เวินหนิงมองสายตาของเหอจื่ออันที่เต็มไปด้วยความกังวล จึงไม่อยากโกหกเขา เธอคิดไว้ว่าไม่อยากจะพูดความจริง แต่ก็พยักหน้านี่ก็ไม่ถือว่าเป็นการหลอกลวง สำหรับพ่อของเด็ก ช่วงนี้ลู่จิ้นยวนก็ดูแลเธออยู่ตลอด
เหอจื่ออันได้ยินคำตอบนี้ ก็รู้สึกเศร้าใจนิดหน่อย เดิมทีเขาคิดว่าเด็กในท้องของเวินหนิงเป็นเหตุสุดวิสัย ดูท่าไม่ได้เป็นแบบที่คิดไว้
ตอนที่เขาไม่อยู่ เวินหนิงไปรักผู้ชายอีกคนนึงแล้ว?
สำหรับเวินหนิงนั้น ในตอนแรกเหอจื่ออันแค่อยากจะชดใช้เธอ แต่เมื่อได้รู้จัก กลับถูกเธอดึงดูดอย่างไม่รู้ตัว เขาแยกไม่ออกตั้งนานแล้วว่าตกลงตัวเองละอายใจ หรือว่าชอบเธอถึงได้ทำดีกับเธอแบบนี้
“งั้นว่าง ๆ ให้ฉันเจอกับเขา? ถ้าหากเขาดูแลเธอไม่ดี ฉันจะให้เขาได้รู้ถึงความเก่งกาจของฉัน”
เหอจื่ออันฝืนยิ้ม แต่ก็ไม่เผยความเจ็บปวดให้เห็น
เวินหนิงยิ้ม ดูเหมือนเหอจื่ออันกับลู่จิ้นยวนทะเลาะกันไม่ใช่แค่ครั้งเดียว เพียงแต่ว่าคำพูดของชายหนุ่มราวกับเป็นคนในครอบครัวของเธอ ทำให้เธอมีความรู้สึกปลอดภัยที่ถูกปกป้อง
“วางใจได้ ฉันจะดูแลตัวเองให้ดี ๆ”
ทั้งสองคุยกันต่อสักพัก ทางด้านบริษัทมีเรื่องรอให้เหอจื่ออันไปจัดการ เวินหนิงจึงบอกให้เขารีบไปจัดการธุระ
เหอจื่ออันออกมาจากห้องพักผู้ป่วย เมื่อปิดประตูลงรอยยิ้มบนใบหน้ากลับหายไปในทันที
เขาไม่ได้มีนิสัยร่าเริงไม่จริงจังต่อเรื่องใด ๆ อยู่แล้ว สำหรับเวินหนิง เขามีความต้องการจะครอบครอง แต่ก็ไม่อยากทำให้เธอตกใจ
ขณะที่กำลังครุ่นคิดกับความสับสนอยู่ คุณน้าพยาบาลก็ยกอาหารบำรุงของวันนี้เดินมา เธอเห็นแผ่นหลังสูงหล่อของชายหนุ่มที่หน้าประตู นึกว่าเป็นลู่จิ้นยวนกลับมาแล้ว จึงได้ทักทายอย่างเป็นกันเอง “คุณลู่คะ กลับมาแล้วเหรอคะ?”
เหอจื่ออันรู้สึกตัวขึ้น เมื่อได้ยินคำพูดของพยาบาล เขาหันตัวกลับในทันที “เมื่อกี้พูดว่าอะไรนะครับ?”
เมื่อพยาบาลเห็นว่าตัวเองจำผิดคน และการแสดงออกที่ดูตกใจของคน ๆ นี้ก็ทำให้เธอตกใจจนไม่กล้าพูดอะไร “ขอโทษค่ะ ฉันจำผิดคนไป”
“เมื่อกี้คนที่คุณเรียกคือลู่จิ้นยวน?”
เหอจื่ออันไม่มีความสนใจจะฟังเรื่องนี้ เขาทนไม่ไหวจึงจับข้อมือของพยาบาลแล้วถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา
ความเจ็บแผ่ซ่านที่ข้อมือ บวกกับความรู้สึกที่น่ากลัวจากการกดขี่ของชายหนุ่ม ทำให้พยาบาลพยักหน้าอย่างไม่รู้ตัว “คุณลู่ให้ฉันมาดูแลคุณเวินค่ะ”
เหอจื่ออันเหมือนกับเพิ่งตื่นจากความฝัน เขาปล่อยมือเธอ มองไปที่ประตูห้องคนไข้อย่างสับสน แล้วเดินออกไปอย่างรวดเร็ว
เขาต้องการเวลาและพื้นที่เล็กน้อยเพื่อทำความเข้าใจกับความจริงนี้
พยาบาลเห็นเขาเดินไปไกลแล้ว จึงได้ลูบอกตัวเองด้วยความตกใจ เธอก็แค่จำผิดคนเอง จำเป็นต้องตกใจขนาดนั้นไหม? ท่าทางภูมิฐานดี ไม่คิดว่าจะเป็นคนบ้า
เหอจื่ออันเดินโซซัดโซเซออกจากโรงพยาบาล เขาเดินชนคนโดยไม่ระวังตลอดทางอย่างไม่รู้สึกตัว จนกระทั่งขึ้นรถของตัวเอง เขาออกแรงดึงเนคไทออก
ลูกของเวินหนิง เป็นของลู่จิ้นยวน?
แต่ละเรื่องที่เขาไม่เคยนึกมาก่อน ผุดขึ้นในหัวของเขาทันที ลู่จิ้นยวนที่ต่อกลอนกับเขาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ความบังเอิญที่คนสองคนมักปรากฏตัวด้วยกัน ตอนนี้ดูท่าแล้วไม่ใช่แค่ความห่วงใยที่หัวหน้ามีให้ลูกน้อง แต่ความเป็นเจ้าของแต่ไหนแต่ไรของผู้ชายที่มีต่อผู้หญิง
เหอจื่ออันอดไม่ได้ที่จะหยิบบุหรี่ออกมาสูบ กลิ่นควันที่เข้มข้นนั้น ทำให้อารมณ์วุ่นวายของเขาสงบลงพักนึง
“ลู่จิ้นยวน…”
ถ้าหากเป็นผู้ชายคนอื่น บางทีเหอจื่ออันอาจจะยอมปล่อยความรักนี้ไป ในเมื่อเขาติดหนี้เวินหนิงเยอะมาก เพียงแค่เธอมีความสุข ถึงเขาจะต้องอวยพรให้เธอมีความสุขอย่างเงียบ ๆ ก็ไม่เป็นไร
แต่คนคนนั้นคือลู่จิ้นยวน คนที่บีบบังคับจนแม่ของเขาต้องตาย และเขาก็คือลูกชายของผู้หญิงที่ผลักดันตัวเองเข้าสู่ภาวะสิ้นหวัง
เหอจื่ออันไม่มีทางลืมภาพที่คุณแม่ไม่มีเงินรักษาพยาบาลจนจากไปอย่างหมดหวัง จะไม่ลืมว่าเขาถูกไล่ออกจากบ้านของผู้รับเลี้ยงบุตรบุญธรรมครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่ลืมความเจ็บปวดที่ถูกสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าทำเหมือนกับเขาไม่ใช่คน
“ลู่จิ้นยวน…นายจะเป็นศัตรูกับฉันไปตลอดชีวิตเหรอ? ครั้งนี้ฉันจะไม่ยอมให้นายได้สิ่งที่ต้องการอีกแล้ว”
สายตาเคร่งขรึม เหอจื่ออันเก็บอาการสีหน้าร่าเริ่งในเวลาปกติที่เสแสร้งไว้ ในขณะนี้มีเพียงความดุร้ายของหมาป่าที่ฉายอยู่ในดวงตาของเขา
เวินหนิง เขาไม่มีทางยอมให้แน่ เขาไม่มีทางให้ผู้หญิงที่เขารักคบกับศัตรูตลอดกาลของเขาได้!
…
ลู่จิ้นยวนจัดการเรื่องเสร็จ ก็บอกให้อันเฉินจัดการหมอที่โด่งดังมีชื่อเสียงที่สุดมารักษามู่เยียนหราน
หลังจากที่จัดการเรื่องกวนใจพวกนี้เสร็จ ลู่จิ้นยวนถึงได้กลับมาโรงพยาบาลที่เวินหนิงอยู่
ทั้ง ๆ ที่เป็นแค่ห้องธรรมดา ๆ ในโรงพยาบาล แต่เป็นเพราะมีคนคนนั้นอยู่ จึงทำให้เขาตั้งหน้าตั้งตารอ
เมื่อเปิดประตูออก เวินหนิงกำลังดูละครทีวีเรื่องยาวอย่างเบื่อหน่าย เป็นเพราะกลัวรังสีทำร้ายลูก เธอจึงทำได้เพียงใช้วิธีนี้แก้เบื่อ
มองเห็นลู่จิ้นยวนกลับมา เธอหันหน้ามา “กลับมาแล้วเหรอ”
ลู่จิ้นยวนพนักหน้า ราวกับถูกฝึกมานับไม่ถ้วน เวินหนิงพูดคำนี้ ราวกับสาวน้อยที่กำลังรอเขากลับบ้าน ทำให้อารมณ์หงุดหงิดเมื่อครู่ของเขาจู่ ๆ ก็คลี่คลายลงเป็นอย่างมาก
เมื่อคิดได้ดังนั้น ชายหนุ่มเดินเข้าไปกอดร่างเพรียวเล็กของเธอที่อยู่บนเตียงขึ้นไว้ในอ้อมกอด เพื่อสูดรับรสชาติที่สดชื่นหอมหวานนั้น
เวินหนิงตกใจ ลู่จิ้นยวนเป็นอะไรไป?
เพียงแต่ท่าทางที่เหนื่อยล้าเป็นอย่างมากของชายหนุ่ม ทำให้เธอไม่อยากที่จะผลักเขาออก จึงปล่อยให้เขากอดตามอำเภอใจ สัมผัสกับความเงียบสงบในช่วงเวลานี้
“เป็นอะไรเหรอ? ที่บริษัทมีเรื่องอะไรกวนใจเหรอ?”
เวินหนิงเอ่ยปากเบา ๆ ลู่จิ้นยวนยิ้ม เรื่องที่บริษัทไม่เคยเดือดร้อนเขา เขาเป็นกังวลว่าไป๋ซินอวี๋จะทำเรื่องอะไรที่รุนแรงเกินไป
“เวินหนิง ต่อจากนี้ถ้าจะออกไปไหน จะต้องไปกับฉันเท่านั้น อย่าออกไปไหนมั่ว ๆ”
“ทำไมเหรอ? เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า?”
เมื่อได้ยินลู่จิ้นยวนพูดแบบนี้ เวินหนิงรู้สึกกระวนกระวายใจ
“ไม่มีอะไรหรอก เธอรู้ไว้แค่ฉันจะปกป้องเธอให้ดีแค่นั้นแหละ”
ลู่จิ้นยวนไม่ได้พูดความจริงออกมา เข้าไม่อยากให้เวินหนิงคิดมาก คำพูดเมื่อครู่ก็เพื่อป้องกันไว้เท่านั้น
เมื่อเห็นลู่จิ้นยวนไม่พูด เวินหนิงขมวดคิ้ว หรือว่าจะมีการต่อสู้กันทางธุรกิจ แล้วไปแหย่ใครเข้า?
“แล้วนายจะไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหม”
ได้ยินน้ำเสียงของเวินหนิง ลู่จิ้นยวนหอมลงบนแก้มของเธอ “เธอคิดว่าฉันจะมีปัญหาอะไร? ไม่ต้องกังวลกับเรื่องไร้สาระพวกนี้ เธอดูแลร่างกายให้ดี เข้าใจไหม?”
เวินหนิงอดคิดไม่ได้ ไม่รู้เหมือนกันว่าใครเกิดอุบัติเหตุสองครั้ง ทำให้คนตระกูลลู่และเธอตกใจพอสมควร
เเมื่อคิดได้เธอก็เงยหน้าขึ้น สายตาของเธอสังเกตเห็นรอยช้ำที่มุมปากของลู่จิ้นยวน