มู่เยียนหรานไม่อยากยอมรับความจริงข้อนี้ แต่โทนเสียงที่ลู่จิ้นยวนเรียกชื่อเวินหนิง มันวนเวียนในหัวสมองเธออยู่นาน ไม่หายไป
เสียงเอ้อระเหย เอาอกเอาใจแบบนั้น เมื่อก่อนเธอเคยได้ยินเมื่อนานมาแล้ว ตอนนี้ลู่จิ้นยวนเรียกชื่อเธอมีแต่ความเย็นชา ไม่ต่างจากคนอื่นๆ
ขณะที่มู่เยียนหรานกำหมัด ในใจรู้สึกเจ็บปวด ในห้องก็เกิดการเคลื่อนไหวบางอย่าง เธอรีบทำให้ตัวเองใจเย็นลง แล้วเคาะประตู “จิ้นยวน ท่านปู่เรียกให้คุณลงไปกินข้าว”
ลู่จิ้นยวนได้ยินเสียงมู่เยียนหราน ก็วางสาย เดินออกไป “รู้แล้ว”
มู่เยียนหรานก้มหน้า ไม่ให้เขาเห็นความผิดปกติแม้แต่นิด
ทั้งสองลงไปข้างล่าง กินข้าวกับนายท่าน
นายท่านลู่ตัดสินใจเพิ่มหัวข้อการพูดคุยให้ทั้งสองคน หวนถึงอดีตไม่หยุดหย่อน
ในตอนแรกลู่จิ้นยวนไม่ทำลายความตั้งใจของชายชรา เลยคล้อยตามไปไม่กี่ประโยค สุดท้ายแล้วก็จนปัญญา
“ท่านปู่ นั่นมันเป็นเรื่องที่ผ่านมานานมากแล้ว เราควรมองอนาคตสิครับ”
น้ำเสียงชายหนุ่มมีการหลีกเลี่ยงปัญหา แค่ถ้าคนฟังเข้าใจ ความหมายนั้นชัดเจนเป็นพิเศษ
ตะเกียบมู่เยียนหรานชะงัก ทันใดนั้นอาหารในปากก็ไร้รสชาติ เธอเข้าใจว่าลู่จิ้นยวนกำลังบอกเธอเป็นนัยๆ ว่าระหว่างพวกเขามันแตกต่างจากในอดีต คลื่นในหัวใจเธอพลุ่งพล่าน แต่เธอก็ไม่พูดอะไรเลยตั้งแต่ต้นจนจบ
บรรยากาศเย็นชาอีกครั้ง นายท่านก็หงุดหงิด “ไม่กินแล้ว”
ลู่จิ้นยวนจงใจต่อต้านเขาแท้ๆ
มู่เยียนหรานและลู่จิ้นยวนกินอาหารเย็นเสร็จอย่างเงียบๆ ชายหนุ่มบอกว่าจะขึ้นข้างบน และไม่คิดจะอยู่ต้อนรับมู่เยียนหราน
เธอถูกทิ้งให้อยู่ในห้องรับแขกคนเดียว งุนงงเป็นเวลานานมาก จนกระทั่งพ่อบ้านเดินออกมาจากห้องนายท่าน เห็นมู่เยียนหรานมีท่าทางอ้างว้าง ก็รีบเดินไปหา “คุณมู่ คุณชายเขาแค่……”
พ่อบ้านก็ไม่รู้ว่าควรปลอบมู่เยียนหรานอย่างไร ชายคนหนึ่งถ้าเมินเฉยคุณ นอกจากไม่รักแล้ว มันจะมีเหตุผลอื่นอีกได้อย่างไร?
“ท่านปู่เป็นยังไงบ้าง? กินข้าวหรือยัง? ”
มู่เยียนหรานได้สติ มองพ่อบ้าน ใบหน้าสวยของเธอไม่มีอะไรไม่เหมาะสมเลยแม้แต่นิด
พ่อบ้านตกใจกับความใจกว้างของเธอ จากนั้นก็ยิ้มด้วยความโล่งใจ “ในเมื่อเป็นแบบนี้ เดี๋ยวคุณมู่ไปช่วยกล่อมนายท่านได้ไหมครับ? ผมจะไปสั่งให้ห้องครัวทำบะหมี่น้ำหนึ่งชาม”
มู่เยียนหรานไม่ปฏิเสธแน่นอน ต้องกำจัดเวินหนิง ต้องอาศัยอำนาจของตระกูลลู่
ผ่านไปสักพักหนึ่ง พ่อบ้านยื่นถาดหนึ่งให้มู่เยียนหราน ด้านบนวางบะหมี่น้ำร้อนระอุหนึ่งชาม
หลังจากมู่เยียนหรานขอบคุณอย่างอ่อนโยน ก็เดินไป
ตอนแรกนายท่านไม่อยากคุยกับใคร การกบฏของลู่จิ้นยวน มันทำให้เขาหงุดหงิดอย่างมาก ถึงแม้ตอนนี้เขาจะอายุมากแล้ว แต่อย่างไรก็เคยชินกับการเรียกลมเรียกฝนมาตลอด ตอนนี้ไม่คิดเลยว่าจะควบคุมหลานชายตัวเองไม่ได้
“ท่านปู่ ฉันเองค่ะ”
มู่เยียนหรานเอ่ยปากเบาๆ “ตอนเย็นคุณกินไปแค่นิดเดียว ตอนนอนเดี๋ยวหิวนะคะ มันจะไม่ดีต่อกระเพาะ กินอีกนิดนะคะ”
นายท่านตกตะลึง ทันใดนั้นก็เปิดประตูให้เธอเข้ามา
การเปลี่ยนไปของมู่เยียนหราน เขาเห็นมันในสายตา เธอสามารถเปลี่ยนจากคุณหนูอารมณ์ร้ายเพื่อลู่จิ้นยวนได้จริงๆ และตระหนักได้ถึงสถานการณ์ปัจจุบันได้มากพอ
สิ่งที่ลู่จิ้นยวนต้องการ ก็คือผู้หญิงแบบนี้ คนที่ดูแลครอบครัวได้ดี มีหน้ามีตาให้เขาภายนอกได้ สร้างภาพลักษณ์ที่ดี ไม่ใช่ผู้หญิงอย่างเวินหนิงที่อ่อนแอ เอาแต่พึ่งผู้ชาย
ทั้งสองนั่งเงียบๆ มู่เยียนหรานไม่รีบร้อนที่จะพูดเรื่องนั้น รับใช้นายท่านอย่างระมัดระวังและพากเพียร รอเขากินหมดแล้ว ก็ไปเก็บทำความสะอาด
“ท่านปู่ บางที เรื่องงานหมั้นพักไว้ก่อนก็ได้นะคะ”
“ทำไม? จิ้นยวนข่มขู่อะไรเธอเหรอ? ”
“เปล่าค่ะ……แต่เมื่อกี้นี้ฉันได้ยิน……เรื่องของเวินหนิง”
ดวงตามู่เยียนหรานมีร่องรอยแห่งความเศร้า “ถ้าคนที่จิ้นยวนรักคือเวินหนิง ฉันคิดว่าฉันก็ไม่จำเป็นต้องวุ่นวายอีกต่อไป ถ้าเป็นแบบนี้ ถึงเราจะแต่งงานกัน ก็จะไม่มีความสุข ฉันไม่อยากให้จิ้นยวนทำในสิ่งที่เขาไม่อยากทำ”
แต่ละคำของมู่เยียนหราน ทั้งหมดล้วนเป็นมุมมองของลู่จิ้นยวน อย่างน้อยนายท่านฟังแล้วก็สบายใจ และยิ่งรักเอ็นดูเธอมากขึ้น
“เวินหนิงโดนไล่ไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอ? เธอไม่จำเป็นต้องกังวลกับเรื่องนี้”
“แต่เมื่อกี้……ตอนฉันเรียกเขาลงมากินข้าว ได้ยินเขายังติดต่อกับเวินหนิงอยู่ค่ะ”
“ว่าไงนะ? ” นายท่านลู่ได้ยินประโยคนี้ ก็ระงับความโกรธไว้ไม่ไหว “เธอได้ยินแน่ใจใช่ไหม? ว่าเป็นหล่อนจริงๆ? ”
มู่เยียนหรานพยักหน้า “ฉันแค่คิดว่า งานแต่งที่บังคับมันจะไม่มีความสุข ในเมื่อเป็นแบบนี้ ฉันยอมช่วยดีกว่า”
นายท่านฟังคำพูดเธอต่อไปไม่ไหว ทันใดนั้นเขาก็ยืนขึ้นมา “เยียนหราน เธอออกไปก่อน เรื่องนี้ฉันจะให้คำตอบที่น่าพอใจกับเธออีกครั้ง เธอไม่ต้องเป็นห่วงนะ ลูกสะใภ้ตระกูลลู่ของเรา เป็นได้แค่เธอเท่านั้น”
……
แสงแดดส่องเข้ามาในห้อง วันใหม่เริ่มต้นขึ้น
เวินหนิงค่อยๆ ลืมตา มองอากาศข้างนอก มันอบอุ่นและมีแดด เธอลูบท้องนูนของเธอ “วันนี้อากาศดีจริงๆ ”
เธอที่อารมณ์ดี หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู คิดสักพักก็ส่งข้อความให้ลู่จิ้นยวน
“วันนี้ที่ฉันอากาศไม่เลวเลย คุณล่ะ? ”
เมื่อก่อนเวินหนิงทำแบบนี้น้อยครั้งมาก เพราะเธอมักรู้สึกว่าผู้หญิงรุกเกินไปไม่ดีนัก ยิ่งไปกว่านั้นเธอไม่เคยกล้าเชื่อความรู้สึกของลู่จิ้นยวนที่มีต่อเธอเต็มที่นัก จริงๆ แล้วเธอกลัวว่าจะกลายเป็นการได้รับคำตอบที่เย็นชา
แต่ตอนนี้……นึกถึงการบาดเจ็บที่ลู่จิ้นยวนปกป้องเธอ คืนความบริสุทธิ์ให้กับเธอแล้วจัดการตระกูลเวิน และอีกมากมาย หัวใจเธอค่อยๆ เข้มแข็งขึ้นมา
เธอชอบผู้ชายคนนี้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ก็อยากอยู่กับเขา
แต่หลังจากส่งข้อความแล้ว เวินหนิงก็ยิ้มอีกครั้ง
ตอนนี้ทางลู่จิ้นยวนเป็นตอนกลางคืน ต้องไม่ตอบกลับแน่ๆ
ดังนั้นเธอจึงไม่ได้รอข้อความของอีกฝ่าย เข้าห้องน้ำไปอาบน้ำล้างหน้า
แต่เมื่อเธอกลับมา ก็พบว่าลู่จิ้นยวนตอบกลับ และตอบกลับสั้นๆ
“ทำไมตื่นเช้าจัง? ”
เวินหนิงตกตะลึงนิดหน่อย มองดูเวลา ทางลู่จิ้นยวนน่าจะเป็นเช้ามืดสิ ทำไมตอบเร็วขนาดนี้?
แค่ความรู้สึกที่เขาตอบข้อความกลับทันที ก็ทำให้เวินหนิงมีความสุข มีคำกล่าวที่ว่าถ้าผู้ชายคนหนึ่งห่วงใยเธอ ก็จะต้องตอบข้อความกลับทันที
ถ้าอย่างนั้น ตอนนี้ดูเหมือนว่า ลู่จิ้นยวนก็ห่วงใยเธอเหมือนกันใช่ไหม?
“นอนเร็วตื่นเช้าเป็นกิจวัตรที่ดีต่อสุขภาพ”
“แต่คุณน่ะ ทำไมดึกป่านนั้นยังไม่นอน? ”
เวินหนิงรู้ว่าลู่จิ้นยวนเป็นคนบ้างาน ทำธุระไม่เสร็จก็จะไม่นอน เขาเผยด้านที่เหนื่อยล้าให้เห็นน้อยมาก แต่เธอก็ยังรู้สึกสงสารนิดหน่อย
“นอนดึกแบบนี้ ไม่เหนื่อยเหรอ? ”
ลู่จิ้นยวนมองบรรทัดข้อความที่เธอพิมพ์มาอย่างรวดเร็ว เขาก็ยิ้ม “ไม่เหนื่อย”
ตอนนี้เขาทำงานล่วงเวลา เพื่อหาเวลาไปเจอเวินหนิง ดังนั้นจึงเต็มไปด้วยพลังงาน