ทันใดนั้นก็เหมือนอากาศหยุดนิ่ง ใบหน้าของชายคนนั้นที่มองไม่เห็นภายใต้แสงจ้า เวินหนิงตกตะลึง เธอเธอถอยห่างเล็กน้อยดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ
ผลลัพธ์นี้ก็เป็นสิ่งที่เธอคาดไม่ถึงเช่นกัน
เธอคิดว่าผู้ชายคนนี้อาจเป็นใครก็ได้ที่ติดต่อกับเธอ แต่เธอไม่คาดคิด …
ว่ากลับกลายเป็นเขา!
เพล้ง!
ชายคนนั้นคว้าไฟฉายและโยนมันลงไปที่พื้น แสงก็สว่างวาบและในที่สุดห้องก็จมดิ่งลงไปในความมืดรูม่านตาสีดำจางๆ ของชายคนนั้นเปล่งแสงอันเยือกเย็นภายใต้แสงจันทร์
เธอรู้รายละเอียดตั้งมากมาย เธอน่าจะคิดสักนิดว่าเป็นของเขา!
ชายคนนั้นบีบคอของเวินหนิง “เวินหนิง เธอคิดร้ายกับฉัน”
“แท้จริงแล้วเราสองคนใครทำร้ายใครกันแน่ ลู่!จิ้น!ยวน!”
เสียงของเวินหนิงในลำคอของเธอบีบชื่อของเขาออกมาอย่างยากลำบากปรากฎว่าชายคนนี้คือเขาจริงๆ ตอนที่เธอเก็บของในตู้ในวันนี้จู่ๆเธอก็พบว่ามีหุ่นที่เหมือนกับลู่จิ่นหยวนซ่อนอยู่
หุ่นที่เกือบจะเป็นของจริงไม่ว่าจะเป็นการสัมผัสผิวหนังหรืออุณหภูมิร่างกายที่อบอุ่นและแม้แต่หุ่นก็ยังกะพริบตาได้ แล้วยังสามารถพูดได้อีก!
ดังนั้นทุกครั้งที่ชายคนนี้ปรากฏตัวคนที่นอนอยู่ข้างๆเวินหนิงคือหุ่นตัวนี้จริงๆ!
ทุกครั้งที่ลู่จิ้นยวนอยากแกล้งเธอ เขาจะคิดกลอุบายเพื่อทำให้เธอรู้สึกหวาดกลัวและถูกดูถูก!
เพื่อไม่ให้เธอสงสัยเขายังคงเส้นแบ่งระหว่างตัวเองและตระกูลลู่อย่างชัดเจน!
“ลู่จิ้นยวน เกมส์แมวจับหนูสนุกมากไหม”
การที่แมวจับหนู ไม่ได้หมายความว่าหลังจากที่แมวจับหนูแล้วจะไม่กินหนูทันทีหรือฆ่าหนูทันที แต่จะปล่อยให้หนูหนีตายไปครึ่งหนึ่งภายใต้กรงเล็บของแมว เมื่อมันหนีไปแล้ว มันจะถูกจับและทรมานอีกหนึ่งครั้ง เมื่อมันหนีมันจะถูกจับและถูกทรมานอีกครั้งและต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าแมวจะทรมานหนูให้ล้มลงตายอย่างทรมานจน
ในฝ่ามือของลู่จิ้นยวนเธอไม่ใช่แค่หนูที่ถูกทรมานจากการเล่น!
ในระหว่างวันเขาแสร้งทำเป็นว่าลู่จิ้นยวนที่พูดอย่างเย็นชาและในตอนกลางคืนเขาแกล้งทำเป็นผู้ชายที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับตระกูลลู่เพื่อแกล้งเธอและให้ความหวังกับเธอ
เป้าหมายของเขาคืออยากทรมานเธอที่เธอทำร้ายเขาในปีนั้นเหรอ
“คุณอยากให้ฉันตายยังไงฉันก็เชื่อฟังคุณ ทำไมคุณต้องทรมานฉันขนาดนี้ ทำให้ฉันกลัวมากในทุกวัน!”
“ในเมื่อเธอรู้ความจริงแล้ว ฉันก็จะไม่ปิดบังเธออีก ใช่ เธอคือของเล่นในกำมือฉัน เพราะฉันเกลียดเธอ จึงไม่อยากให้เธอมีความสุข สิ่งที่เธอทำลายไม่ใช่แค่สามปีของฉัน แต่สิ่งที่ฉันเสียไปในสามปีที่ผ่านมา ถ้าฉันไม่เอาคืนจากเธอ ฉันจะรู้สึกมีความสุขได้ยังไง”
ลู่จิ้นยวนปล่อยมือจากคอของเธอ แล้วจับไหลเธอแทน “เอาเธอออกมาจากคุกได้ ฉันจะปล่อยให้เธอตายง่ายๆได้ยังไง ไม่ต้องห่วง ต่อจากนี้ไป ฉันจะทำให้เธอมีชีวิตอยู่ไม่ต่างจากตาย”
เขาผลักเธอออกอย่างรุนแรง ความปรารถนาของชายหนุ่มได้จางหายไปนานแล้ว และในการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันนี้ ชายหนุ่มลุกขึ้น เวินหนิงนอนขดตัวอยู่ใต้ผ้าห่มและร้องไห้อย่างทรมาน
เพราะคนที่เธอเชื่อใจที่สุดในโลก กลับเป็นคนโกหก
เธอแทบจะไร้เดียงสาจริงๆที่อยากจะมอบความไว้วางใจให้กับเขาและต้องการที่จะพึ่งพาเขา!
ช่างหน้าขำจริงๆ เธอเกือบจะรู้สึกดีกับศัตรูของตัวเอง
…………………………….
ไม่กี่วันต่อมา
เวินหนิงก็ได้รับโทรศัพท์จากสถานีโรงพักว่าหลิวลี่ลี่ถูกจับ
ถ้าเธอไม่ฟ้อง หลิวลี่ลี่ก็จะถูกปล่อยตัวออกมา
“ยังไงก็ควรให้บทเรียนกับเธอ ฉันก็คงไม่ค้าน”
เวินหนิงเปลี่ยนความรับผิดชอบทั้งหมดให้เป็นของลู่จิ้นยวน เหมือนลูกไก่ในกำมือ
ทางสถานีก็ตอบรับทันที หลังจากนั้นก็มีโทรไปตระกูลเวิน บอกว่าพวกเราเตรียมฟ้องหลิวลี่ลี่แล้ว
“นังเด็กคนนี้!” เวินฉีโมที่รับรู้เรื่องนี้ แน่นอนว่าถูกจ้าวหย่าหลินหลอกเข้าให้
คำให้การของจ้าวหย่าหลินในวันนั้น กลายเป็นตอนที่เธอกับหลิวลี่ลี่กำลังซื้อของก็เจอกับเวินหนิง เธอไม่เพียงแค่แย่งของที่ซื้อ แต่ยังเป็นฝ่ายเริ่มตีก่อน
จากนั้นก็อาศัยคนมีอำนาจให้หลิวลี่ลี่ถูกขังเอาไว้
“วันนั้นฉันเห็นยัยจิ้งจอกนั่นยังหน้าแดงตาแดงอยู่เลย เธอคงไม่ใช่เอาอำนาจมาจากตระกูลลู่ใช่ไหม”
“ตระกูลลู่จะเอามาสนใจอะไรเธอ หน้าไม่อาย เธอกำลังดูถูกครอบครัวอยู่”
เวินฉีโม่โกรธมากที่ไม่สามารถปล่อยหลิวลี่ลี่ออกมาได้ ทำให้เขาเสียหน้า โดยเฉพาะตระกูลจ้าวที่พึ่งเขามาตลอด เรื่องนี้สร้างความอับอายและทำให้เขาโกรธมากยิ่งขึ้น
“อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เวินหนิงมีอำนาจของตระกูลลู่แล้ว คงไม่มีทางปล่อยหลิวลี่ลี่ออกมาแน่ เฮ้อ ต้องโทษฉันท่ตอนนั้นไม่อดทนเอง”
จ้าวหย่าหลินที่เห็นเวินฉีโม่ที่กำลังเดือดจัดก็เสแสร้งก้มหน้าเช็ดน้ำตาที่ไม่มีอยู่จริง ทำเหมือนว่าเธอน่าสงสาร
“จะทนทำไม เธอเป็นแม่ของเขานะ ตอนนี้ฉันจะโทรไปหานังตัวดีเพื่อสั่งสอนเสียหน่อย”
……
ไม่กี่วันที่ผ่านมา ลู่จิ้นยวนอยู่ข้างนอกตลอด ไม่ได้กลับมาบ้าน เวินหนิงก็ไม่รู้จะทำหน้ายังไงเวลาเจอ เธอไม่สามารถออกจากตระกูลลู่ได้ นับประสาอะไรกับผู้ชายคนนั้น รอบๆตัวเธอก็มีแต่ความอ่อนแอ
เวินหนิงเปิดคอมพิวเตอร์และค้นข้อมูล
ไป๋อี้อันที่โทรมาเมื่อกี้ว่าเธอจัดการงานให้เธออยู่ ถึงจะไม่ได้ยุ่งมากแต่เธอก็รู้สึกกังวล
เธอออกจากวงสังคมมาหลายปีเพราะเธอต้องทำงานเลี้ยงตัวเอง
ยังไงก็ตาม เพราะรอบตัวไม่มีคนที่น่าเชื่อถือได้ เธอก็ไม่แต่พึ่งตัวเอง ต้องมีสักวันที่เธอจะพาแม่ของเธอหนีไปให้ไกล
พอดีกับที่พยายามเลี่ยงโอกาสที่จะเจอกับลู่จิ้นยวน
เวินฉีโม่โทรเข้ามา เวินหนิงก็เข้ามาทำงาน
ไป๋อี้อันแนะนำให้เธอรู้จักกับบริษัทโฆษนาขนาดกลาง เพราะเป็นเด็กใหม่งานเลยยังไม่เยอะ หลักๆแค่ช่วยเพื่อนที่ทำงานจัดการเอกสารต่างๆ
จู่ๆก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เวินหนิงที่เห็นว่าเวินฉีโม่โทรเข้ามา เธอก็กดวางสายโดยไม่คิดอะไร
อีกด้านหนึ่ง เวินฉีโม่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟจนแทบจะปาโทรศัพท์ทิ้ง คิดว่าพอไปอยู่กับตระกูลลู่ เป็นคนรักฝั่งนู้นแล้วจะปีกกล้าขาแข็งสินะ
เสียงโทรศัพท์ที่ดังเข้ามาไม่หยุดจนคนอื่นเริ่มหันมามองทำให้เธอต้องโบกมือขอโทษแล้วปิดเสียงโทรศัพท์
จากนั้นไม่นาน เวินฉีโม่ก็หยุดไป
แต่หน้าจอก็สว่างขึ้นเนื่องจากมีข้อความเข้ามา
“แกไม่อยากรู้ว่าแม่แกเป็นยังไงใช่ไหม โทรกลับถ้ายังอยากรู้”
เวินหนิงที่เห็นข้อความก็รีบลุกขึ้นแล้วก้าวออกมา
เธอไม่เคยคิดมาก่อนว่าเวินฉีโม่จะหน้าไม่อายขนาดนี้ เอาเรื่องของแม่มาขู่เธอ แต่เธอก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากต้องฟังเขา
เวินหนิงเดินเข้าห้องน้ำจัดการล็อคประตูแล้วโทรหาเวินฉีโม่
เสียงดังขึ้นและโทรศัพท์ในมือเธอก็สั่น
“ทำไม พ่อคนนี้โทรไปทำไมไม่รับ?” เสียงที่ดูเย็นชาของเวินฉีโม่ทำเธอตัวสั่น
“ฉันแค่ไม่เห็น ประธานเวินคงไม่ได้โมโหเพราะเรื่องแค่นี้ใช่ไหม?” เวินหนิงพูดออกไป “แม่ของฉันมีอะไร?”
ตั้งแต่ตอนนั้นแม่ของเธอล้มป่วยอยู่บนเตียงเพราะความโกรธเธอ หลังจากนั้นเวินหนิงก็ไม่ได้เห็นหน้าเธออีกเลย
พอออกมาจากห้องขัง ไม่ใช่ว่าไม่อยากไปหา แต่ไม่รู้จะเริ่มหาจากไหน โรงพยาบาลในเมืองนี้เธอก็โทรไปถามมาหมดแล้ว แต่ก็ไม่มี
เพราะตระกูลเวินไม่อยากให้เธอได้เจอกับแม่ของเธอ