วันถัดมา
เมื่อเวินหนิงตื่นขึ้นมา พึ่งจะสังเกตเห็นว่าใต้ตาของตัวเองกลายเป็นหมีแพนด้าไปแล้ว แถมตายังแดงด้วย ดูเหมือนกระต่ายน้อย
บอกว่าไม่สนใจ แต่พอนึกถึงภาพในรูปนั้น เธอก็นิ่งเหมือนน้ำไม่ได้ เมื่อคืนนอนไม่หลับทั้งคืน
ตั้งแต่ลู่จิ้นยวนจากไป ก็ไม่เคยมาหาเธออีกเลย เวินหนิงกำลังคิดและหัวเราะกับตัวเอง บางที คนเขาอาจจะยอมรับความเป็นจริงแล้วก็ได้ ว่าต้องผู้หญิงอย่างมู่เยียนหรานถึงจะเหมาะสมกับเขามากกว่า ไม่อยากมาสนใจคนอย่างเธอแล้ว.
เวินหนิงล้างหน้าแปรงฟันปกติ เพราะกำลังท้องจึงไม่สามารถแต่งหน้าได้ แต่ก็ตอบตกลงกับเหอจื่ออันแล้วว่าจะไปพบเขา ดังนั้นจึงได้หาแว่นกันแดดมาใส่เพื่อปกปิดรอยที่น่าเกลียด
หลังจากแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว เวินหนิงก็ออกจากบ้าน
เหอจื่ออันตั้งใจจองร้านอาหารที่บรรยากาศดีเป็นพิเศษ แม้ว่าจะไม่ใช่การออกเดทก็ตาม แต่เขาก็หวังว่าจะใช้โอกาสนี้อยู่กับเวินหนิงได้นานสักพักหนึ่ง เพราะทั้งสองไม่ได้พูดคุยกันดีๆมานานมากแล้ว
เวินหนิงลงมาถึงใต้ตึก เห็นรถของเหอจื่ออันจอดอยู่ข้างล่าง เธอดูเหมือนแปลกใจเล็กน้อย เพราะทั้งสองไม่ได้นัดหมายกันให้เขามารับ ที่สำคัญเขามาก็ไม่ได้โทรหาตัวเองก่อน .แบบนี้ น่าจะจอดรออยู่ข้างล่างนานมากแล้ว
“ ทำไมคุณไม่โทรมาเร่งฉันหน่อยล่ะ ” เวินหนิงรู้สึกเขินเล็กน้อย เมื่อนึกถึงท่าหาวเมื่อกี้ของตัวเอง
“รอแป๊ปหนึ่ง ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เรื่องรอผู้หญิง ไม่ใช่สิ่งที่ผู้ชายควรทำเหรอ ” เหอจื่ออันยิ้มหวาน แล้วไปเปิดประตูรถอย่างสุภาพบุรุษ ทำท่าเชิญเวินหนิงขึ้นรถ
เมื่อได้ยินกับสิ่งที่เขาพูด เวินหนิงก็หัวเราะยิ้มอออกมา ไม่ชมไม่ได้ว่าเหอจื่ออันเป็นคนพูดเก่งมาก และท่าทางตลก ๆ ของเขาเมื่อกี้ ทำให้ความเครียดเธอลดลงไม่น้อย
หลังจากที่เหอจื่ออันขึ้นรถ แต่สังเกตเห็นว่าเวินหนิงยังไม่ได้ถอดแว่นกันแดดออก ทำให้เขามีความคิดมากมายในหัว “ วันนี้แดดก็ไม่ได้แรงขนาดนั้น ทำไมถึงได้ใส่แว่นกันแดดล่ะ”
เวินหนิงส่ายหัว ” ฉัน … เมื่อวานฉันนอนไม่ค่อยหลับ เลยไม่ค่อยสบายตา ก็เลยกันไว้หน่อย”
เหอจื่ออันเข้าใจทันทีเลยว่าเธอกำลังพูดโกหก เป็นเพราะเธอไม่อยากพูดเท่านั้น เขาไม่อยากถามต่อเพราะไม่อยากให้เวินหนิงลำบากใจ “ งั้นเดียวเราทานอาหารเสร็จก็รีบส่งคุณกลับมา นอนอีกซะหน่อย ชดเชยที่เมื่อคืนนอนไม่อิ่ม”
เวินหนิงพยักหน้า เธอเข้าใจเลยว่าคนฉลาดอย่างเหอจื่ออันนั้นรู้ถึงความไม่ปกติอะไรบางอย่าง แต่การที่เขาไม่ถาม ทำให้เธอสบายใจขึ้นมาก
ทั้งสองออกเดินทางไปยังจุดหมายอย่างเงียบ ๆ โดยระหว่างทางพูดเพียงไม่กี่คำ แม้ว่าบรรยากาศภายในจะเงียบไปหน่อย แต่ก็ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย
ไม่นาน รถของเหอจื่ออันก็มาจอดอยู่ที่หน้าร้านอาหารที่เขาจองไว้ก่อนหน้านั้น
ชายหนุ่มลงลงจากรถ แล้วยังอาสาสมัครเปิดประตูรถให้กับเวินหนิง การกระทำอย่างสุภาพบุรุษทำให้เป็นที่โดดเด่นของผู้คน ทำให้ดึงดูดความสนใจของผู้คนที่อยู่ตอนนั้นอย่างรวดเร็ว
“นี่คุณยังคงเป็นที่นิยมไม่น้อยเลยนะ ” เวินหนิงเห็นว่าหญิงสาวพวกนั้นอยากเข้ามาคุย แต่เมื่อเห็นเธอสีหน้าก็เหมือนหมดหวังอย่างเห็นได้ชัด ทำให้รู้สึกตลดดี ” ก็แค่ ดูเหมือนว่าฉันอยู่ที่นี่ จะเป็นตัวขัดขวางยังไงไม่รู้ ”
รู้สึกว่าหญิงสาวเหล่านั้นจะเข้าใจความสัมพันธ์ของพวกเขาผิด เมื่อเห็นเธอพวกเขาก็ได้แต่แอบเห็น ไม่กล้าที่จะเข้ามาคุยด้วย
“ถ้าเป็นไปได้ ฉันหวังว่าคุณจะช่วยขัดขวางพวกเขาที่นี่นานๆ ” เหอจื่ออันเห็นว่าเธอดูเหมือนจะอารมณ์ดีขึ้นมาบ้างแล้ว จึงตอบกลับเธออย่างกับล้อเล่น แล้วยิ้มให้เธอ แต่แววตาไม่ได้แสดงถึงกันล้อเล่น มีแต่ … ความจริงจัง.
ถ้าหากเวินหนิงเต็มใจยอมรับเขา ยอมให้เขาชดเชยให้เธอ เขาก็สามารถเพิกเฉยต่อเรื่องและปัญหาทั้งหมดเหล่านี้ได้โดยอย่างสิ้นเชิง
เวินหนิงสัมผัสได้ แต่ทำได้เพียงแสร้งทำเป็นไม่รู้ จนหัวเราะออกมาอย่างอึดอัดใจ ” เรารับเข้าไปทานอาหารกันเถอะ ฉันเริ่มรู้สึกหิวแล้ว”
เมื่อเห็นว่าเธอไม่ได้ตอบคำพูดของเขาโดยตรง เหอจื่ออันรู้สึกอ่อนใจ แต่ก็ไม่ได้ตามตื้อเธออย่างกับทำใจไม่ได้ เขารู้ดีว่าหัวใจของเวินหนิงตอนนี้มีคนอยู่แล้ว เขาจะเร่งรีบไม่ได้ .
ทั้งสองคนเดินเข้าไปในร้านอาหาร เหอจื่ออันก็รีบแจ้งตำแหน่งที่จองไว้ “วิวของสวนดอกไม้ที่นี้ไม่เลว ดังนั้นฉันเลยไม่ได้จองห้องวีไอพี คุณจะว่าอะไรไหม”
เวินหนิงส่ายหัว เธอไม่ได้สนใจอะไรมากมายแบบนั้น และที่สำคัญกว่านั้นสภาพแวดล้อมของที่นี่ดีมาก ๆ สวนด้านหน้าของร้านอาหารได้ตกแต่งอย่างสวยงามด้วยดอกไม้นานาชนิด ที่เปิดให้เข้าชมอย่างสวยงาม อีกทั้งยังเป็นสิ่งสวยงามที่ทำให้เพลิดเพลินกับทิวทัศน์ การที่สามารถชมวิวไปทานอาหารไปก็เป็นอะไรที่ดีไม่น้อย
เหอจื่ออันได้แต่ยิ้ม กับดวงตาที่เต็มไปด้วยความสุข แต่ก็หายไปอย่างรวดเร็ว
ภายใต้การนำทางของพนักงานต้อนรับ ทั้งสองเข้าไปนั่งตรงโต๊ะที่จองเอาไว้
“คุณมาสั่งอาหารดีกว่า ” แม้ว่าเหอจื่ออันจะรู้อาหารจานเด่นของที่นี่เป็นอย่างดี แต่เขาอยากรู้รสชาติของเวินหนิงให้มากกว่านี้ เขาจึงให้สิทธิ์เธอในการสั่ง
เวินหนิงพยักหน้า ไม่ได้บ่ายเบี่ยง สุ่มเลือกอาหารเบา ๆ ไม่เลี่ยนสักสองสามจาน จากนั้นก็ให้เหอจื่ออันสั่งอาหารจานเด่นของร้านสักสองสามจาน ก่อนที่พนักงานบริการจะจากไป เหอจื่ออันหยุดเขาแล้วพูดว่า ” ช่วยเอานมมาแก้วหนึ่ง ที่นี่..”
เวินหนิงรู้ว่าอันนี้เพือเธอ เธอรู้สึกอบอุ่นในใจเล็กน้อยพร้อมกับรอยยิ้มเล็กน้อยที่มุมปากของเธอ
“ เวินหนิง เมื่อวานเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมจู่ๆคุณถึงคิดจะไปต่างประเทศ”
เมื่อเห็นว่าเธออารมณ์ดี เหอจื่ออันจึงถามเรื่องนี้ขึ้นมา
นับตั้งแต่ที่เขารู้ว่าผู้ชายที่มีความสัมพันธ์กับเวินหนิงคือลู่จิ้นยวน หัวใจของเขาเหมือนโดนถูกกระชาก มีแต่ผู้หญิงคนนี้ที่เขาไม่อยากจะสูญเสียไป
แต่ตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาไม่เคยมีโอกาสดีๆ มีแต่เมื่อคืน ที่ทำให้เขามองเห็นความหวังที่น้อยนิดขึ้นมา
ลู่จิ้นยวนต้องทำเรื่องอะไรบางอย่าง ทำให้เธอเสียใจ เธอถึงได้บอกว่าจะไปจากที่นี่
“จริงๆแล้ว มันไม่มีอะไรหรอกแค่เหนื่อย ” เวินหนิงยกแก้วนมขึ้นมาจิบ
เมื่อคืนเธอคิดอย่างถี่ถ้วนแล้ว ในเมื่อลู่จิ้นยวนไม่เชื่อว่าเด็กในท้องของเธอเป็นของเขา และยังมีท่าทีจะกลับไปคืนดีกับมู่เยียนหราน ที่พวกเขาอยู่ด้วยกันก็แค่เรื่องเวลาเท่านั้น
ถึงเวลานั้น สถานการณ์ของเธอยิ่งลำบาก ถึงแม้ว่าก่อนหน้านั้นที่มู่เยียนหรานยังไม่ได้คืนดีกับลู่จิ้นยวนก็คอยหาเรื่องเธอ ถึงขั้นไปตบตีเธอถึงที่โรงพยาบาลมาก่อน
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าเธอรู้ว่าเธอท้อง และลูกในท้องเป็นของลู่จิ้นยวนแล้วล่ะก็ จะเกิดอะไรขึ้น เธอจะทำเรื่องอะไรออกมาอีก
ไม่แน่ว่า อาจวางแผ่่นทำร้ายเด็กในท้องก็ได้ เวินหนิงไม่อยากเอาลูกมาเสี่ยง
“ มัน … เกี่ยวข้องกับลู่จิ้นยวนหรือเปล่า”
เหอจื่ออันบีบแก้วในมือแน่น เขาในตอนนี้ถามด้วยหัวใจที่เป็นห่วง เพราะเขารู้ว่าเวินหนิงเป็นคนที่ระมัดระวังตัว ดังนั้น เมื่อเขาถามคำถามนี้ในใจของเขาเต็มไปด้วยความไม่แน่ใจ
“คุณ……”
เวินหนิงตกใจมาก กว่าเธอจะดึงสติกลับมา ก็ตระหนักได้ว่าความตกใจเมื่อกี้ได้ทรยศความในใจของเธอไปแล้ว ” คุณรู้เรื่องนี้ได้อย่างไร … ”
เพราะข่าวคราวของบ้านตระกูลลู่เป็นอย่างชีวิต และเธอก็ไม่เคยบอกกับเหอจื่ออันถึงความสัมพันธ์ของเธอกับลู่จิ้นยวนเลย มีเพียงไม่กี่คนที่เคยเห็นกับตาตัวเอง ถึงจะรู้เรื่องนี้
ทำไมเหอจื่ออันถึง …
“ วันนั้นที่ฉันอยู่ในโรงพยาบาล พยาบาลคนนั้นมองคนผิด คิดว่าฉันเป็นเขา”