสับสัน ถ้าอยากจะทราบความจริง ก็จำเป็นต้องเริ่มลงมือจากตระกูลเวิน
“ฉันจะช่วยเธอ” เหอจื่ออันพูดในทันที สายตาของเขาหยุดมองไปที่เวินหนิงอย่างอ่อนโยน
ไม่ได้เจอกันนานเธออ้วนขึ้นกว่าตอนที่เขาจากไปนิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้บวมป่อง แค่ใบหน้าที่เล็กเพียงแค่ฝ่ามือมีเนื้อเพิ่มขึ้นมาแล้วก็อิ่มเอิบนิดหน่อย ดูน่ารักและขี้เล่นขึ้นมา เหมือนเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ที่ไร้กังวลในวัยยี่สิบของเธอ
เพียงแต่เมื่อคิดได้ว่าที่เธอเปลี่ยนไปเป็นเพราะเด็กในท้อง คิดถึงพ่อของเด็กคนนี้ ใจของเขาก็รู้สึกเจ็บปวดขึ้นมานิดหน่อย
“เวินหนิง พ่อของเด็กได้มาดูแลเธอบ้างไหม?”