ลู่จิ้นยวนขึ้นไปบนตึก ผลักประตู เวินหนิงกำลังหวีผมไปแล้วก็กำลังคิดเรื่องแผนการของเหอจื่ออันไปด้วย ได้ยินเสียงดังก็หันไป เห็นว่าเป็นลู่จิ้นยวน เกิดแววตาตกใจแล้วก็หายไป
เวินหนิงแอบซ่อนไว้ได้รวดเร็ว แล้วฉีกยิ้มออกมา “คุณมาอยู่ทีนี่ได้ยังไงคะ?”
ลู่จิ้นยวนเห็นท่าทางผิดปกติของเธอก็หรี่ตาลง “อยากมาก็มา เห็นผม…..ไม่ดีใจเหรอ?”
เวินหนิงไม่ได้พูดอะไร ต่อให้เธอไม่ดีใจ แล้วผู้ชายคนนี้จะไม่มาเหรอ?
“เปล่าค่ะ จะเป็นอย่างนั้นได้ยังไง?”
เวินหนิงพูดออกมาเบาๆ ยังไงเสีย ไปจากที่นี่ก็เป็นเรื่องของอีกไม่กี่วัน อยู่ๆเธอเองก็ไม่ได้ต่อปากต่อคำกับลู่จิ้นยวน บนริมฝีปากก็มีความคิดเจ้าเล่ห์
บางที ต่อไปพวกเขาอาจจะไม่ได้เจอกันอีกแล้วก็ได้มั้ง?
“เมื่อกี้คุณกำลังคิดอะไร?” ลู่จิ้นยวนเดินมาหา เอาหวีในมือของเวินหนิงมา มองอย่างสงสัย
เวินหนิงเพิ่งจะอาบน้ำ หลังจากที่เป่าผมจนแห้งยังคงมีกลิ่นหอมกระจายออกมา เส้นผมของเธอนุ่มลื่น ตอนนี้ปล่อยผมสยาย เพิ่มความเสน่ห์ยั่วยวนของหญิงสาวขึ้นมาอีก
ลู่จิ้นยวนอดไม่ได้ที่จะลูบเส้นผมที่นุ่มราวกับเส้นไหมของเธอ การกระทำของเขานั้นทั้งเบามือ อ่อนโยนมาก เหมือนกับว่ากำลังดูแลของรักของหวง มีอยู่ขณะหนึ่ง ที่ทำให้เวินหนิงสับสน
“ไม่ได้คิดอะไรค่ะ เบื่อๆ เหม่อๆ”
เวินหนิงเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “ไม่ใช่ว่าคุณกลับไปบ้านแล้วเหรอคะ?”
ลู่จิ้นยวนคิดถึงเรื่องพวกนั้นที่บ้านตระกูลลู่ ก็หงุดหงิดขึ้นมา ไม่ได้พูดอะไร ทั้งสองคนก็เลยอยู่ในความเงียบที่อึดอัดพวกนี้
“ไข้ของคุณลดหรือยัง?”
ลู่จิ้นยวนไม่ได้คิดอะไร ยื่นมือออกไปลูบหน้าผากของเวินหนิง ดีกว่าเมื่อกี้มากแล้ว ไม่ได้ร้อนมือเท่าไหร่แล้ว ดูเหมือนว่าจะดีขึ้นพอสมควรแล้ว
“ใกล้จะหายแล้วค่ะ” เวินหนิงส่ายหน้าอย่างไม่ใส่ใจ เหมือนกับกลัวลู่จิ้นยวนจะนึกวิธีลดไข้ที่น่ากลัวนั่นขึ้นได้
ลู่จิ้นยวนสัมผัสได้ว่าตัวของเธอนั่นเริ่มเกร็งขึ้น ก้มหน้าลง บีบคางของเวินหนิง “ทำไม คุณกลัวว่าผมจะทำการลดอุณหภูมิทางกายภาพ?”
ทันใดนั้นใบหน้าของเวินหนิงก็แดงฉ่าขึ้นมา แค่คิดถึงวิธีนั้นที่ลู่จิ้นยวนบอก เธอแค่คิดว่าภาพคงสวยงามจนไม่กล้ามอง ค่อยๆขยับคางออกมาจากมือของชายหนุ่ม “ตอนนี้ฉันไม่ได้ไข้ขึ้นแล้วค่ะ แล้วก็กินยาตามปกติแล้วด้วย ไม่จำเป็นที่จะต้องทำแบบนั้น”
ลู่จิ้นยวนทำเสียงหึ แล้วก็ไม่ได้แกล้งเวินหนิงอีก “ผมเหนื่อยแล้ว นอนเถอะ”
เขานั้นเหนื่อยล้าจริงๆ ไม่ใช่แค่งานที่ทำให้การอาการเหนื่อยล้า ที่สำคัญไปกว่านั้นก็คือ โดนท่านปู่บังคับให้แต่งงานทำให้มีความกดดันภายในจิตใจ
เขาไม่อยากจะแต่งกับมู่เยียนหราน แต่เวินหนิง……
คิดถึงเด็กที่ยังไม่ได้จัดการนี้ ลู่จิ้นยวนก็ขมวดคิ้ว ยิ่งอารมณ์เสีย
เวินหนิงเห็นว่าลู่จิ้นยวนนั้นไม่อยากจะทำอะไรจริงๆ ก็เบาใจ ไม่ได้หลบอีก ถ้าเกิดว่าปฏิเสธไป กลัวว่าจะทำให้เขาโมโห ไม่สู้ยอมถอยหนึ่งก้าว
ลู่จิ้นยวนปิดไฟ ดึงเวินหนิงเข้ามากอด กลิ่นหอมอ่อนๆบนตัวเธอทำให้ความเครียดในตัวเขาผ่อนคลายลง ไม่นาน ความง่วงก็มาเยือน ชายหนุ่มหลับไป
เวินหนิงกลับหลับตาไม่ลงเสียที เธอมองแสงจันทร์ที่ส่องสว่างภายในห้อง มืดมัว ทางด้านหลังมีเสียงลมหายใจเป็นจังหวะของลู่จิ้นยวน
ทนไม่ได้ มีอยู่แวบหนึ่งที่หลงไป ถ้าเกิด พวกเขาสามารถที่จะอยู่ในเวลาแบบนี้ได้ตลอดไป จะมีความสุขใช่ไหมนะ?
แต่ในที่สุด ทั้งหมดนี้ก็เป็นแค่สิ่งที่เธอมโนภาพขึ้นมา
เวินหนิงพลิกตัว มองใบหน้าที่กำลังหลับของลู่จิ้นยวน ชายหนุ่มนอนหลับโดยที่ไม่ได้มีท่าทางป้องกันอะไรแบบนี้ ใบหน้ายังคงดูดุร้ายแล้วก็เอาแต่ใจ เพียงแค่ตรงหัวคิ้วนั้นไม่ได้ดูหยิ่งยโสเหมือนเวลาปกติ
เขาก็ดูอ่อนโยนขึ้นมาก
เวินหนิงยื่นมือออกไปนวดตรงหัวคิ้วของเขาโดยไม่รู้ตัว อาจเพราะว่าลู่จิ้นยวนชอบขมวดคิ้ว ดังนั้นถึงแม้กำลังหลับ คิ้วของเขาก็ดูขมวดอยู่เล็กน้อย
“ลู่จิ้นยวน……ที่จริงฉัน……”
เวินหนิงหลุบตาลง “ฉันชอบคุณ แต่ถึงสุดท้าย พวกเราก็ไม่ใช่คนที่อยู่บนถนนเส้นเดียวกัน”
เวินหนิงถึงขนาดที่คิดว่าตัวเองนั้นเป็นคนชั้นต่ำ ต่อให้รู้ว่าคนที่ลู่จิ้นยวนรักจริงๆอาจจะไม่ใช่ตัวเอง ต่อให้เป็นแค่ที่ระบายของลู่จิ้นยวนในเวลาทั่วไป แต่กลับตกลงไปในหลุมพลางโดยที่ไม่รู้ตัว
ตกลงไปในหลุมที่เขาคอยปกป้องตัวเองแต่ละครั้ง ต่อให้เป็นตอนนี้ ก็ไม่อาจจะที่จะลบออกไปได้หมด
เพียงแต่ เธอรู้ดี ระหว่างพวกเธอ ก็มาได้ถึงแค่ตรงนี้แหละ ถ้าเกิดว่ายังอยู่ข้างๆลู่จิ้นยวนต่อไป ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดเกรงว่าก็คือเป็นคนรักของลู่จิ้นยวน แต่ก็ยังต้องเสี่ยงกับการโดนแยกระหว่างลูกที่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของตัวเอง
ถึงแม้เวินหนิงจะเคยเผชิญความลำบากมามาก แต่เพราะว่านิสัยที่ชอบมีเมียน้อยของเวินฉีโม่ ยังไงก็ยังดูถูกคนประเภทนี้อยู่ดี ศักดิ์ศรีของเธอคือไม่อนุญาตให้ตัวเองเป็นมือที่สามในชีวิตแต่งงานของคนอื่น
เพราะฉะนั้น เธอทำได้แค่ออกมา ต่อให้ไม่อยากไป ก็ทำได้แค่ต้องไป
เวินหนิงคิดไป นัยน์ตาก็มีแววเศร้า บางที นี่ก็คือชีวิตของเธอ แต่ว่า หลังจากที่ไปแล้วเธอจะดูแลลูกของพวกเธอให้ดี นับว่าเป็นความทรงจำของงานแต่งที่ต้องเลิกโดยไร้ปมครั้งนี้
คิดไปเวินหนิงก็หลับตาลง ซุกตัวอยู่ในอ้อมกอดของลู่จิ้นยวน แต่กลับไม่ได้หลับอย่างสบายใจ
เช้าวันถัดมา แสงแดดก็ลอดผ่านผ้าม่านเข้ามาในห้อง ทำให้คนที่หลับสนิทตื่นขึ้น
หาได้ยากมาก ลู่จิ้นยวนตื่นค่อนข้างจะเช้า เขาขยับแขนเล็กน้อย ถึงได้พบว่าข้างบนนั้นมีหัวหนักๆวางเอาไว้อยู่ ใบหน้าของเวินหนิงวางอยู่บนแขนของเขา หลับอยู่เงียบๆ ไม่ได้มีท่าทีระมัดระวังหรือกบฎแม้แต่น้อย มีเพียงแค่ความผูกพันธ์
ชายหนุ่มขยับเบาๆโดยที่ไม่รู้ตัว บางที อาจเป็นเพราะว่าบรรยากาศตอนนี้มันดีมากๆ และก็อาจจะเป็นเพราะว่าพวกเขามีเวลาที่อยู่กันอย่างสงบแบบนี้น้อยมาก เขากลับไม่มีอารมณ์อยากจะรบกวนภาพตรงหน้า
เพียงแต่ว่า ลู่จิ้นยวนขยับเล็กน้อย เวินหนิงก็ตื่นแล้ว สำหรับการเป็นหญิงตั้งครรภ์ ท้องของเธอหนัก ยังไงก็ไม่มีทางจะนอนหลับได้อย่างสบายตัว
พอลืมตา เวินหนิงก็สบตาเข้ากับดวงตาของลู่จิ้นยวน นัยน์ตามืดดำ มีเพียงแค่ตัวของเธอ คิดไม่ถึงว่าจะรบกวนจิตใจของคนอื่นแบบนี้
เธอชะงักไปแป๊บหนึ่ง จากนั้น ถึงกะพริบตา รู้ตัวว่าตัวเองนั้นนอนทับแขนของลู่จิ้นยวน “ฉัน……พอหลับไปแล้วท่านอนไม่ดี ขอโทษด้วยค่ะ”
ความเกรงใจของเวินหนิง ทำให้ความคิดที่เหม่อลอยของลู่จิ้นยวนเมื่อแต่กี้กลับมา เขาลุกขึ้น “ไม่เป็นไร”
ระหว่างบทสนทนาไม่กี่คำ ทั้งสองคนดูเหมือนว่าจะห่างกันออกไป
ลู่จิ้นยวนกินข้าวเช้าเป็นเพื่อนเวินหนิง จากนั้นก็ไปบริษัท
เวินหนิงดูเขาที่จากไปจากชั้นบน ภายในใจก็รู้สึกเศร้าขึ้นมา นี่ คงจะเป็นครั้งสุดท้ายแล้วสินะ……
ตามแผนการของเหอจื่ออัน วันนี้ตอนเย็น เธอจะต้องไปจากที่นี่ หลังจากนั้น ก็อาจจะไม่ได้เจอกันอีก
หญิงรับใช้เข้ามาในห้อง ที่เห็นกลับเป็นท่าทางที่เวินหนิงมองรถของลู่จิ้นยวนออกไปอย่างเหม่อลอย เธออดไม่ได้ที่จะส่ายหน้า ดูไปแล้วคุณหนูเวินก็ใส่ใจคุณชายอยู่เหมือนกัน อย่างนั้นพวกเขานั้นกำลังรออะไรอยู่ ใช้ชีวิตด้วยกันดีๆ แบบนั้นไม่ดีเหรอ?