ไม่คิดเลยว่าจะเป็นคนที่รู้จัก
เวินหนิงชักสีหน้าไม่อยากสนใจ คนที่มาไม่ใช่คนอื่นก็เป็นจ้าวหย่าหลินแล้วก็หลานสาวหลิวลี่ลี่ของเธอนั่นเอง
ตอนนั้นจ้าวหย่าหลินจากมือที่สามขึ้นมาเป็นเมียหลวงได้แล้วพาคนตระกูลจางขึ้นมาด้วย ตอนที่เธอลำบากหลิวลี่ลี่ก็เหยียบย่ำเธอมาไม่น้อยแล้วไปดีกับจ้าวหย่าหลิน
บังเอิญจัง เจอกันที่นี่ได้
“เวินหนิง?” จ้าวหย่าหลินมองไปที่เธอรู้สึกประหลาดใจ
เวินหนิงอยู่ที่ตระกูลลู่ควรจะลำบากไม่ใช่หรอ ทำไมดูไม่โทรมเลยแล้วสีหน้ายังดูมีชีวิตชีวา สีหน้าดูดีกว่าวันที่ไปไม่น้อย ไม่เหมือนท่าทางที่โดนทารุณเลย?
หลังจากที่เวินหนิงกลับไปที่ตระกูลลู่ จ้าวหย่าหลินก็สาปแช่งเธอทุกวันว่าให้ตายอยู่ที่นั่นก็คงดี แบบนี้เธอกับลูกสาวค่อยจะหมดกังวลไป
ตอนนี้เห็นเวินหนิงมีชีวิตดีแบบนี้ ในใจเธอก็รู้สึกหงุดหงิดแล้วทรมานใจมาก
“ทำไมเธอถึงอยู่ที่นี่?” หลินลี่ลี่คิดว่าเวินหนิงยังอยู่ในคุกพร้อมเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย่อหยิ่ง
“เธออยู่ที่นี่ได้ทำไมฉันจะอยู่ไม่ได้?” เวินหนิงตอบกลับไปอย่างไม่เกรงใจ
คนอย่างหลินลี่ลี่ก็มาได้ ทำไมเธอจะมาไม่ได้?
“แกยังคิดว่าแกยังเป็นคุณหนูตระกูลเวินอยู่หรอ?” หลินลี่ลี่หงุดหงิด เธอไม่ชอบท่าทางที่ดูกร่างงของเวินหนิง ก็แค่นักโทษ มีสิทธิ์อะไรมาพูดกับเธอแบบนี้
“จะใช่หรือไม่ใช่แล้วยังไง ฉันมาซื้อของมีปัญญาซื้อก็พอยังจะดูฐานะอีกเหรอ?”
เวินหนิงหันไปมองพนักงาน “ขอโทษนะคะ กระโปรงตัวนี้ฉันเป็นคนเห็นก่อน รบกวนคุณให้พวกเขาคืนให้ฉันด้วยค่ะ”
ทีแรกเวินหนิงไม่อยากจะแย่งกับคนอื่น ก็แค่กระโปรงตัวเดียว แต่พอเห็นท่าทางหลินลี่ลี่ที่เอาแต่ใจ ก็ตัดสินใจแล้วว่าจะไม่ยอมเด็ดขาด
“มีปัญญาซื้อหรอ?” หลิวลี่ลี่เอ่ยเสียดสี จ้าวหย่าหลินก็อดไม่ได้แล้วยิ้มอ่อนแกล้งทำตัวเป็นผู้ดี “พูดอะไรน่ะ หนิงหนิงเธอเพิ่งออกจากคุกจะมีเงินมาซื้อเสื้อผ้าที่แพงขนาดนี้ได้ยังไง?”
ครั้งก่อนที่เวินฉีโม่ให้เช็คกับเวินหนิง ก็ฉีกทิ้งไปแล้ว ถ้าเวินหนิงอยากจะมาอวดตอนนี้ เธอก็ไม่รู้สึกอะไรที่จะทำให้เธอขายหน้าแล้วให้รู้ถึงฐานะของตัวเองด้วย
พนักงานทีแรกยังลังเลเพราะว่าเวินหนิงนิ่งเฉยเกินไป เธอก็ไม่กล้าทำอะไรขัดใจ แต่ว่าพอได้ยินจ้าวหย่าหลินพูดว่าเธอเคยเข้าคุก สีหน้าท่าทางก็เปลี่ยนไปทันที
“ขอโทษนะคะคุณผู้หญิง ฉันเห็นว่าคุณผู้หญิงสองท่านนี้หยิบก่อน คุณไปดูร้านอื่นไหมคะ?”
ผู้หญิงที่เคยเข้าคุกก็คงไม่มีปัญญาซื้อหรอก เพราะฉะนั้นพนักงานก็ตัดปัญหาแล้วจะไล่เวินหนิงออกไป
“ที่แท้ ร้านของพวกคุณยังมีธรรมเนียมที่ไล่ลูกค้าด้วย” เวินหนิงมองไปที่เธออย่างเยือกเย็น อะไรที่เรียกว่าดูถูกคนจากภาพลักษณ์ภายนอก เธอรู้แล้ว
“หึ ไม่มีปัญญาซื้อจะนับว่าเป็นลูกค้าได้ยังไง หมาแมวที่ไหนก็ไม่รู้ที่มาทำลายอารมณ์ของลูกค้านี่สิไม่ดีเลย” หลิวลี่ลี่เอ่ยเสียดสี
จ้าวหย่าหลินพูดเสริม “หนิงหนิง ชุดนี้เราเป็นคนเห็นก่อน เอาแบบนี้ไหม เพื่อที่จะชดใช้ให้เธอ ฉันจะซื้อตัวอื่นให้ ก็ถือว่าเป็นน้ำใจ”
“คุณน้า คุณน้าใจดีเกินไป!”
เวินหนิงมองไปที่คนข้างหน้าแล้วยิ้มอย่างเยือกเย็นในใจ คนนึงก็แสดงละครได้ดี ส่วนอีกคนก็เสริมได้ไม่แพ้กัน ดูเข้ากันได้ดีมาก
เธอไม่อยากเสียน้ำลายอะไรมาก เวินหนิงก็เอาแบล็คการ์ดที่ผู้ชายคนนั้นให้ออกมา “นี่ ก็ไม่มีปัญญาซื้อของในร้านของพวกคุณหรอ?”
สีหน้าที่ไม่แยแสของพนักงานขายอึ้งไปแล้วรับการ์ดในมือเธอไปดู พอมองสำรวจโลโก้สัญลักษณ์ต่างๆ การ์ดนี่เป็นการ์ดจริง!
แล้วอีกอย่าง นี่ก็เป็นแบล็คการ์ดลิมิเต็ดด้วย แค่ค่าใช้จ่ายต่อปีก็ต้องหลายล้าน คนรวยทั่วไปก็คงไม่มีปัญญามี เธอทำงานมาตั้งหลายปีก็เพิ่งเคยเห็นครั้งแรก!
หรือว่าเธอมองคนผิดไป ผู้หญิงคนนี้เป็นคนที่มีอำนาจงั้นเหรอ?
พนักงานก็โค้งตัวหนึ่งร้อยแปดสิบองศาแล้วหยิบชุดมาส่งไปให้อย่างมีมารยาท “คุณผู้หญิงคุณจะลองชุดนี้หรือเปล่าคะ?”
เวินหนิงไม่ได้เอ่ยพูดอะไร สายตามองไปที่สีหน้าที่ดูไม่ดีมากนักของผู้หญิงสองคนนั้น ผ่านไปครู่หนึ่งค่อยเอ่ย “ก็ได้”
“งั้นเดี๋ยวดิฉันพาคุณไปที่ห้องลองเสื้อนะคะ”
พนักงานขายเดินนำเวินหนิงไปอย่างมีมารยาท ทั้งสองเพิ่งเดินไปไม่กี่ก้าว หลินลี่ลี่ก็เรียกเธอไว้อย่างโมโห “แกมีการ์ดใบนี้ได้ยังไง มาพูดให้รู้เรื่องเดี๋ยวนี้ แกไปหลอกมาจากตาแก่คนไหนกันแน่?”