“รอก่อน”
ลู่จิ้นยวนเอ่ย นี่เป็นคำแรกที่เขาเอ่ยปากพูด หลังจากที่เวินหนิงมาถึงที่นี่
ฝีเท้าเวินหนิงหยุดลง ในใจก็รู้สึกหงุดหงิด “สัญญาก็เซ็นเสร็จแล้วไม่ใช่หรอ ทำไม? กลัวว่าฉันจะออกไปพูดอะไรทำคุณเสียหาย? ไว้ใจเถอะ ฉันก็ไม่อยากจะเกี่ยวข้องอะไรกับคุณหรอก”
อยู่กับเขา แม้แต่ตอนเลิกกันก็ต้องทำกับเธอแบบนี้ นี่เลยทำให้เวินหนิงรู้สึกเสียศักดิ์ศรีมาก เธอก็คิดซะว่าถูกหมากัด หลังจากนี้จะไม่เจอกันอีก!
“ในนี้ยังมีของอยู่ เธอไม่อยากดู?”
ลู่จิ้นยวนมองเห็นท่าทางของเวินหนิงแบบนั้น เขาไม่เคยรู้เลยว่าผู้หญิงคนนี้มีด้านที่เด็ดขาดขนาดนี้
ความเด็ดขาดทั้งหมดของเธอก็เพื่อใช้กับตัวเอง?
เวินหนิงขมวดคิ้ว สัญญาเมื่อกี้เธอไม่ได้ดูรายละเอียดมาก เพราะฉะนั้น ไม่รู้เลยว่าข้างบนนั้นเขียนอะไรไว้บ้าง
คงจะไม่ใช่ เงื่อนไขอะไรที่ไม่เหมาะสมหรอกมั้ง?
เวินหนิงเดินกลับไป แล้วหยิบสัญญาขึ้น ลู่จิ้นยวนค่อยโยนซองเอกสารมาอีกซองหนึ่ง “นี่เป็นของเธอ”
เวินหนิงเปิดดู ในนั้นเป็นสัญญาการโอนย้ายทรัพย์สินตระกูลเวิน ขอแค่เธอเซ็นชื่อ เธอก็สามารถเอาบริษัทแล้วก็บ้านของตระกูลเวินคืนมาได้
“นายคิดจะทำอะไรอีก?”
เวินหนิงมองไปที่ลู่จิ้นยวน ผู้ชายคนนั้นก็ยักไหล่ “นี่ก็ถือว่าเป็นของของเธอ ตอนนี้คนในตระกูลเวินเข้าคุกบ้าง เข้าโรงพยาบาลบ้าง เธอเป็นคนเดียวที่สามารถรับของตระกูลเวินไว้ เพราะฉะนั้น ฉันคืนให้เธอ”
เวินหนิงจับเอกสารในมือไว้แน่น “ฉันไม่เชื่อว่านายจิตใจดีขนาดนี้……”
“ฉันก็แค่ จะไม่เอาของที่ไม่ใช่ของตัวเอง ถ้าเธอไม่เอา ก็ทิ้งก็ได้ เพราะยังไงเอกสารที่เธอเซ็นเมื่อกี้ก็เขียนชัดเจนอยู่แล้วว่าฉันจะคืนของพวกนี้ให้เธอ”
พูดจบ ผู้ชายก็ลุกขึ้น เขาไม่อยากเห็นความเย็นชาในสายตาของเวินหนิงอีก นี่จะทำให้เขาควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่
เห็นว่าลู่จิ้นยวนเดินออกไป เวินหนิงก็นั่งลงบนโซฟาอย่างมึนงง ถึงแม้เธออยากจะได้ของตระกูลเวินคืนมา แต่ว่า กับเรื่องพวกนี้เธอไม่ค่อยรู้เรื่องมาก เพราะฉะนั้น พอได้มาอย่างกะทันหัน ก็ไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงดี
“คุณหนูเวิน ความจริงบอส……”
อันเฉินอยากจะพูดอะไรบางอย่าง ที่ลู่จิ้นยวนให้มาเซ็นสัญญารักษาความลับนี้ ไม่ใช่กลัวว่าเวินหนิงจะพูดเรื่องระหว่างพวกเขา แต่ว่า……เขาพนันว่าเวินหนิงต้องประชดแล้วเซ็นชื่อแน่นอน
แบบนี้ ของของตระกูลเวินก็จะกลับไปเป็นของเธอ
แต่ว่า ดูเหมือนเวินหนิงจะไม่เข้าใจการกระทำของลู่จิ้นยวน
อันเฉินกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง ลู่จิ้นยวนก็เอ่ยพูดอย่างเรียบนิ่ง “ยังจะพูดอะไรที่ไร้ประโยชน์อีกทำไม ไป”
อันเฉินก็ทำอะไรไม่ได้ จึงจำใจตามลู่จิ้นยวนออกไปจากที่นี่ เวินหนิงนิ่งอยู่ที่เดิมไปสักพัก แล้วเหม่อมองของพวกนี้ จากนั้น ค่อยเก็บเข้าซองอย่างระมัดระวัง
ลู่จิ้นยวนพูดถูก ของตระกูลเวินเป็นของที่คุณแม่ร่วมมือกับเวินฉีโม่แล้วสร้างมาด้วยกัน ในเมื่อตอนนี้เวินฉีโม่ไม่มีความสามารถที่จะไปดูแล เธอเอากลับมา ก็ถือว่าสมเหตุสมผล
รอเธอเดินออกไป รถของลู่จิ้นยวนก็ไม่อยู่แล้ว
ดูเหมือนว่า ที่เขาว่ากันว่าผู้ชายใจจะเด็ดขาดกว่าผู้หญิง เป็นเรื่องจริงสินะ เขาก็ไปอย่างนี้เลย ไม่แม้แต่จะหันกลับมาด้วยซ้ำ
เวินหนิงเหม่ ไปสักครู่ จากนั้นก็ยิ้มอย่างขมขื่น พร้อมกับจับของในมือไว้แน่น ยังโชคดีที่เธอยังมีสิ่งนี้ ยังมีคุณแม่แล้วก็ลูก ชีวิตก็ไม่จำเป็นต้องหมุนรอบผู้ชายคนนั้นอีกแล้ว
……
เวินหนิงกลับไปถึงโรงพยาบาล ก็เอาสัญญาการโอนย้ายของตระกูลเวินให้ไป๋หลินยวี่ดูแล กับเรื่องพวกนี้ เธอไม่มีความรู้มาก แต่คุณแม่เข้าใจเรื่องพวกนี้ดี
“หื้อ?” ไป๋หลินยวี่หยิบงบของตระกูลเวินออกมาดู พอดูไป ในใจก็รู้สึกสงสัย
ทีแรกคิดว่าตระกูลเวินล้มละลายแล้ว คงจะจำนองบริษัทแล้วก็บ้านแน่นอน ไม่คิดเลยว่า จะเก็บรักษาไว้แบบนี้ได้
แล้วอีกอย่าง เงินเดือนของพนักงานก็เคลียร์เรียบร้อยแล้ว บนงบก็ยังมีเงินก้อนที่ท่านสามารถนำไปลงทุนได้ ไม่เหมือนกับบริษัทที่ล้มละลายเลย……
ไป๋หลินยวี่รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ
“มีอะไรหรือเปล่าคะคุณแม่?”
เวินหนิงมองเห็นท่าทางของไป๋หลินยวี่ ก็นึกว่าท่านเจอปัญหาอะไรบางอย่าง
“เปล่า……” ไป๋หลินยวี่ส่ายหน้า ท่านก็นึกว่าเป็นเพราะลู่จิ้นยวนจงใจทำหรือเปล่า แต่พอเห็นลูกสาวที่กำลังท้องอยู่ถูกเขาทอดทิ้ง ท่านก็คิดว่าลู่จิ้นยวนเป็นผู้ชายที่เลวไปทันที
ผู้ชายที่ทอดทิ้งผู้หญิงกำลังท้องจะดีได้สักแค่ไหน? ทั้งหมดก็แค่ความบังเอิญ
เวินหนิงเห็นว่าท่านกำลังตั้งใจดูอยู่เลยเอ่ย “หนูยังมีธุระ ออกไปจัดการก่อนนะคะ”
ตอนนี้ เธอไม่ได้อยู่ในบ้านของลู่จิ้นยวนแล้ว เพราะฉะนั้น ก็ต้องรีบหาที่อยู่ ตอนนี้เธอยังไม่คลอด ยังอยู่ในโรงพยาบาลได้ แต่ถ้าเด็กคลอดเมื่อไหร่ ก็คงจะเลี้ยงไว้ในห้องพักฟื้นแบบนี้ไม่ได้
ถึงแม้จะไม่ได้มีเงินเยอะขนาดนั้น แต่เวินหนิงก็ยังหวังว่าจะหาสภาพแวดล้อมที่ดีให้เด็กได้ เพราะฉะนั้น หาบ้านเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด
เวินหนิงเดินออกไป แล้วไปดูข้อมูลเรื่องบ้านบนหนังสือพิมพ์ จากนั้นก็โทรไปทีละเบอร์
แต่ว่า ที่นี่เธอไม่คุ้นเคยเลย แล้วเดินทางก็ไม่สะดวกด้วย พอโทรไปไม่กี่เบอร์ก็เริ่มรู้สึกเหนื่อยใจ
ไม่คิดเลยว่า ออกมาจากความสบายที่ลู่จิ้นยวนให้ไว้ แม้แต่หาบ้านหลังหนึ่งก็ยังยากขนาดนี้
เวินหนิงเริ่มรู้สึกดูถูกตัวเอง แล้วก็มีพยาบาลคนหนึ่งเดินมา “คุณหนูเวิน คุณกำลังจะหาบ้านใช่ไหมคะ?”
เวินหนิงรู้สึกแปลกใจ แต่ก็พยักหน้า
“คือว่า ใกล้บ้านฉันมีบ้านหลังหนึ่งเหมาะกับคุณมาก กำลังจะให้เช่าพอดี แล้วราคาก็ไม่ได้แพงมากด้วย เดี๋ยวฉันแนะนำให้คุณดีไหมคะ?”
เมื่อได้ยิน เวินหนิงก็รีบพยักหน้าทันที ถึงแม้จะไม่สนิทกับพยาบาลคนนี้มาก แต่ว่า ถ้ามีคนที่รู้จักอยู่ใกล้ตัว ยังไงก็รู้สึกวางใจมากกว่า
“งั้นเดี๋ยวฉันเลิกงานแล้วจะพาคุณไปดูบ้านนะคะ”
พอเวินหนิงได้ยิน บนใบหน้าก็มีรอยยิ้มเผยออกมา
หรือว่า เธอก็ไม่ได้ซวยขนาดนั้น ไปจากลู่จิ้นยวน ก็ยังสามารถใช้ชีวิตได้ดีเหมือนกัน
“งั้นรบกวนด้วยนะคะ ไม่รู้ว่าควรจะขอบคุณคุณยังไงดี ขอบคุณที่ช่วยเหลือมากนะคะ”
พยาบาลยิ้มแล้วพยักหน้า จากนั้น ก็เดินออกไปแล้วตรงเข้าไปในห้องต้อนรับวีไอพี “คุณชายลู่คะ ทำตามที่คุณสั่งเรียบร้อยแล้วค่ะ”
ลู่จิ้นยวนสวมแว่นดำไว้ เมื่อได้ยินเธอพูดแบบนี้ก็พยักหน้า “เธอไม่ได้สงสัยอะไรใช่ไหมครับ?”
พยาบาลส่ายหัว จากนั้นลู่จิ้นยวนค่อยหยิบเช็คใบหนึ่งออกมา “นี่ถือว่าเป็นน้ำใจ แล้วอีกอย่าง ช่วงนี้คุณดูแลเธอด้วย อย่าให้เธอมีอันตรายเด็ดขาด”
เมื่อพยาบาลเห็นตัวเลขบนนั้น ก็ยิ้มอย่างดีใจ นี่มากกว่าเงินเดือนของเธอหลายเท่าเลย “คุณชายลู่ไว้ใจเถอะค่ะ ฉันจะทำตามที่คุณบอกแน่นอนค่ะ”
ลู่จิ้นยวนก็เลยพยักหน้า พร้อมกับรูดซิปเสื้อแขนยาวแล้วเดินออกจากห้องวีไอพี
เวินหนิงก็หยิบของลุกขึ้นพอดี แล้วเห็นแผ่นหลังที่คุ้นเคย ก็อึ้งไป