“คุณหนูเวิน ที่จริงฉันคิดว่าคุณชายก็แคร์คุณหนูมากนะคะ พวกคุณ……”
เวินหนิงโดนคำพูดของเธอรบกวนความคิด หันหน้าไปมองเธอ หญิงรับใช้ไม่ได้พูดอะไรอีก
เวินหนิงมองเธอ ภายในใจก็รู้สึกผิด เพราะว่า ในแผนการที่เหอจื่ออันวางไว้ จำเป็นที่จะต้องใช้เธอด้วย ถึงแม้ว่าจะรู้สึกผิดมาก แต่เพื่อเด็กที่อยู่ในท้อง ก็ทำได้แต่แบบนี้แล้ว
“ช่วงเวลาที่ผ่านมา รบกวนเธอที่มาดูแลแล้ว”
“จะเป็นไปได้ยังไงคะ?” หญิงรับใช้รู้สึกปลาบปลื้ม รู้สึกว่าเวินหนิงนั้นดีสัยดีจริงๆ ไม่ว่าจะกับใครก็มีมารยาทแบบนี้
……
กลางคืนกำลังจะมาถึง หลังจากที่ท้องฟ้ามืดสนิทเวินหนิงก็เรียกหญิงรับใช้มา “ฉันอยากกินมื้อดึก กินคนเดียวมันไม่อร่อย เธอช่วยมากินเป็นเพื่อนฉันหน่อยสิ”
อยู่ที่นี่ ถึงแม้ว่าเวินหนิงจะสูญเสียอิสระไป แต่เรื่องอาหารการกินลู่จิ้นยวนไม่เคยปฏิบัติไม่ดีกับเธอ ของบำรุงต่างๆที่แพงล้วนมีหมด ทางฝั่งครัวเองก็ไม่กล้าเพิกเฉย มักจะเปลี่ยนทำอาหารต่างๆที่เธอชอบมาให้กิน
ตอนแรกหญิงรับใช้จะปฏิเสธ แต่เห็นว่าเวินหนิงยังคะยั้ยคะยอ ก็เลยนั่งลงกินของเป็นเพื่อนเธอ เวินหนิงเลื่อนถ้วย มองเธอกินของในถ้วยเข้าไปหลายคำถึงได้หลุบตาลง
เหอจื่ออันส่งยามาให้เธอหนึ่งขวด เพียงแค่นิดเดียว ก็สามารถที่จะทำให้คนสลบไปได้ จะเสียงดังขนาดไหนก็ไม่มีทางตื่น
ตามที่คาดไว้ หลังจากที่เธอกินไปไม่กี่คำ สติก็เริ่มค่อยๆเลือนลาง รอจนถึงรู้สึกได้ว่าผิดปกติ ตัวก็นอนฟุบลงไปบนโต๊ะแล้ว ขนาดที่จะเรียกคนให้มาช่วยก็ทำไม่ได้
เวินหนิงพยุงเธอมาไว้ที่ข้างเตียง หลังจากนั้นก็สลับเสื้อผ้าบนร่างกายทั้งคู่ ห่มผ้าให้หญิงสาวที่อยู่บนเตียง ทั้งสองคนหุ่นคล้ายๆกัน บวกกับผมยาว แค่มองผ่านๆรับรองว่ามองไม่ออกไม่มีปัญหา
หลังจากที่ทำเสร็จแล้ว เวินหนิงมองเธอด้วยความรู้สึกผิด “ขอโทษนะ แต่ว่า ฉันเองไม่มีหนทางแล้ว”
พูดจบ เธอก็เปลี่ยนมาใส่เสื้อผ้าของสาวรับใช้ แล้วก็หาผ้าปิดปากมาสวม ถึงได้ยกถ้วยกับตะเกียบออกไป
ชั้นที่เวินหนิงอยู่มักจะว่าง แล้วก็ไม่มีใครกล้าจะขึ้นมารบกวน ดังนั้น ทั้งเส้นทางถึงผ่านได้สะดวก
เพียงแต่ ในตอนที่กำลังจะออกไปจากประตู มีคนเรียกเธอเอาไว้
“ดึกขนาดนี้แล้วคุณยังจะออกไป? แถม ทำไมต้องสวมผ้าปิดปากด้วย”
อีกนิดเวินหนิงก็เกือบจะเหงื่อแตกด้วยความกลัว แต่ว่า ก็ยังคงใช้ข้ออ้างตามแผนที่คิดเอาไว้ตั้งแต่แรกแล้ว “ฉันเป็นหวัดค่ะ ถ้าเกิดว่าไปแพร่ให้คุณหนูเวินคงไม่ดีแน่”
พูดจบ รปภ.ก็หมดความสงสัย ปล่อยให้เวินหนิงออกไป ตอนนี้เธอถึงได้ถอนหายใจออกมายาวๆ แล้วรีบเดินออกไป ไปที่สวนดอกไม้ตรงตำแหน่งที่เคยเห็นรถคันนั้น
ตามที่คาดการณ์ไว้ รถเก๋งสีดำคันหนึ่งจอดอยู่ที่ตรงนั้นแล้ว ในกลางดึกกลางดื่น ยากที่จะถูกคนพบเห็น
เวินหนิงเดินไป เหอจื่ออันที่รอมาอยู่ตั้งนานแล้วถึงกับยับยั้งความตื่นเต้นจนอดไม่ได้ที่จะต้องลงไปจากรถ ดึงเอาบันไดที่หักอยู่ก่อนหน้านั้นแล้วลงมา พยุงเวินหนิงเอาไว้อย่างระมัดระวัง ดึงตัวเธอออกไป
“ไม่ได้รับบาดเจ็บใช่ไหม?”
เหอจื่ออันอุ้มเวินหนิงเอาไว้ในอ้อมกอด รับรู้ถึงความอบอุ่นที่ไม่ได้สัมผัสมานาน ภายในใจก็มีความรู้สึกดีใจเหมือนได้ของรักคืน
เขากลัวมากๆว่าตั้งแต่ตอนนี้เป็นคชต้นไปจะไม่ได้เจอเธออีก…….
“ไม่เป็นอะไร พวกเรารีบไปเถอะ” เวินหนิงอยากจะผลักเหอจื่ออันออก แต่ว่าแรงของชายหนุ่มนั้นมีเยอะมาก กอดเอาไว้แน่น จึงไม่สำเร็จ คิดๆไป บางทีอาจเพราะเขาตื่นเต้นที่เธอสามารถหนีออกมาได้สำเร็จ เลยไม่ได้คัดค้าน แล้วรีบขึ้นรถไป
ตอนนี้เวินหนิงถึงได้ลูบออก ทำให้ความรู้สึกยุ่งเหยิงของเธอสงบลง ถึงแม้ตลอดทางนับว่าทางสะดวก แต่ว่า ยังไงเสียก็ยังรู้สึกเป็นห่วง โชคดี เธอทำสำเร็จแล้ว แม้แต่นิดเดียว”
เหอจื่ออันมองเวินหนิง เห็นได้ชัดว่าหน้าของเธอนั้นผอมลงไปจากเดิมมาก ในใจก็รู้สึกเจ็บปวด
“ขอบคุณค่ะ….จื่ออัน ถ้าเกิดว่าไม่ใช่คุณ ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะหนีออกมาได้ยังไง”
เวินหนิงคาดเข็มขัดนิรภัย เหอจื่ออันออกรถ เวินหนิงเปิดกระจกรถลง ในตอนสุดท้ายก็มองสถานที่แห่งนี้ที่เธออยู่มาเป็นเวลาครึ่งเดือน นี่คงจะเป็นฉากสุดท้ายแล้ว ลาก่อน ลู่จิ้นยวน!
ตึกที่เป็นคุกขังที่อยู่ตรงหน้ายิ่งห่างไกลออกไปเรื่อยๆ ภายในใจของเวินหนิงไม่ได้ลิงโลดขนาดที่คิดเอาไว้ เธอลูบหน้าท้องที่นูนออกมา ต่อจากวันนี้ไป ลูกของเธอจะไม่ได้เจอพ่อแท้ๆแล้ว แต่เธอ ไม่มีทางเลือก
รถของเหอจื่ออัน แล่นไปอย่างเร็วบนถนน ผ่านไปครู่หนึ่ง ก็ได้พบกับรถคันหนึ่ง แสงไฟที่ส่องสว่างส่องเข้ามาในดวงตาของทั้งสองคน
ตอนนี้เวินหนิงถึงได้เห็นว่า นั่นเป็นรถของลู่จิ้นยวน หัวใจก็บีบรัดขึ้นมาทันที “เป็นลู่จิ้นยวน”
แน่นอนว่าเหอจื่ออันไม่มีทางรู้ เขามองเวินหนิงแวบหนึ่ง “ไม่ต้องกลัว ผมไม่มีทางให้เขาเอาตัวคุณไปอีกแน่”
เวินหนิงพยักหน้า กำชายผ้าที่อยู่ในมือเอาไว้ กลัวว่าลู่จิ้นยวนจะสังเกตเห็นทางนี้ เพราะว่า แถวนี้มีรถผ่านค่อนข้างน้อย ในเวลาปกติทั่วไปมีน้อยคนนักที่จะมาในที่ชนบทแบบนี้
หวังว่าจะไม่ดึงดูดความสนใจของลู๋จิ้นยวน
ที่จริงลู่จิ้นยวนนั้นสังเกตเห็นรถเก๋งสีดำคันนี้แล้ว แต่ว่า เพราะว่าเมื่อกี้เพิ่งจะโดนตระกูลลู่เร่งเรื่องและตำหนิเรื่องงานหมั้นมา ชายหนุ่มเลยไม่มีอารมณ์จะไปคิดมาก
ไม่รู้ว่าทำไม เวลาได้เจอกับเรื่องหงุดหงิดใจแบบนี้ เขานั้นอยากเจอแต่ผู้หญิงคนนั้น ถึงแม้ว่าบางครั้งเธอชอบทำให้เขานั้นโกรธจนเข็ดเขี้ยวเคี้ยวฟัน แต่ยังไงเสีย เธอคือคนที่ทำให้เขานั้นสงบลงมาได้
รถทั้งสองคันขับผ่านกันไปโดยสวัสดิภาพ ลู่จิ้นยวนไม่ได้สังเหตเห็นอะไร เวินหนิงมองรถคันนั้นที่ห่างออกไปเรื่อยๆ แววตามืดมน
บางที นี่ก็อาจจะเหมือนความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสองคน อยู่ขนานกัน เลยเป็นเพียงเวลาสั้นๆ ในที่สุดก็แยกห่างกันจากตรงนี้ ไม่มีความสัมพันธ์ต่อกัน
……
ลู่จิ้นยวนมาถึงวิลล่า ก็ตรงไปที่ห้องของเวินหนิง เขาอยากจะเจอผู้หญิงคนนั้น กอดร่างกายอบอุ่นนุ่มนิ่มของเธอ สงบจิตสงบใจ
ขึ้นมาชั้นบน มองผู้หญิงคนนั้นที่กำลังหลับ ลู่จิ้นยวนสลับฝีเท้าให้ช้าลง แล้วเดินเข้าไป กลับพบว่ามีอะไรบางอย่างผิดปกติไป
เขารีบปัดผมที่ยาวของเธอไว้ด้านข้าง เผยใบหน้าด้านข้างของผู้หญิงคนนั้น เธอนั้นไม่ใช่เวินหนิงนี่ แต่เป็นหญิงรับใช้คนนั้น?
ลู่จิ้นยวนกำหมัดแน่น ผลักผู้หญิงคนนั้น แต่ว่าเธอไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับ ความโมโหของเขาพุ่งขึ้นมาในทันที สาวเท้ายาวๆออกไป “เวินหนิงล่ะ?”
ทุกๆคนหันมามองหน้ากัน “คุณหนูเวิน ไม่ได้อยู่ด้านในเหรอครับ?”
ลู่จิ้นยวนคิดแค่ว่าคนกลุ่มนี้นั่นเป็นเพียงแค่ขยะ “ข้างในนั้นมันไม่ใช่เวินหนิง!”
คนสองคนเดินเข้าไปตรวจสอบ ไม่ใช่จริงๆด้วย ทันใดนั้นก็หวั่นวิตกขึ้น เวินหนิงหนีออกไปตอนไหน หนีไปที่ไหน ตอนนี้ทุกๆคนล้วนมึนงงกันไปหมด
“เวินหนิง……”
ลู่จิ้นยวนกำโทรศัพท์ในมือเอาไว้แน่น เมื่อกี้เขาโทรหาอันเฉินให้หาที่อยู่ของเวินหนิง แต่ว่าตอนนี้บนตัวของเธอไม่มีเครื่องมือติดต่อสื่อสาร ต่อให้อยากจะหาตำแหน่งแน่นอน ก็เหมือนกับงมเข็มในมหาสมุทร
ไม่นานนัก หญิงรับใช้ก็ถูกบังคับปลุกขึ้นมา ตอนนี้เธอถึงได้รู้ว่ากำลังสวมเสื้อผ้าของเวินหนิง ร่างทั้งร่างก็วิตกเกรงกลัว รีบเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อกี้ออกมา
“ดี ดีมาก”
ลู่จิ้นยวนมองอาหารมื้อดึก แล้วก็กวาดของทุกอย่างลงไปอยู่บนพื้น