ริมฝีปากของเวินหนิงถูกเขาใช้ปากปิดไว้แน่น เธอเอ่ยพูดอะไรออกมาไม่ได้ ความรู้สึกสิ้นหวังโอบล้อมเธอไว้ ใครก็ได้มาช่วยเธอด้วย เธอควรจะทำยังไงดี!
ประตูที่ทั้งเย็นแล้วแข็ง เธอดิ้นรนไม่หลุด แต่ขณะที่เขาจะลงมือก็ได้ยินเสียงของลู่จิ้นยวนเอ่ยมาจากบนเตียง
“น้ำ……ฉันจะกินน้ำ……”
เวินหนิงตาสว่างแล้วรีบตะโกน “ใครก็ได้ ลู่จิ้นยวนฟื้นแล้ว!”
ท่าทางของผู้ชายคนนั้นหยุดชะงักแล้วมองกลับไปที่ลู่จิ้นยวนด้วยสายตาดุเดือด จากนั้นก็มองมาที่เวินหนิง สายตาที่เยือกเย็นจนอยากจะฆ่าเวินหนิง
ได้ยินเสียงฝีเท้าที่ทางเดิน สุดท้ายผู้ชายคนนั้นก็กัดลงไปที่ไหล่ของเธอ จากนั้นก็หันหลังกระโดดออกไปจากหน้าต่างแล้วหายไปกับแสงจันทร์
เวินหนิงรู้สึกว่าที่ไหล่ถูกกัดจนเป็นแผล เธอไม่ทันทำแผลพร้อมรีบเก็บเสื้อผ้าบนพื้นมาสวมใส่แล้วเก็บกวาดของที่ทิ้งอยู่ที่พื้น คนตระกูลลู่ก็มาถึงหน้าประตูแล้วเคาะประตูเสียงดังปังปังปัง
เมื่อเวินหนิงเปิดประตูก็มีคนแห่เข้ามาแล้วล้อมอยู่ที่หัวเตียง ไฟก็ถูกเปิดให้สว่าง เมื่อทุกคนเห็นลู่จิ้นยวนที่นอนอยู่บนเตียงลืมตาขึ้น ทุกคนก็ดีใจจนจะร้องไห้
“คุณชายฟื้นแล้ว ฟื้นสักที!”
เย่หวานจิ้งเช็ดน้ำตา “จิ้นยวน แกฟื้นมาสักที กี่ปีนี้แม่กังวลจนจะแย่อยู่แล้ว”
เถ้าแก่พาคุณหมอมาแล้วตรวจอาการเบื้องต้นของลู่จิ้นยวน เมื่อแน่ใจแล้วว่าทุกอย่างปกติ แต่พรุ่งนี้ก็ยังต้องไปตรวจที่โรงพยาบาลอีกครั้ง วันนี้ต้องพักผ่อนก่อน ทุกคนก็เลยค่อยวางใจ
เถ้าแก่เดินไปที่ข้างตัวเวินหนิงแล้วพยักหน้า “ที่จิ้นยวนฟื้นมาได้เธอก็มีส่วน”
เวินหนิงรีบก้มหน้าลงไปกลัวว่าจะมีร่องรอยอะไรบนสีหน้าแล้วเฒ่าแก่มองออก “ไม่หรอกค่ะ ที่ลู่จิ้นยวนฟื้นมาได้ก็เป็นเพราะว่าตระกูลลู่ดูแลดี”
เถ้าแก่ละสายตาจากเธอแล้วเอ่ยเสียงนิ่ง “จิ้นยวนเพิ่งฟื้น ออกไปกันก่อนเถอะ ให้เขาพักผ่อนที่เหลือค่อยว่ากันพรุ่งนี้”
เมื่อมีเสียงเอ่ยสั่ง คนในตระกูลลู่ก็ถอยออกไปแล้วเถ้าแก่ก็พูดว่า “จิ้นยวน นี่เป็นภรรยาของแก หนึ่งเดือนที่ผ่านมาเธอเป็นคนดูแลแกตลอด คืนนี้ก็ให้เธอยอยู่ที่นี่แหละ” พูดจบท่านก็ออกไป
ในห้องก็เหลือแค่เวินหนิงกับลู่จิ้นยวนที่เพิ่งฟื้น
ลู่จิ้นยวนเพิ่งฟื้น ตาทั้งสองข้างยังมัวอยู่ จ้องไปที่เวินหนิงสักพัก เวินหนิงค่อยนึกขึ้นได้ว่าเขาจะดื่มน้ำแล้วรีบเอาน้ำมาให้ดื่ม
ลู่ยวนจิ้นเย็นชาจนเวินหนิงไม่กล้าเอ่ยพูดอะไร พอดื่มนั้นเสร็จ น้ำเสียงของผู้ชายค่อยได้ยินชัดเจนขึ้น “ออกไป”
“อะไรนะ?”
“ผมไม่ชอบอยู่กับผู้หญิงแปลกหน้าในห้องเดียวกัน ออกไปนอนนอกห้อง”
เวินหนิงกัดฟันแน่น “ฉันเป็นภรรยาของคุณ แล้วก็จดทะเบียนสมรสแล้วด้วย ฉันอยู่กับคุณมีอะไรไม่ถูกต้องหรอคะ?”
“ถ้าไม่ออกไป ผมก็จะเรียกทุกคนกลับมาแล้วบอกกับทุกคนว่า ลับหลังเธอแอบมีอะไรกับผู้ชายคนอื่น” ลู่จิ้นยวนมองไปที่ไหล่เธอ “ยังเหลือร่องรอยที่หน้าไม่อายไว้อีก!”
เวินหนิงจับไปที่รอยกัดที่ไหล่ของตัวเอง ถึงแม้เสื้อผ้าจะปิดอยู่แต่ก็เหมือนมีเหล็กชุบไฟแล้วกำลังเผาไหม้บนร่างกายเธอ
โดยเฉพาะตอนที่ลู่จิ้นยวนเปิดโปงเธออย่างไม่ไว้หน้า เธอยิ่งเงยหน้าไม่ขึ้น
สุดท้ายเธอเลยจำใจเอาผ้าห่มแล้วเดินออกไปนอกห้องแล้วปูนอนกับพื้นนอกห้องไปอย่างนั้น
คนตระกูลลู่ ไม่มีใครที่เป็นคนดีเลย
แต่ก่อนที่ยังหาความอบอุ่นจากลู่จิ้นยวนได้ แต่พอฟื้นมาแล้วก็เป็นปีศาจอีกคนหนึ่ง
แล้วในมือของเขาก็ยังมีความผิดของเธอ เธอรู้สึกหมดแรงมาก โดนคนอื่นบังคับห้ามไว้ทุกอย่าง ความรู้สึกแบบนี้รู้สึกทรมานมาก
วันต่อมาหลังจากที่ลู่จิ้นยวนไปตรวจเช็คร่างกายกลับมาก็เข้าไปในห้องหนังสือกับเถ้าแก่
“แกจะหย่า?” เถ้าแก่เงียบไปสักครู่ “เธอขับรถชนแกแล้วยังเคยเข้าคุก ที่แกจะเกลียดเธอก็สมควร แต่ว่าปู่ไม่เห็นด้วยที่แกจะหย่าตอนนี้”
ลู่จิ้นยวนเอ่ย “ผู้หญิงคนนี้ถ้าเก็บไว้ในบ้านก็จะเป็นตัวปัญหา”
“ถึงจะเป็นแบบนี้ แต่ระหว่างที่แกสลบไปสามปีนี้ ปู่ก็หาหมอมาไม่น้อยไม่มีประโยชน์เลย แต่พอเดือนที่สองที่เธอดูแลแกก็ฟื้น ถึงจะเกลียดเธอแต่เพื่อโชคที่เธอทำให้แกฟื้นก็ต้องทนไว้หน่อย!”
หลังจากเรื่องของลู่จิ้นยวนเถ้าแก่ก็เริ่มงมงาย ขอแค่ครอบครัวของท่านทุกคนปลอดภัยเรื่องอื่นก็ไม่สำคัญ
“ปู่รู้ว่าแกยังคิดถึงมู่เยียนหราน ตอนนั้นที่แกเกิดอุบัติเหตุก็เพื่อที่จะไปไล่ตามเธอ ปู่มองออกว่าพวกแกสองคนไม่มีพรหมลิขิต แกก็อย่าเอ่ยถึงเธอกับปู่อีกเลย”
เมื่อพูดถึงมู่เยียนหราน สายตาของลู่จิ้นยวนก็หม่นหมองลง
“คุณปู่นั่นเป็นเรื่องงมงาย คุณปู่ไม่ควร……”
สิ่งลี้ลับแบบนี้ ลู่จิ้นยวนไม่เชื่อแน่นอน แต่พอพูดไปครึ่งประโยค เขาก็มองไปที่เส้นผมสีขาวเต็มศีรษะของเถ้าแก่ สุดท้ายก็ไม่ได้เอ่ยพูดต่อ
“ผมรู้แล้วครับ” ลู่จิ้นยวนก้มหน้าลงไป คนแก่ตรงหน้า เมื่อเทียบกับสามปีก่อนก็ดูแก่ไปไม่น้อย ในช่วงเวลาที่เขาสลบไปเถ้าแก่ก็คงจะเป็นห่วงแล้วลำบากใจมาก
ในเมื่อท่านไม่เห็นด้วยที่จะหย่า งั้นอีกหน่อยค่อยว่ากันละกัน