“คุณชายลู่ครับ คุณว่า……จะทำเรื่องย้ายออกจากโรงพยาบาลไหมครับ?” คุณหมอมองเห็นลู่จิ้นยวนเหม่อมองออกไปข้างนอก ก็มองตามไปด้วย จึงเห็นใบหน้าของเวินหนิง เลยอดไม่ได้ที่จะถาม
เขาไม่เข้าใจความคิดของคนคนนี้เลย ทั้งๆที่เป็นห่วง แต่ก็ไม่อยากออกหน้า นี่เป็นวิธีการจีบของคนรุ่นใหม่หรอ?
“ไม่ทำ” ลู่จิ้นยวนมองไปที่คุณหมอที่เอ่ยพูด “อาการของแม่เธอตอนนี้เป็นยังไงบ้าง?”
“ฟื้นฟูอยู่ดีขึ้นแล้วครับ แต่ว่ายังต้องใช้เวลาในการรักษาอีกระยะ”
“งั้นก็ให้เธออยู่จนกว่าจะรักษาหาย เรื่องค่าใช้จ่ายของเธอ ผมเป็นคนออกเอง แต่ว่า คุณอย่าให้เธอรู้ว่าผมเป็นคนออกให้ เข้าใจไหมครับ?”
กับข้อเรียกร้องที่แปลกประหลาดแบบนี้ คุณหมอก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน แต่ว่า ลู่จิ้นยวนลุกขึ้นแล้ว “เงินสนับสนุนที่ครั้งก่อนโรงพยาบาลคุณต้องการ ให้คนมาคุยกับทางบริษัทได้เลยครับ”
เมื่อได้ยินแบบนี้ คุณหมอก็รีบเอ่ยปากพูดทันที นี่เป็นการลงทุนหลายสิบล้าน ถ้าเทียบกับค่ารักษาพยาบาลของแม่เวินหนิง เทียบกันไม่ติดเลย
“คุณชายลู่ ขอบคุณมากนะครับ คุณแม่ของคุณผู้หญิงคนนี้ ผมจะรักษาให้ดี จะไม่มีอะไรผิดพลาดเด็ดขาดครับ”
เมื่อได้ยิน ลู่จิ้นยวนก็พยักหน้า แล้วมองไปทางเวินหนิงอีกครั้ง “คุณไปจัดการเถอะ จำไว้ ต้องหาเหตุผลที่ดูดีด้วย”
ตอนนี้เขายังออกหน้าไม่ได้ เพราะฉะนั้น คงทำได้แค่นั่งมองเธออยู่ที่นี่
เวินหนิงรออยู่ข้างนอก มองเห็นคนเดินผ่านไปผ่านมา ก็เริ่มหมดความอดทน กำลังจะลุกไปเร่ง คุณหมอก็เดินมา “คุณหนูเวินครับ คืออย่างนี้นะครับ ตอนนี้อาการของคุณแม่คุณยังอยู่ในช่วงที่ต้องได้รับการดูแลอย่างเป็นพิเศษ ถ้าออกจากโรงพยาบาลตอนนี้ ถึงแม้คุณหมอหลินจะช่วย แต่เครื่องมือก็ไม่พร้อม อาจจะไม่ประสบความสำเร็จมากครับ”
เมื่อได้ยินแบบนี้ เวินหนิงก็รู้สึกผิดหวัง ทำไมเธอถึงไม่อยากให้คุณแม่ได้รับการรักษาที่มาตรฐานสูงในโรงพยาบาลแบบนี้ล่ะ แต่ว่า เธอไม่มีเงินทุนนั้น หลังจากเธอไปจากลู่จิ้นยวน ค่าใช้จ่ายทั้งหมดเธอก็ต้องเป็นคนรับผิดชอบเอง
ถึงแม้ ลู่จิ้นยวนไม่ได้ไล่เธอไป แต่ในเมื่อเธอพูดออกไปอย่างนั้นแล้ว ก็จะไม่คืนคำเด็ดขาด ไม่ว่าจะยังไง ต้องตัดให้ขาดแล้วเริ่มต้นใหม่
“แต่ว่า ถ้าฉันยังอยู่ต่อ ฉันก็รับค่าใช้จ่ายไม่ไหว”
เมื่อเวินหนิงพูดจบ คุณหมอก็ทุบศีรษะตัวเอง “เรื่องค่าใช้จ่าย ถ้าคุณยังไม่พร้อมก็แบ่งจ่ายได้ครับ”
“แต่ว่า……ตอนนี้ฉันเป็นคนท้อง ในระยะยาวก็คงไม่มีรายได้ที่คงที่”
เวินหนิงรู้สึกซึ้งใจ ไม่คิดเลยว่าบุคลากรทางแพทย์จะมีความรับผิดชอบแบบนี้ แล้วมีความเมตตาด้วย
“ไม่เป็นไรครับ ที่รู้จักกันมานานขนาดนี้ ผมรู้จักนิสัยของคุณหนูเวินดี ถ้าไม่ได้จริงๆ ผมรับประกันกับคุณได้ครับ รอให้คุณหางานได้แล้วค่อยคืนเงินก็ได้ครับ”
เมื่อได้ยินคุณหมอพูด เธอก็เริ่มหวั่นไหว อีกหน่อยค่อยคืนเงิน ถ้างั้นถ้าเธอขยันหางาน ก็ไม่จำเป็นต้องย้ายคุณแม่ออกจากโรงพยาบาลนี้แล้ว
“ได้ค่ะ รบกวนคุณด้วยนะคะคุณหมอ”
เวินหนิงก็พยักหน้า แล้วถามอาการกับเขาไปสักพัก จากนั้นค่อยเอ่ย “อีกหน่อยค่าใช้จ่ายของคุณแม่ ฉันจะเป็นคนรับผิดชอบคนเดียว ไม่เกี่ยวอะไรกับลู่จิ้นยวน ไม่จำเป็นต้องใช้เงินของเขา”
ลู่จิ้นยวนอยู่ในห้อง ก็เหมือนจะได้ยินคำพูดของเวินหนิง พอได้ยินแบบนี้ ในใจก็รู้สึกไม่สบอารมณ์
ผู้หญิงคนนี้ คิดว่าบนโลกมีคนดีเยอะขนาดนั้นเลย? ยังช่วยเธอแบบไร้เงื่อนไขหรอ?
เธออยากจะแบ่งเขตกับตัวเองขนาดนั้นเลยหรอ?
แต่ว่า พอเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าเธอ ลู่จิ้นยวนก็ไม่ได้รู้สึกโกรธเธอขนาดนั้น ดูเหมือนว่า เขาหลงผู้หญิงคนนี้หัวปักหัวปำแล้วสินะ
คุณหมอพยักหน้ารับเงื่อนไขของเวินหนิง เมื่อส่งตัวเธอกลับไปแล้ว ก็กลับไปห้องวีไอพีที่ลู่จิ้นยวนนั่งรออยู่
“คุณชายลู่ครับ เรียบร้อยแล้วครับ”
ลู่จิ้นยวนพยักหน้า “ทำได้ดีมาก อีกหน่อยจำไว้ อย่าให้เธอรู้เด็ดขาดว่าผมมาหาคุณ คุณก็พูดว่าคุณอยากช่วยเธอก็เลยทำแบบนั้น เข้าใจนะครับ?”
คุณหมอพยักหน้า ยิ่งงงไปกันใหญ่ว่าลู่จิ้นยวนกำลังคิดอะไรอยู่ ทำดีแต่ไม่อยากออกหน้า ปิดทองหลังพระ?
แต่ว่า ดูท่าทางลู่จิ้นยวนจะรู้สึกจริงจังกับผู้หญิงคนนี้ อ้อมค้อมขนาดนี้ก็ยังจะช่วยเธอ อีกหน่อยเขาก็ต้องตีสนิทกับเวินหนิงไว้ ไม่แน่อาจจะมีผลประโยชน์อะไรก็ได้
เมื่อเห็นว่าทุกอย่างจัดการเรียบร้อยแล้ว ลู่จิ้นยวนก็ไปจากที่นั่น ในเวลาเดียวกัน อันเฉินก็ประชุมแทนเขาเสร็จแล้ว ก็โทรมารายงานผลการประชุมเมื่อกี้
เมื่อลู่จิ้นยวนฟังเขารายงานจบ ก็มีคำถามบางอย่าง “เรื่องของตระกูลเวิน ไปถึงไหนแล้ว?”
“ตอนนี้หุ้นของตระกูลเวินถูกกดราคาไว้ คฤหาสน์ก็ถูกยึด คนในตระกูลเวินก็ถูกไล่ออกไปหมดแล้วครับ ทรัพย์สมบัติทุกอย่างก็อยู่ในการควบคุมของพวกเราครับ”
อันเฉินรายงานตามจริง ในสถานการณ์ที่ตระกูลลู่จงใจจะหาเรื่องตระกูลเวิน ธุรกิจก็ล้มละลาย โดนเจ้าหนี้ตามหนี้ไปทั่ว สุดท้ายจนมุมจนต้องจำนองบ้านออกไป ตอนนี้ทั้งครอบครัวก็ย้ายไปอยู่ในโซนคนชนชั้นล่างแล้ว ใช้ชีวิตกันอย่างยากลำบากมาก
เวินหลานถูกแฉข่าวเสียๆหายๆ จนตอนนี้เธอก็อยู่ในวงการไม่ได้ แถมยังมีความเสี่ยงที่จะเข้าคุกด้วย อีกอย่าง มีภาระค่าผิดสัญญาเพราะเสื่อมเสียภาพลักษณ์มากมาย
อาจจะพูดได้ว่า ตอนนี้ตระกูลเวินเหลือแค่เปลือก ไม่มีใครอยากมารับช่วงต่อเลย แต่ว่า ลู่จิ้นยวนก็ใช้โอกาสนี้แล้วจับตระกูลเวินเข้ามาไว้ในมือตัวเอง
ที่ทำไป ก็คงจะเพราะคุณหนูเวินสินะ
เมื่อนึกถึงที่นี่ อันเฉินก็เหมือนเข้าใจอะไรบางอย่างการ ที่ทั้งสองทะเลาะกันช่วงนี้อาจจะเพื่อเซอร์ไพรส์เวินหนิงคืนตระกูลเวินให้เธอ เพราะยังไง นี่ก็จะทำให้อีกคนรู้สึกประหลาดใจมาก!
เมื่อลู่จิ้นยวนได้ยินแล้วก็พยักหน้า ในเมื่อตระกูลเวินอยู่ในมือแล้ว แต่เขาก็ไม่ได้มีความสุขขนาดนั้น ทีแรก เขาอยากจะคืนตระกูลเวินที่สะอาดให้เวินหนิง
เพราะยังไง นี่ก็เป็นของของเธออยู่แล้ว ถ้าเธอเห็น ก็คงจะดีใจแน่นอน
แต่ว่าตอนนี้……
เขาไม่แน่ใจว่าถ้าเวินหนิงได้รับของขวัญแล้วจะแสดงสีหน้ายังไง คิดไปด้วย ผู้ชายคนนั้นก็ทุบพวงมาลัยรถ ความอึดอัดในใจก็เยอะขึ้นไปอีก
ขณะเดียวกัน โทรศัพท์ก็ดัง มู่เยียนหรานวิดีโอคอลมา “จิ้นยวน นายอยู่ที่ต่างประเทศเป็นยังไงบ้าง? งานหมั้นจัดเตรียมเรียบร้อยแล้ว นายดูสิ มีที่ไหนที่ไม่พอใจหรือเปล่า?”
มู่เยียนหรานให้ลู่จิ้นยวนดูงานหมั้นที่เธอตั้งใจจัดเตรียมไว้ นี่เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตเธอ เพราะฉะนั้น เธอก็ยอมหยุดงาน แล้วตั้งใจจัดเตรียมงานหมั้นครั้งนี้มาก
แค่วันนั้น เธออยากจะเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุด
“อื้อ เธอชอบก็พอแล้ว” ลู่จิ้นยวนไม่มีอารมณ์ดู แค่มองภาพตรงหน้าแล้วเอ่ยอย่างเรียบนิ่ง