ลู่จิ้นยวนไม่ได้เชื่อ เขาจำได้อย่างชัดเจนว่า คนที่เขามีอะไรด้วยในวันนั้นคือหลิวเมิ่งเซวี่ย
และมีอยู่ช่วงหนึ่งที่หลิวเมิ่งเซวี่ยกับเวินหนิงตัวติดกันอย่างกับปลาท่องโก๋ ไม่แน่ เวินหนิงอาจจะรู้เรื่องนี้ในเวลานั้นก็ได้
“เวินหนิง เธออย่ามาพูดโกหกกับฉันอีกเลย คนที่ฉันมีอะไรด้วยในวันนั้นคือหลิวเมิ่งเซวี่ยอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นสิ่งของของเขาที่ทิ้งไว้หรือว่าคำพูดของเขาในภายหลัง ก็ตรงกันหมด”
“เด็กคนนี้ เธออย่าคิดที่จะเก็บเอาไว้ข้างตัว ฉันจะหาบ้านที่มีฐานะดีๆหน่อยให้เขา หลังจากคลอดแกออกมา ก็เอาแกให้คนอื่นไป เธอไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว”
ลู่จิ้นยวนไม่เชื่อคำพูดของเวินหนิงแม้แต่นิด เพราะหลักฐานตอนนั้นชัดเจนมาก เขาก็เลยคิดได้เพียงว่าที่เวินหนิงยอมพูดโกหกก็เพื่อที่จะรักษาเด็กคนนี้เอาไว้
นี่ทำให้อารมณ์ที่หงุดหงิดอยู่แล้วของเขาหดหู่ขึ้นมาอีก
“เพราะอะไร ทำไมคุณถึงไม่เชื่อในสิ่งที่ฉันพูด” เวินหนิงคิดไม่ถึงว่าจะเป็นเช่นนี้ ” มิฉะนั้น คุณโทรโทรศัพย์ให้หลิวเมิ่งเซวี่ย ลองถามเขาดูว่าเขาจะพูดว่าอย่างไร ”
ความดื้อรั้นของลู่จิ้นยวนทำให้เวินหนิงเจ็บปวดใจมาก เขาไม่เชื่อว่าลูกในท้องของเธอเป็นของเขา เธอจะพูดโกหกเรื่องแบบนี้ได้ยังไงกัน
เมื่อลู่จิ้นยวนเห็นความดื้อรั้นของเธอ แล้วคิดอยู่พักหนึ่ง ” โอเค ตามที่เธอพูด”
ก็แค่โทรโทรศัพท์เท่านั้นเอง ไม่ใช่เรื่องยากอะไร
แต่ตอนนี้หลิวเมิ่งเซวี่ยกำลังรับการรักษาอยู่ในต่างประเทศ ลู่จิ้นยวนก็เลยโทรไปหาคนบ้านหลิว
ตั้งแต่เรื่องนั้นนี่เป็นครั้งแรกที่ลู่จิ้นยวนโทรหาเขา หัวใจของหลิวเมิ่งเซวี่ยฟู่โตมีความดีใจเล็กน้อย
ในช่วงนี้ เธอกำลังทำกายภาพบำบัดอยู่ เพราะลู่จิ้นยวนได้เลือกทีมชั้นนำในด้านการกายภาพบำบัดทางด้านกีฬาเพื่อรักษาเธอ ขาของเธอจึงมีพัฒนาการที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ถ้ารักษาอีกระยะหนึ่ง ก็เกือบจะหายเหมือนคนปกติทั่วไปแล้ว
แม้ว่า จะยังไม่สามารถวิ่งหรือกระโดดได้ แต่ก็ดีกว่าต้องนั่งรถเข็นไปตลอดชีวิต
“หลิวเมิ่งเซวี่ย ฉันมีเรื่องจะถามคุณ” ลู่จิ้นยวนไม่ได้พูดอะไรนอกเหนือจากนั้น ก็เลยถามอย่างตรงไปตรงมาว่า ” ที่โรงแรมครั้งนั้น เกิดอะไรขึ้นกันแน่”
หัวใจของหลิวเมิ่งเซวี่ยสั่นเทา เรื่องนั้นเธอคิดว่าถูกปิดเป็นความลับไปแล้ว แต่ตอนนี้เธอไม่อาจสูญเสียโอกาสในการรักษาที่ลู่จิ้นยวนมอบให้ เธอไม่อยากให้ชีวิตของเธอที่เหลือต้องถูกทำลายอีกครั้ง ยิ่งไปกว่านั้นครั้งนั้นถ้าไม่ใช่เพราะเวินหนิง เธอก็คงจะไม่น่าสงสารเช่นนี้
ดังนั้น หลิวเมิ่งเซวี่ยจึงตอบอย่างไม่รู้สึกผิดว่า “ คุณชายลู่ เราได้ยืนยันเรื่องนั้นมานับครั้งไม่ถ้วนแล้วไม่ใช่เหรอคะ เสื้อผ้าและป้ายชื่อทำงานที่ทิ้งไว้ในวันนั้นเป็นของฉัน ต่อให้คุณจะไม่เชื่อหรือสงสัยอะไร มันไม่ใช่เรื่องใหญ่ คุณสามารถไปตรวจสอบกล้องวงจรปิดก็ได้ ”
ขณะที่หลิวเมิ่งเซวี่ยพูด แต่ลึกๆในใจนั้นกำลังหัวเราะอย่างได้ใจ เพราะเธอรู้กฏของโรงแรมหมิ่งเซิ่งเป็นอย่างดี เป็นไปไม่ได้ที่โรงแรมจะเปิดให้คนนอกดูกล้องวงจรปิดง่ายๆ ต่อให้จะดู ก็สามารถดูได้แค่ภายในสามเดือนนี้เท่านั้น
และนี่เป็นเวลาเกือบห้าเดือนแล้วกับเรื่องที่เกิดขึ้น ต่อให้ลู่จิ้นยวนอยากหาหลักฐานก็ยากพอๆกับหาเข็มใต้สมุทร
เวินหนิงไม่เคยคิดเลยว่าหลิวเมิ่งเซวี่ยจะทำลายโอกาสสุดท้ายของเธอและทำให้เรื่องยิ่งเข้าใจผิดไปกันใหญ่ ทั้งๆที่เขารู้อยู่แกใจว่าวันนั้นเกิดอะไรขึ้น ” หลิวเมิ่งเซวี่ย ทำไมเธอถึง … ”
“คุณชายลู่ เวินหนิงก็อยู่ด้วยเหรอคะ …เรื่องนั้นมันเป็นแค่ความผิดพลาด ฉันเคยบอกเวินหนิงไปแล้ว ตอนนั้นเราสนิทกันมาก คุณก็รู้อยู่ … หรือว่าตอนนี้มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นอีกเหรอ”
หลิวเมิ่งเซวี่ยแสร้งทำเป็นไม่รู้ทั้งที่รู้อยู่แกใจ ที่แท้ เป็นเพราะเวินหนิงได้พูดความจริงออกมานี่เอง
หลิวเมิ่งเซวี่ยไม่สามารถปล่อยให้เธอสมหวัง หากลู่จิ้นยวนรู้ว่าคนในวันนั้นคือเวินหนิง เขาจะต้องไม่ไว้หน้าเธออย่างแน่นอน ถ้างั้นความพยายามของเธอก่อนหน้านั้นก็ต้องสูญเปล่า
คำพูดของหลิวเมิ่งเซวี่ยทำให้ใบหน้าของลู่จิ้นยวนชาไปหมด หลังจากวางสายโทรศัพท์ ชายหนุ่มก็จ้องมองไปที่เวินหนิงด้วยหน้าที่เขียวซีดเซียว ” ยังไง เธอยังอยากจะพูดอะไรอีกล่ะ เขากล้าที่จะให้คนอืนไปดูกล้องวงจรปิด ถ้าเขาพูดโกหก. จะกล้าท้าขนาดนี้ได้ยังไง”
เวินหนิงได้แต่กระพริบตาอย่างไม่เข้าใจ เธอไม่รู้ว่าทำไมหลิวเมิ่งเซวี่ยถึงได้กล้าพูดแบบนั้น เป็นไปได้ไหม ที่โรงแรมไม่ได้มีวิดีโอของกล้องวงจรปิด หรือไม่ก็จะเป็นเพราะอะไร
อย่างน้อย เธอไม่เคยคิดมาก่อนว่าหลังจากที่พูดความจริงออกมาแล้ว ปฏิกิริยาของชายหนุ่มจะทำให้เธอเสียใจและผิดหวังได้มากขนาดนี้
อย่างน้อยเธอก็ไม่เคยคิดเลยว่าหลังจากพูดความจริงแล้วปฏิกิริยาของชายหนุ่มจะทำให้เธอรู้สึกหนาวสั่นได้ขนาดนี้
ลู่จิ้นยวนเห็นสีหน้าของเวินหนิงไม่ดี ก็เลยคิดว่าคำโกหกของเธอถูกเปิดเผย ถึงมีความรู้สึกผิด ดังนั้นเขาจึงลุกขึ้นมา “ เรื่องนี่ก็ตกลงตามนี้ หลังจากเด็กคลอดมาแล้ว ฉันจะทำเรื่องและวางแผนให้แกเป็นอย่างดี เธอไม่ต้องเป็นห่วงว่าแกจะอยู่ไม่ดี แต่ ก็แค่นั้น ”
ลู่จิ้นยวนได้ตัดสินอนาคตของเด็กไปเรียบร้อยแล้ว ด้วยคำพูดไม่กี่ประโยค
เขาลู่จิ้นยวนจะไม่มีวันเลี้ยงดูลูกชายให้กับผู้ชายคนอื่น เด็กคนนี้เป็นมารอันตราย การที่จะหาที่อยู่ดีๆให้เขา ก็ถือว่าเป็นบุญของแกแล้ว
“ไม่ … ไม่ได้” เวินหนิงเอามือกุมที่หน้าท้องของเธอ รู้สึกได้ถึงการเคลื่อนไหวที่แผ่วเบา นี่เป็นลูกของพวกเรา จะถูกส่งให้คนอื่นเขาอย่างไม่ชัดไม่เจนแบบนี้ได้อย่างไร
นี่ลู่จิ้นยวนต้องการแยกลูกออกจากพ่อแม่ที่แท้จริง ตั้งแต่แรกเกิดแบบนี้เหรอ นี่มันจะไม่โหดร้ายเกินไปหน่อยเหรอ
“นี่มันลูกฉัน ถ้าคุณไม่เชื่อว่าเป็นลูกของคุณ ฉันจะเลี้ยงดูด้วยตัวเอง ไม่จำเป็นต้องมีคุณ”
สัญชาตญาณของความเป็นแม่ ทำให้ความดื้อรั้นของเวินหนิงลุกขึ้นมา เธอจ้องตาที่เศร้าหมองของลู่จิ้นยวน ด้วยน้ำเสียงไม่ท้อถอยแม้แต่นิด
ยิ่งไปกว่านั้น หลังจากที่เด็กเกิดมา สามารถไปตรวจดีเอ็นเอความเป็นพ่อก็ได้ ความจริงจะได้กระจ่าง แต่ถ้าลู่จิ้นยวนให้คนอื่นดำเนินการเรื่องนี้แล้วล่ะก็ ทุกอย่างก็จบลง ใครจะไปรู้ว่าเด็กจะโดน …
เธอจะไม่มีวันให้เขาทำแบบนี้อย่างแน่นอน!
นี่ลู่จิ้นยวนกำลังทำร้ายเลือดเนื้อเชื้อไขของตัวเองด้วยมือตัวเอง
ลู่จิ้นยวนเห็นความดื้อรั้นในดวงตาของเวินหนิง ลุกขึ้นยืนเดินเข้าไปหาเธอทีละก้าวเพื่อกดดันเธอ จากความสูงที่ได้เปรียบอยู่แล้วสะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนว่าใครเหนือกว่าในตอนนี้
เวินหนิงถูกเงาใหญ่ของลู่จิ้นยวนคลุมไปหมดทั้งตัว จนเธอต้องถอยหลังออกไปเรื่อยๆจนจมมุม แต่เธอก็ไม่ได้มีท่าทีว่าจะยอมแพ้ใดๆ
“ เวินหนิง ที่ฉันพูดไม่ได้ล้อเล่นนะ และเธอก็ต้องทำตาม เรื่องของเด็กคนนี้ เธอต้องฟังฉัน”
ลู่จิ้นยวนเห็นความดื้อรั้นของเธอจนทำให้เขาโมโหมากขึ้้น เธอให้ความสำคัญกับพ่อสาระเลวของเด็กคนนี้มาก แม้ว่าจะต้องเป็นศัตรูกับเขาก็ตาม
“ ไม่ ไม่ได้ ฉันจะปล่อยให้คุณทำแบบนี้ไม่ได้” เวินหนิงปฏิเสธอย่างเด็ดขาด ลู่จิ้นยวนมองเธอโมโหจนหัวเราะออกมา
“เพื่อเด็กสาระเลวคนนี้ พ่อของมันได้ใช้ยาเสน่ห์อะไรกับเธอ ให้เธอตายใจได้ขนาดนี้ เวินหนิง ความอดทนของฉันมีขีดจำกัดนะ ”
ในสายตาของลู่จิ้นยวน การที่เวินหนิงยิ่งให้ความสำคัญกับเด็กคนนี้มากเท่าไร ก็หมายความว่าเธอไม่สามารถตัดใจจากพ่อของเด็กมากเท่านั้น
ถึงเวลานั้น หรือว่าเธอยังอยากจะเล่นตลกลับสายตาเขา พาลูกและผู้ชายสาระเลวคนนั้นหนีไปสุดขอบฟ้าเหรอ
“ ลู่จิ้นยวน คุณต้องเชื่อฉัน … เด็ก เด็ก … ”
เวินหนิงใช้ความพยายามในการอธิบาย แต่เห็นได้ชัดว่าลู่จิ้นยวนไม่ได้เชื่อแม้แต่น้อย มีเพียงความโกรธ จนเธอไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไร
“ ฟังนะ ฉันไม่ได้บังคับให้เธอทำแท้งเด็ก ก็ถือว่าใจดีมากพอแล้ว แต่เธอยังอยากให้แกอยู่ข้างๆ เป็นไปไม่ได้ ฉันจะให้เวลาคุณคิดเรื่องนี้ ฉันหวังว่าเธอจะไม่ทำให้ฉันผิดหวัง”