ทั้งสองคนรออยู่ข้างนอกเป็นเวลานานมาก จนกระทั่งภายในทุกอย่างจบลง
“เธอรออยู่ที่ข้างนอก”ลู่จิ้นยวนส่งสัญญาณไม่ให้เวินหนิงอย่าเข้าไปข้างใน ยวี๋เฟยหมิงต้องอารมณ์ร้อนแน่ๆ ถ้าพูดคำหยาบคายกับเธอ มันจะส่งผลต่ออารมณ์ของเธออย่างแน่นอน
“ไม่ค่ะ ฉันไม่เป็นไร ฉันอยากเห็นผลกรรมที่เขาได้รับ” เวินหนิงไม่ได้ท้อถอยแม้แต่น้อย เธอออกจะดีใจด้วยซ้ำที่ได้เห็นความอนาถของยวี๋เฟยหมิง
เพราะเธอนั้นไม่ได้เป็นพระแม่ใจบุญอยู่แล้ว ที่โดนเขาทำให้ต้องอับอายครั้งแล้วครั้งเล่า ถึงได้ไม่มีความแค้นใดๆ
“ งั้นก็ได้ ถ้าเธอรู้สึกไม่โอเค ก็รีบออกมานะครับ”
ลู่จิ้นยวนรู้สึกว่าผู้หญิงตัวเล็กๆตรงหน้าของเขาแข็งแกร่งกว่าที่เขาคิดมาก คงเป็นเพราะเธอได้เห็นความเลวร้ายของคนเรามากจนเกินไป ถึงได้ไม่รู้สึกอ่อนไหวกับมันอีกต่อไป
เมื่อนึกถึงสิ่งเหล่านี้ ชายหนุ่มก็รู้สึกเจ็บป่วยใจเล็กน้อย เขากอดไหล่ของเวินหนิงไว้แล้วเดินเข้าไปพร้อมกับเธอ
ข้าวของภายในห้องได้ถูกจัดวางเข้าที่เดิมจนเรียบร้อย ทำให้มองไม่ค่อยออกกับสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อกี้แทบจะไม่มีร่องรอยใดๆ ยวี๋เฟยหมิงนอนหายใจหอบอยู่บนพื้น อย่างกับสุนัขหมดฤทธิ์หมดสภาพ ฤทธิ์ของยาได้ผ่านไปแล้ว ตอนนี้เขารู้สึกเจ็บปวดไปหมดทั้งร่างกาย
และสิ่งที่ทำให้เขาโกรธมากที่สุดก็คือ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้ได้มีกล้องวิดีโอถ่ายบันทึกเก็บไว้ทั้งหมด
สิ่งเหล่านี้ไม่อาจให้มันแพร่กระจายออกไปได้ มิฉะนั้น ทั้งชีวิตนี้ของเขาก็จะต้องจบสิ้นเป็นแน่
“เวินหนิง … แกมันผู้หญิงที่ชั่วร้ายที่สุด”
จู่ๆเวินหนิงก็รู้สึกสะใจมาก เมื่อได้ยินคำด่าที่อ่อนแรงของยวี๋เฟยหมิง
แต่ก่อนนั้นที่เหยียบย้ำเธอให้เธออับอายครั้งแล้วครั้งเล่าเพียงเพราะเขาสูงส่งกว่า เขาคงไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าจะมีวันนี้
“ ยวี๋เฟยหมิง สมน้ำหน้า ทำแต่สิ่งเลวร้ายจนเข้าตัวเองจนได้
เวินหนิงเหลือบมองเขา “ วิดีโอของนายที่ดูน่าอนาถอย่างกับขอทานอยู่ในมือของฉัน ถ้านายไม่ต้องการให้ใครเห็นแล้วล่ะก็ ช่วยทำตามที่ฉันบอกจะดีกว่า ไม่งั้นฉันก็จะไม่ถือสาที่จะให้นายลองไปมีชื่อเสียงบนโลกออนไลน์ดูบ้าง”
ยวี๋เฟยหมิงตัวสั่น เขาอยากจะด่าเวินหนิงว่าไร้ยางอาย แต่เขาไม่กล้า
ถ้าหากวิดีโอถูกส่งออกไปจริงๆ ทั้งชีวิตนี้ของเขาก็จะต้องจบลงแน่ๆ
“เธอต้องการให้ฉันทำอะไร เธอสัญญาว่าหลังจากที่ฉันทำเสร็จแล้วเธอจะนำวิดีโอต้นฉบับนั้นให้ฉัน”
เวินหนิงพยักหน้า เธอไม่อยากเก็บวิดีโอที่น่าขยะแขยงเช่นนี้ไว้อยู่แล้ว
“ข้อที่หนึ่ง หาหลักฐานก่อนหน้านั้้นที่ตระกูลเวินใส่ร้ายฉัน ข้อที่สอง ช่วยบอกตำแหน่งของแม่ฉันว่าตอนนี้อยู่ที่ไหน ฉันให้เวลานายหนึ่งสัปดาห์!”
เวินหนิงรู้สึกตื่นเต้นขึ้นเล็กน้อย และในที่สุดก็ความหวังขึ้นมาหน่อย เธอรอวันนี้มานานเกินไปแล้ว
“ได้ ฉันตอบตกลง แต่เมื่อเรื่องจบลงเธอจะต้องทำลายวิดีโอนั้นตามสัญญา มิฉะนั้น ต่อให้ตายไปกันข้างหนึ่ง ฉันก็จะไม่มีปล่อยเธอ”
“ถ้าอย่างนั้นก็ขึ้นอยู่กับว่านายจะมีปัญญาหรือไม่”
เวินหนิงถอยหลังไปสองก้าว ลู่จิ้นยวนเหลียบมองยวี๋เฟยหมิงอย่างเย็นชา มีคนเดินเข้ามาแล้วปล่อยเขาเดินออกไป
“ วางใจได้ มีวิด๊โออันนี้อยู่ ถ้ามีข่าวคราวหรือความคืบหน้าอะไรเขาไม่กล้าที่จะไม่รายงานหรอก”
เมื่อลู่จิ้นยวนเห็นเวินหนิงครุ่นคิดอยู่ ก็พูดปลอบใจเธอ
เขารู้ว่าเธอกังวลมาก แต่เรื่องแบบนี้มันต้องใช้ความอดทนใช้เวลา
“ฉันรู้” เวินหนิงก้มหน้าลง อารมณ์ของเธอตอนนี้ซับซ้อนมาก
สามปีแล้ว ที่เธอแบกรับความผิดนี้มาเป็นเวลาสามปีเต็มๆ ในที่สุดก็มีโอกาสพิสูจน์มัน ในที่สุดก็มีโอกาสจะได้เจอคุณแม่ซะที จะไม่ให้ตื่นเต้นได้อย่างไร
ลู่จิ้นยวนมองไปที่เวินหนิง กำลังจะพูดอะไรบางอย่าง โทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้นอย่างกะทันหัน
“จิ้นยวน ฉันผิดหวังในตัวแกมาก”
เสียงโกรธของนายท่านลู่ดังมาอย่างหนักแน่นคมชัด ด้วยความโกรธของท่านที่ไม่สามารถปกปิดได้
ทั้งทีตอนกลางวันท่านปู่อยู่ที่บ้านก็ยังดีๆอยู่ คาดคิดไม่ถึงว่า เย่หวานจิ้งจะได้เห็นภาพเหล่านั้นที่แพร่กระจายอยู่บนอินเทอร์เน็ต พบว่ามันทำให้อารมณ์ดีๆของท่านในวันนี้แย่ลงไปอย่างสิ้นเชิง
ดูจากในภาพนั้น ลู่จิ้นยวนนั้นกำลังมองผู้หญิงคนหนึ่งอย่างอ่อนโยนและรักใคร่ และผู้หญิงคนนั้นท่านก็คุ้นเคยเป็นอย่างดี เป็นผู้หญิงที่ท่านหามากับมือตัวเองเพื่อเป็นกันสริมดวงให้กับหลานรักหัวแก้วหัวแหวน เวินหนิงนั้นเอง
“ท่านปู่” ลู่จิ้นยวนไม่รู้จะอธิบายยังไง แต่เขารู้สึกได้ว่าเรื่องนี้นี้อาจมีความเกี่ยวข้องกับเวินหนิงอย่างแน่นอน ดังนั้น หลังจากเปิดประตูรถ จึงส่งสัญญาณให้เวินหนิงเข้าไป
เวินหนิงงงงวย แต่เธอก็นั่งเข้าไปอย่างเชื่อฟัง เมื่อกี้ในเสียงโทรศัพย์นนั้นเธอแค่ฟังก็รู้ว่าเป็นใคร คือนายท่านลู่
แต่ว่า เวินหนิงไม่เคยได้ยินน้ำเสียงที่โกรธเกรี้ยวขนาดนี้ของนายท่านมาก่อน
หรือว่า มันจะเกี่ยวข้องกับเธอ
ขนาดที่นั่งอยู่ในรถ เวินหนิงรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย แต่เธอทำได้แค่มองลู่จิ้นยวนพูดอะไรก็ไม่รู้ อยากฟังแต่ก็ได้ยินไม่ชัดว่าเขากำลังพูดอะไร
“รูปถ่ายของแกกับเวินหนิงถูกเผยแพร่ไปทั่วโลกแล้ว เรื่องนี้แกต้องจัดการให้เรียบร้อย คืนนี้กลับมา ฉันมีอะไรจะต้องคุยกับแก”
คำอธิบายของลู่จิ้นยวนไม่ได้เข้าหูของนายท่านเลยแม้แต่นิด เมื่อคิดถึงว่าหลานชายที่หนักแน่นมาโดยตลอดของท่านไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้หญิงแบบนั้น ในใจของท่านก็รู้สึกเหมือนมีอะไรอุดตันอยู่
บางที เขาไม่ควรเชื่อเรื่องโชคลางอะไรนั้นตั้งแต่แรก แล้วพาเธอกลับมา ให้เธอมีโอกาสเข้าใกล้กับลู่จิ้นยวน
นายท่านโดนความรู้สึกผิดกับความโกธรทรมาณจนไอไปสองสามที ลู่จิ้นยวนได้ยินความเจ็บปวดของท่านแล้วรู้สึกกังวลใจเล็กน้อย จึงรีบปลอบใจท่าน “ ท่านปู่ครับเรื่องนี้ไม่ได้ร้ายแรงอย่างที่ท่านคิดครับ ผมกลับไปคืนนี้จะอธิบายให้ฟังอย่างละเอียดนะครับ”
“แกควรหาคำอธิบายที่สมเหตุสมผลที่สุดให้กับฉัน ถ้าไม่เช่นนั้น ฉันเกรงว่าฉันจะตายเพราะเครียดเรื่องแก”
เมื่อวางโทรศัพท์ลงลู่จิ้นยวนก็ขมวดคิ้ว อดไม่ได้ที่จะนวดตรงกลางคิ้วที่ปวดของเขา
เขาไม่เคยบอกให้ตระกูลลู่ทราบมาก่อนเรื่องที่คบอยู่กับเวินหนิง เพราะพวกท่านจะต้องต่อต้านอย่างแน่นอนโดยไม่ต้องคิดอะไรทั้งนั้น แต่คาดคิดไม่ถึงว่าวันนี้จะมาได้เร็วขนาดนี้
ไม่ว่าจะยังไง เรื่องที่ท่านปู่พูดถึงบนอินเทอร์เน็ต มันเกิดอะไรขึ้นเป็นเรื่องอะไรกันแน่
ลู่จิ้นยวนเปิดโทรศัพท์ขึ้นมาค้นหาดู ไม่นานก็เห็นข่าวที่เกี่ยวข้อง เป็นรูปถ่ายที่ถูกแอบถ่ายโดยใครที่ไหนก็ไม่รู้ ในภาพเป็นฉากที่เขากำลังเปิดประตูรถและพูดคุยกับเวินหนิง ทั้งสองคนดูสนิทสนมกันมาก แค่เห็นก็รู้ถึงความสัมพันธ์อย่างชัดเจน
เพราะภาพนั้นสะดุดตามาก บวกกับคนที่โพสต์บนโลกโซเชียลได้เขียนหัวข้อที่น่าสนใจอย่างมาก ดังนั้นไม่นานรูปถ่ายนี้ก็มีคนให้ความสนใจมากมายจึงได้เผยแพร่ไปอย่างรวดเร็วทันที มีคนไม่น้อยที่กำลังทายว่าในที่สุดลู่จิ้นยวนก็ยอมมีแฟนซะที แต่ไม่ใช่ประเภทที่ไม่สนใจสาวสวยตามข่าวลือ
ลู่จิ้นยวนรู้สึกโกธรมาก จึงรีบโทรไปหาอันเฉิน เพื่อให้เขารีบจัดการเรื่องพวกนี้โดยเร็วที่สุด
เวินหนิงที่นั่งอยู่บนรถ ได้เขี่ยโทรศัพท์เล่นเพื่อแก้ความเบื่อหน่าย ก็พบภาพข้อความนั้น เมื่อรูปภาพนั้นปรากฏขึ้นเธอก็เข้าใจทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น
น่าจะเป็นเพราะคนของตระกูลลู่เห็นข่าวนี้ ไม่ต้องการให้ลู่จิ้นยวนเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเธอ ถึงได้โมโหโกรธมากขนาดนั้น
ขณะที่กำลังใช้ความคิดอยู่ ลู่จิ้นยวนก็เปิดประตูรถออก เขาได้ลดความเย็นชาเมื่อครู่ลง จากนั้นก็เหลียบมองเวินหนิงอย่างกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทันใดนั้นเขาก็เอนตัวลงเหมือนทั้งตัวได้อ้อมกอดเธอไว้
เวินหนิงสะดุ้งเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ขยับตัวใด ชายหนุ่มก็ไม่ได้ทำอะไร เพียงแค่ขยับนิ้วเบา ๆ เพื่อช่วยคาดเข็มขัดนิรภัยที่เธอลืมรัดไว้
เวินหนิงถอนหายใจอย่างโล่งอก มองไปที่ใบหน้าของชายหนุ่มที่อยู่ใกล้กันแค่ไม่กี่นิ้ว “ ตระกูลลู่รู้แล้วเหรอ”