บ่วงแค้นแสนรัก – ตอนที่ 219 สาเหตุที่เย็นชา

ลู่จิ้นยวนให้คนนำอาหารเข้ามา

กลิ่นอาหารหอมฉุยลอยมา ทำให้ท้องของเวินหนิงเริ่มประท้วงหิวขึ้น

เธอหิวข้าวแล้วจริงๆ

“มากินอะไรหน่อย”

ลู่จิ้นยวนเรียกเธอมากินข้าวด้วยสีหน้าเย็นชาเหมือนเดิม

เวินหนิงเดินเข้าไป เธอเห็นว่าอาหารที่เขาสั่งล้วนเป็นของโปรดเธอทั้งสิ้น เขายังสั่งแกงจืดให้ด้วยกลัวว่าเธอจะทานไม่ค่อยได้

ผู้ชายคนนี้ไม่ชอบเธอเหรอจะเป็นไปได้ยังไง?

เวินหนิงเชื่อมาตลอดว่า ความรู้สึกดูได้จากการกระทำ ดังนั้นเธอจึงไม่พูดอะไรอีก

อาจจะเป็นไปได้ว่า ช่วงนี้ลู่จิ้นยวนงานยุ่งมากและเหนื่อยมาก เลยไม่อยากแสดงออกอะไรให้มาก

เวินหนิงค่อยๆนั่งกินอาหารไป ท่าทางการกินของเธอน่ามองจนลู่จิ้นยวนมองเธอกินข้าวด้วยความอิ่มแอมใจ

แม้แต่เขาเองก็ยังไม่รู้ตัวว่ากำลังนั่งมองผู้หญิงคนหนึ่งกินข้าวอย่างเหม่อลอย

จนเวินหนิงที่กินข้าวอยู่รู้สึกถูกเขาจ้องมองอยู่จนเกิดความเก้อเขิน ” ทำไมคะ บนหน้าฉันมีอะไรเหรอ?”

ลู่จิ้นยวนถึงรู้ตัวว่าทำอะไรผิดพลาดไป ก่อนจะกระแอมไอแก้เขิล “ใช่ไง เธอกินได้ตลกมาก จนเลอะหน้าไปหมด”

เวินหนิงนิ่งอึ้งไปเล็กน้อย ใบหน้าแดงรื้อขึ้น หรือว่าเธอจะกินตะกละจนเลอะเต็มหน้าจริงๆ?

เธอรีบเอามือลูบไปที่มุมปาก แต่ก็ไม่มีอะไรติดอยู่ ขณะที่กำลังสงสัย ลู่จิ้นยวนก็เดินมาทำเป็นหยิบเม็ดข้าวออกจากแก้มให้เธอ “เธอช่างโง่จริงๆ”

เวินหนิงมองลู่จิ้นยวนอย่างไม่ยอม “บนหน้าฉันไม่เห็นจะมีอะไร คุณนั้นแหละฉวยโอกาสแต๊ะอั๋งฉันมากกว่า”

ลู่จิ้นยวนรู้สึกอึดอัดเล็กน้อยหลังจากโดนจับได้ “เธอคิดมาไปแล้ว ฉันยังสงสัยอยู่ว่าทำไมเธอถึงกินจนเลอะเทอะไปหมด อยู่ที่นี่สั่งอาหารขึ้นมากินไม่เป็นเหรอ?”

“ก็ฉันรอคุณอยู่ไง รอไปรอมา ก็เลยเผลอหลับไป อันที่จริงต้องโทษคุณไม่ใช่เหรอ?”

เวินหนิงเอียงคอจ้องมองลู่จิ้นยวนอย่างไม่เกรงใจ

ลู่จิ้นยวนกระแอมเล็กน้อย “อะไรก็ต้องให้ฉันรับผิดชอบ? เธอควรโตกว่านี้แล้วนะ”

เวินหนิงได้ยินแบบนั้นก็รู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย หรือว่านี่คือเหตุผลที่ลู่จิ้นยวนเย็นชาต่อเธอ?

เวินหนิงคิดดูดีๆแล้ว ตั้งแต่ออกจากบริษัทตระกูลลู่มาเธอก็ไม่ได้ทำงานอะไรอีกเลย ตอนแรกก็อยากไปหางานทำอยู่แต่ก็โดนเวินหลานทำพังซะก่อน หลังจากนั้นก็อยู่แต่ในบ้าน ดูเหมือนว่าเธอจะหลุดจากสังคมที่ใครๆก็งานยุ่งไปไม่น้อย

คิดได้ดังนั้น เธอก็กลืนอาหารในปากลงไป ก่อนจะเช็คมุมปากเล็กน้อย “ฉันรู้แล้ว เพราะว่าฉันอยู่แต่ในบ้าน อะไรก็ไม่ทำ จนคุณรู้สึกว่าฉันไม่รู้จักเพิ่งพาตัวเองใช่มั้ย?”

“งั้นรอให้ฉันคลอดลูกก่อน แล้วจะรีบหางานทำ แม่เองก็กำลังคิดอยู่ว่าจะกอบกู้บ้านตระกูลเวินขึ้นมาใหม่ ฉันจะไม่ว่างอยู่เฉยๆนานนัก คุณให้เวลาฉันหน่อยนะคะ”

ลู่จิ้นยวนไม่คิดว่าเวินหนิงจะพูดแบบนี้ เขานึกว่าเวินหนิงได้ฟังแบบนี้แล้วจะโกรธจนรีบกลับบ้านไป

“เธอคิดจะกอบกู้ตระกูลเวินขึ้นมาใหม่เหรอ?”

บ้านตระกูลเวินตอนนี้ไม่ใช่จะฟื้นตัวขึ้นมาได้ง่ายๆ ด้วยปัญหาที่รุมร้าวมากมายทั้งจากภายในและภายนอก จนกลายเป็นของร้อนที่ใครๆก็ไม่อยากเข้าไปแตะต้อง คนทั่วไปไม่มีทางเอาตัวเองเข้าใจยุ่งเกี่ยวด้วยเด็ดขาด

“แน่นอนซิ ธุรกิจของบ้านตระกูลเวินเกิดจากความเหนื่อยยากของแม่ จะปล่อยมือง่ายๆได้ยังไง?”