ลู่จิ้นยวนตึงสีหน้าไว้ จนทุกคนไม่กล้าเอ่ยพูดอะไร ความสงบก่อนที่ซึนามิจะเข้า น่ากลัวมาก
“ถ้าตามกลับมาไม่ได้ พวกแก ก็จะโดนลงโทษ”
ลู่จิ้นยวนมองไปที่คนตรงหน้าอย่างเยือกเย็น แม้แต่คนท้องคนเดียวก็ปล่อยให้หลุดไปได้ เขารู้สึกผิดหวังมาก
……
เห่อจื่ออันพาเวินหนิงมาหลบที่ของเขา
“กี่วันนี้เธอพักผ่อนที่นี่ก่อน รอทุกอย่างจัดการเสร็จแล้ว ฉันก็จะพาเธอไปจากที่นี่”
เห่อจื่ออันยังต้องใช้เวลาไปเตรียมเรื่องที่จะพาเวินหนิงไปจากที่นี่
“ฉันรู้แล้ว”
เวินหนิงพยักหน้า “ขอบใจนะ จื่ออัน ถ้าไม่ใช่นาย ฉันก็ไม่รู้ว่าตอนนี้ควรจะทำยังไงดี”
“จะเกรงใจทำไม? นี่ก็เป็นสิ่งที่ฉันควรทำ”
เมื่อเวินหนิงได้ยินคำพูดนี้ ในใจก็รู้สึกผิดไปมากกว่าเดิม ถึงแม้เธอไม่เข้าใจว่าคนพวกนี้ทำอะไรกันที่ห้าง แต่ยังไง เห่อจื่ออันก็เสี่ยงเพื่อเธอ ก็อาจจะโดนลู่จิ้นยวนแก้แค้น ความเสี่ยงนี้ ทำให้เธอรู้สึกหนักใจมาก
เหมือนมองออกอะไรบางอย่าง เห่อจื่ออันจึงยื่นมือไป แล้วดึงเวินหนิงเข้ามาในอ้อมกอด “เธอไม่ต้องรู้สึกผิด ฉันยอมทำให้เอง”
นี่เป็นสิ่งที่ฉันติดค้างเธอ คำพูดนี้ เห่อจื่ออันไม่ได้พูดออกมา ความลับนี้เขาอยากจะเก็บซ่อนไปตลอดชีวิต ไม่ให้เธอรู้
เวินหนิงตกใจกับการถูกกอดกะทันหัน เธอรีบผลักเห่อจื่ออันออก แต่ว่า ก็รู้สึกว่าการกระทำแบบนี้อาจจะทำให้คนอื่นเสียใจ เธอก็เลยก้มหน้าลง “ขอโทษ ฉัน……รู้สึกเหนื่อย อยากจะพักผ่อนแล้ว”
เวินหนิงก็รู้สึกได้ ดูเหมือนว่าเห่อจื่ออันจะรู้สึกอะไรบางอย่างกับเธอ แต่ยังไง ในท้องของเธอยังมีลูกของคนอื่น เธอจะทำให้เขาเดือดร้อนไม่ได้
แล้วอีกอย่าง……เมื่อเวินหนิงนึกถึงใบหน้าของลู่จิ้นยวน ยังไงเธอก็ไม่สามารถตัดใจแล้วลืมเขาไปได้ทันที
เห่อจื่ออันถูกผลักออก ในใจก็รู้สึกหม่นหมอง แต่ก็รีบเก็บความรู้สึกนั้นไว้ “ในเมื่อเหนื่อยแล้วก็รีบพักผ่อนเถอะ ฉันมีเรื่องต้องไปจัดการอีก เธออย่าไปไหนเด็ดขาด ถ้ามีเรื่องอะไรก็โทรมาหาฉัน”
เห่อจื่ออันซื้อโทรศัพท์เครื่องใหม่ให้เวินหนิง แล้ววางลงบนมือเธอ เวินหนิงก็พยักหน้า “รู้แล้ว นายมีเรื่องก็รีบไปจัดการเถอะ ฉันไม่เป็นอะไร ไม่ต้องให้ใครอยู่เป็นเพื่อนก็ได้”
เห่อจื่ออันพยักหน้า ถึงแม้ เขาอยากจะอยากอยู่ต่อ แต่สถานการณ์ตอนนี้วุ่นวาย เขาต้องรีบพาตัวเวินหนิงออกไป ไม่ใช่เอาแต่เสี่ยงอยู่ในเขตของลู่จิ้นยวน
หลังจากที่เห่อจื่ออันออกไป เวินหนิงก็นั่งลงบนเตียงแล้วเหม่อมองไปที่โทรศัพท์
ไม่รู้ว่าลู่จิ้นยวนตามหาเธอหรือเปล่า เขาจะรู้สึกโมโหกับการที่เธอไปโดยที่ไม่บอกลาหรือเปล่า
ขณะที่กำลังคิดวุ่นวายในหัว ข้างนอกก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
เวินหนิงก็ลังเลใจ จากนั้นก็เดินไปส่องดูตาแมว ข้างนอกเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง ไม่ใช่เห่อจื่ออัน
ใจเธอก็เต้นเร็วมาก ไม่กล้าเอ่ยเสียงอะไร กั้นหายใจไว้แล้วรอคนข้างนอกเดินจากไป
ไม่แน่คนคนนี้อาจจะคิดไม่ดี เธอห้ามเปิดเผยตัวตนเด็ดขาด
เมื่อข้างในไม่มีเสียงตอบรับ เจนนี่ก็ขมวดคิ้ว บนใบหน้าที่สวยงามก็มีความหงุดหงิด เมื่อกี้เธอไปหาลูกน้องของเห่อจื่ออัน แล้วถามที่อยู่ของผู้หญิงคนนี้เลยตามาถึงที่นี่
“ฉันเป็นเพื่อนของเห่อจื่ออัน ฉันมา มีเรื่องสำคัญอยากจะคุยกับเธอ”
เมื่อเวินหนิงได้ยินชื่อของเห่อจื่ออัน ก็ลังเลไป ถ้าเป็นคนนอก น่าจะไม่รู้ว่าเธออยู่ที่นี่ เพราะฉะนั้น เธอก็เลยเปิดประตูแล้วให้คนคนนั้นเข้ามา
เจนนี่เดินเข้ามาในห้อง แล้วใช้ดวงตาทั้งสองข้างมองสำรวจเวินหนิง สายตาของเธอแบบนี้ ทำให้เวินหนิงรู้สึกไม่สบายตัว ทำไมต้องมองขนาดนั้นด้วย
เจนนี่ก็ไม่คิดที่จะเก็บสายตาตัวเอง เมื่อเธอเห็นท้องของเวินหนิง ก็หยุดหายใจไปชั่วขณะ ผู้หญิงคนนี้ท้องแล้วงั้นหรอ?
หรือว่าเป็นของเห่อจื่ออัน?
เจนนี่กำมือแน่น เธอไม่เชื่อ เห่อจื่ออันจะคบกับผู้หญิงที่ดูอ่อนแอแล้วไร้ประโยชน์แบบนี้ แถมยังมีลูกด้วยกันอีก เธอจะยอมได้ยังไง?
“คุณเป็นเพื่อนของเห่อจื่ออัน?”
เวินหนิงถูกเธอมองจนรู้สึกอึดอัด เริ่มรู้สึกเสียใจที่ไม่โทรเช็คกับเห่อจื่ออันก่อนแล้วค่อยเปิดประตูให้คนอื่นเข้ามา
เจนนี่ถูกขัดจังหวะความคิดในหัว จึงมองไปที่เวินหนิง แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงข่มขู่ “ถ้าจะพูดให้ถูก ฉันไม่ใช่เพื่อนของเขา แต่ฉันเป็นผู้หญิงของเขา”
เวินหนิงอึ้งไป มองไปที่เจนนี่ ผู้หญิงคนนี้สวยมาก แตกต่างจากคนสวยที่เธอเคยเห็น เธอดูเหมือนว่าจะเป็นลูกครึ่ง ความสวยที่แฝงไปด้วยความเย่อหยิ่ง แล้วอีกอย่าง ท่าทางก็ดูเป็นผู้ใหญ่มีเสน่ห์ แค่มองก็รู้ว่าเป็นคนที่ผ่านอะไรมาเยอะ
เมื่อเห็นว่าเวินหนิงไม่แสดงปฏิกิริยาอะไร เจนนี่ก็ขมวดคิ้ว ผู้หญิงคนนี้เป็นอะไร รู้ว่าเธอเป็นผู้หญิงของเห่อจื่ออัน แต่ไม่แสดงปฏิกิริยา คงจะไม่ตกใจจนบื้อไปแล้ว?
“อย่างนี้เอง ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ”
เวินหนิงยิ้ม แล้วยื่นมือไป ทำท่าทางจะจับมือกับเจนนี่
เจนนี่ก็รู้สึกงงกับสถานการณ์ตรงหน้า ผู้หญิงคนนี้ ยังจะเสแสร้งแกล้งใส่ซื่ออีก หรือว่าสมองมีปัญหาจริงๆ
ทั้งๆที่ตัวเองท้องอยู่แล้วมีผู้หญิงคนอื่นมาหาถึงที่ เธอไม่รู้สึกโมโหค วรจะพุ่งมาตบตีคนคนนั้นไม่ใช่หรอ?
“เธอไม่โกรธ?”
“ทำไมฉันต้องโกรธคะ?” เวินหนิงรู้สึกงง จากนั้นเข้าใจทันทีเลยว่าทำไมเธอต้องแสดงท่าทางแบบนั้นกับตัวเองด้วย “อ่อ ฉันรู้แล้ว คุณเข้าใจผิดแล้วค่ะ ฉันไม่ได้เป็นแฟนกับเห่อจื่ออัน ฉันเป็นแค่เพื่อนของเขา เพิ่งเจออันตรายมา ก็เลยให้เขาช่วย คุณไว้ใจเถอะค่ะ รอฉันไปจากที่นี่ จะไม่รบกวนเขาอีก”
เวินหนิงพูดไปด้วย ในใจก็รู้สึกอึดอัดกว่าเดิม ที่แท้ ผู้หญิงคนนี้คิดว่าตัวเองเป็นชู้ที่ทำลายความรักของเธอกับเห่อจื่ออัน ก็เลยจะมาหาเรื่อง เธอรู้สึกเหมือนโดนใส่ร้าย
“อะไรนะ?” เจนนี่ไม่คิดว่าเวินหนิงจะแสดงท่าทางแบบนี้ เธอมองไปที่ตาของเวินหนิง อยากจะเค้นหาความร้อนตัวที่พูดโกหก แต่ว่า ไม่เจอ……
ถึงแม้ปกติเธอจะมองออกเลยว่าคนอื่นคิดอะไรในใจ แต่เจนนี่ก็ไม่เห็นความชื่นชอบที่มีต่อเห่อจื่ออันจากสายตาเธอเลย
“แล้วเด็กในท้องเธอ……”
ทีแรกเวินหนิงรู้สึกว่าคำถามนี้เป็นเรื่องส่วนตัว แต่คิดได้ว่าเห่อจื่ออันช่วยเธอไว้ เธอยังจะปิดบังแล้วทำให้เขากับแฟนทะเลาะกันอีก ก็เลยส่ายหน้า “ไม่ใช่ของเขา เป็น……เป็นของสามีเก่าของฉัน”
เจนนี่ค่อยวางใจ ไม่คิดเลยว่า ทุกอย่างจะไม่เหมือนกับเธอคิดไว้ ดูเหมือนว่า เวินหนิงจะไม่ได้มีความคิดอะไรเกินเลยกับเห่อจื่ออัน “ฉันชื่อเจนนี่ ทีแรก แค่อยากจะมาดูว่าเธอเป็นคนยังไง แต่ว่า ก็รู้สึกเซอร์ไพรส์มาก”
เวินหนิงยิ้ม เธอคาดไม่ถึงว่าเห่อจื่ออันจะมีแฟนแล้ว แต่ว่า ผู้หญิงคนนี้สวยขนาดนี้ ทั้งสองจะคบกันก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติ แต่ว่าอีกหน่อย เธอก็จำเป็นที่จะต้องรักษาระยะห่างกับเห่อจื่ออันแล้ว