ก่อนที่เธอจะรู้สึกโล่งใจ จ้าวหย่าหลินก็วิ่งออกมาจากสถานีตำรวจแล้วจับเข้าที่มือของเวินหยาแน่น “หนิงหนิง เมื่อกี้ป้าผิดเอง ป้าขอโทษนะ ขอโทษแทนลี่ลี่เขาด้วย เรื่องนี้ ปล่อยไปได้ไหม ลี่ลี่เขายังเด็ก เขาไม่รู้เรื่องอะไรหรอก”
ปล่อยไป? ยังเด็ก?
เวินหนิงเงยหน้าขึ้นมอง ใบหน้าอีกคนซีดเซียวแถวเหงื่อก็ซึมตามไรผม “เด็กอะไร เขาแก่กว่าฉันตั้งสามปี ตอนที่แจ้งตำรวจล่ะทำไมไม่คิด?”
เวินเหนิงกำหมัดแน่น เธอเกลียด แทบจะรอไม่ไหวเข้าไปจัดการกับใบหน้าเจ้าเล่ห์จ้าวหย่าหลิน
เวินหนิงมองไปทีท่าทางโศกเศร้าของอีกคน นัยน์ตาแดงก่ำ ดูน่าสงสาร ราวกับเธอทำทุกอย่างได้เพื่อเด็กคนนั้น
ใครผ่านมาเห็นก็คงอดไม่ได้ที่จะสงสารเธอ ตั้งแต่เด็กจนโต เธอก็เอาเปรียบคนอื่นมาโดยตลอด
“เรื่องที่ตัวเองพูดออกไปก็ควรจะยอมรับให้ได้ ให้เขาอยู่ที่นี่เรียนรู้วิธีการเป็นคนหน่อยแล้วกัน คุณก็จำไว้ เรื่องที่ไม่ควรพูด ก็ไม่ควรปากสว่าง” หลังจากพูดจบเวินหนิงก็ขึ้นรถแท็กซี่และจากไป
จ้าวหย่าหลินยืนอยู่ตรงนั้นขบฟันแน่น นังตัวแสบ ไม่ใช่แค่ได้เข้าตระกูลลู่ ยังมีคนอื่นที่คอยช่วยเธออีก
นังตัวดี แกรอดูที่ฉันก็แล้วกัน!
หลังจากผ่านมาทั้งวัน เวินหนิงก็รู้สึกเหน็ดเหนื่อย พอกลับถึงบ้านก็โดนลู่จิ้นยวนเรียกเข้าห้องทำงานอีก
บ้านนี้ไม่ว่าจะคนแก่เด็กเล็กก็เข้าแต่ห้องทำงาน
เวินหนิงยืนไม่ไกลจากโต๊ะทำงานของลู่จิ้นยวน เขาเงยหน้าขึ้นจากกองเอกสารแล้วมองไปทางเธอ “พูดมาสิ เข้าสถานีตำรวจไปทำอะไร”
“แล้วเกี่ยวอะไรกับคุณลู่เหรอคะ?”
ยังไงก็ไม่ใช่ลู่จิ้นยวนช่วยเธอ พูดไปแล้วจะได้อะไรล่ะ
“เวินหนิง ตอนนี้เธอเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของฉัน เธอถูกตำรวจจับก็เหมือนกับฉีกหน้าฉัน ฉันไม่สนว่าเธอจะเป็นตายร้ายดียังไง ฉันแค่อยากรู้ว่าคู่ของฉันเป็นอะไรสำหรับตระกูลลู่”
“หึ” เวินหนิงหัวเราะให้กับสามีดีเด่น
“อีกฝ่ายมาที่นี่ตัวเปล่า คุณลืมไปเหรอว่าเซ็นสัญญาว่าไม่ให้คนนอกรับรู้ถึงความสัมพันธ์ของพวกเรา ฉันจะไปฉีกหน้าคุณได้ยังไงกัน คุณประธานลู่!”
“งั้นก็ดี ออกไปได้แล้ว”
ลู่จิ้นยวนโบกมือไล่อีกคน เวินหนิงก็หันกลับไปแต่ก่อนที่เธอจะเดินออกจากห้อง ลู่จิ้นยวนก็พูดขึ้นอีกครั้ง “เวินหนิง เธอจะมีชีวิตยังไงฉันไม่สน แต่ถ้าเธอกล้าฉีกหน้าฉัน ฉันไม่ปล่อยเธอไว้แน่”
เวินหนิงลดสายตาลง ผู้ชายคนนี้ถึงฉันจะหนาวตายเขาคงให้ความอบอุ่นอะไรกับเธอไม่ได้
“รู้แล้วค่ะ”
ออกจากห้องก่อนปิดประตูแล้วเดินออกไปด้วยสีหน้าไร้อารมณ์
พอเวินหนิงกลับมาถึงห้อง ก็มีถุงใบเล็กใบใหญ่วางเรียงรายเต็มห้อง คงเป็นเสื้อผ้าจากร้านที่ทะเลาะกับหลิวลี่ลี่ร้านนั้น
เธอไม่ได้ซื้ออะไรแล้วจะมีของมากมายขนาดนี้ได้ไง?
โทรศัพท์ดังขึ้น และก็เป็นผู้ชายคนนั้นที่โทรเข้ามา “ฉันซื้อของร้านนี้มาให้หมดแล้ว ทั้งหมดคือไซส์ของเธอ เป็นไงบ้าง ชอบไหม คุณผู้หญิงคนโง่ จำไว้นะวันหลังอย่าได้ไปทำเรื่องขายหน้าข้างนอกล่ะ!”
นัยน์ตาของเธอร้อนผ่าว ริมฝีปากสั่น และพูดออกไปในสิ่งที่เธอไม่คิดว่าจะพูด “คืนนี้มาที่ห้องฉัน ฉันสัญญากับคุณไว้แล้ว”
วันนี้นอกจากผู้ชายคนนี้คงไม่มีใครแล้วที่ช่วยเธอ คนพวกนั้นดีแต่ทำร้ายเธอ รังแกเธออย่างไม่รู้จบ เธอก็ไม่รู้จะเชื่อใครแล้ว
หลังจากวางสายเธอก็เช็ดน้ำตาที่ไหลลงมา ให้กำลังใจตัวเองก่อนเอาเสื้อผ้าไปแขวนไว้ในตู้ กลับเห็นช่องที่ปิดไม่สนิท พอเปิดเธอถึงกับผงะ
กลางดึกเวินหนิงนอนมองเพดาน ลู่จิ้นยวนยังคงอ่านเอกสารอยู่ที่ห้องทำงาน เธอรู้สึกประหม่าสอดมือเข้าใต้หมอนเพื่อยืนยันครั้งแล้วครั้งเล่า และเธอก็รู้สึกดีขึ้นมาเล็กน้อย
ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกแรงกอดจากด้านหลัง เธอรู้ได้ทันทีว่าเป็นเขา
“มาแล้วเหรอคะ”
ความอบอุ่นที่เขามอบให้แผ่ซ่านจนเธอรับรู้ได้ เธอไม่ได้รู้สึกร้อนแค่รู้สึกเย็นๆทั้งตัวเข้าไปถึงหัวใจ
“วันนี้ที่เธอสัญญาไว้มันทำให้ฉันประหลาดใจ” ชายคนนั้นจับเข้าข้อมือที่บวมเนื่องจากใส่กุญแจมือเอาไว้ เขาลูกเบาๆ การกระทำนั้นอ่อนโยน ถ้าตอนนี้หัวใจของเวินหนิงไม่ได้ด้านชา เธอคงรู้สึกตื้นตันใจแล้วเชื่อคำพูดของอีกคน
เวินหนิงพลิกตัวกลับมาซบเข้าที่หน้าอกแกร่ง “ทุกวันนี้ ฉันพึ่งคุณได้คนเดียว”
ชายคนนั้นหัวเราะเบาๆแล้วโอบกอดเธอแน่นขึ้น “แน่นอนสิ เธอเป็นของฉันแล้ว ไม่แย่ไปกว่าลู่จิ้นยวนแน่นอน”
เวินหนิงที่อยู่ในอ้อมกอดอีกคนยกยิ้มอย่างเย็นชา เป็นแบบนั้นจริงเหรอ ไม่ว่าจะลู่จิ้นยวนหรือเขาก็เป็นปีศาจด้วยกันทั้งนั้น
ใจเธอตอนนี้กำลังเต้นรัว รออีกเดี๋ยวเท่านั้น รออีกเดี๋ยว!
รอเวลาเขาย่ามใจกว่านี้ก่อน เธอทำได้แน่!
ลมหายใจที่เร็วขึ้นไม่ใช่เพราะชายคนนั้นแต่เป็นเพราะความเครียดและตื่นเต้นของเวินหนิง
คืนนี้ เธอต้องเห็นให้ได้ว่าชายคนนี้เป็นใคร!
ในช่วงเวลาสุดท้าย เวินหนิงหยิบไฟฉายจากใต้หมอนออกมา แล้วส่องไปที่ใบหน้าของอีกคน!