ขณะที่ลู่จิ้นยวนอยู่บนเครื่องบินและกำลังหลับอย่างสะลึมสะลือก็ได้เข้าสู่ห้วงแห่งความฝันไป
ในความฝันนั้น เขาได้เจอกับเวินหนิง
เธอนั่งอยู่ในห้องที่สะอาดสะอ้านมากห้องหนึ่ง ในอ้อมอกของเธอกำลังโอบอุ้มทารกที่พึ่งคลอดอยู่ แล้วหันมาส่งรอยยิ้มให้กับเขา รอยยิ้มนั้นช่างดูบริสุทธิ์ราวกับเทพธิดา
ลู่จิ้นยวนเดินเข้าไปหาด้วยฝีเท้าที่แผ่วเบา เวินหนิงก็เอ่ยพูดกับเขาว่า “เด็กคนนี้เป็นลูกของคุณ เป็นลูกของพวกเรา”
ขณะที่ลู่จิ้นยวนคิดจะยื่นมือไปรับเด็กที่อยู่ในอ้อมอกเธอมานั้น ภาพที่อยู่เบื้องหน้าก็พลันมลายหายไป
ภาพเปลี่ยนกลายเป็นเวินหนิงนอนอยู่ในห้องคลอด ใต้ร่างของเธอนั้นเต็มไปด้วยเลือดสดสีแดงฉานเจิ่งนองไปทั่ว ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความโกรธแค้นแล้วจ้องเขม็งมองมาที่เขา “ลู่จิ้นยวน ฉันเกลียดคุณ เป็นเพราะคุณฉันถึงได้เป็นแบบนี้ ฉันเกลียดคุณ ทั้งชีวิตนี้ ชาตินี้ฉันจะไม่มีวันให้อภัยคุณเด็ดขาด!”
ฉากทั้งสองเหตุการณ์นี้มีความแตกต่างกันมากเลยทีเดียว แม้ว่าจะเป็นลู่จิ้นยวนก็ตาม แต่ก็อดที่จะตัวสั่นเทิ้มไปด้วยความกลัวไม่ได้ โดยเฉพาะน้ำเสียงของฝ่ายหญิงนั้นดูจริงจังมาก เต็มไปด้วยความเกลียดชังที่มีต่อเขา ข้นคลั่กเสียจนน่าสะอิดสะเอียน…….
ลู่จิ้นยวนเบิกตาโพล่งขึ้นมาทันที บนหน้าผากของเขาเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อที่เย็นเฉียบไหลรินลงมา
ทำไมถึงได้ฝันร้ายแบบนี้กันนะ
ลู่จิ้นยวนหอบหายใจหนัก ขณะนั้นเองแอร์โฮสเตสก็เดินเข้ามาหาเนื่องด้วยคำสั่งที่เขาได้ให้ไว้ “อีกไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงก็จะถึงแล้วค่ะ คุณลู่คะ…..ไม่ทราบว่านอนหลับไม่สบายหรือคะ”
ลู่จิ้นยวนโบกมือปัดให้เธอจากไปเสีย เขาจะไม่แสดงด้านที่อ่อนแอให้คนอื่นเห็นอีกโดยเด็ดขาด
เวินหนิง เธอเป็นอย่างไรบ้างนะ ที่ผ่านมานั้นลู่จิ้นยวนไม่ใช่คนที่จะเชื่อเรื่องโชคลางอะไรเลย แต่ถ้าหากว่าคนอันเป็นที่รักได้ประสบเข้ากับปัญหา ก็จะกลายเป็นคนหน้ามือตาบอดไปโดยปริยาย แม้ว่าจะเป็นลู่จิ้นยวนก็ตาม ก็ไม่มีข้อยกเว้นสำหรับเรื่องนี้
เธอไปเจอเข้ากับเรื่องอะไรหรือเปล่า
ลู่จิ้นยวนมองออกไปนอกหน้าต่าง ท้องฟ้าสีฟ้าอันปลอดโปร่งสวยงามไม่ได้ช่วยเยียวยาให้จิตใจของเขาผ่อนคลายลงเลยแม้แต่สักนิด แต่กลับยิ่งทำให้รู้สึกอึดอัดหนักยิ่งขึ้นไปเสียอีก…….
เวินหนิง เธอจะเป็นอะไรไม่ได้นะ ไม่อย่างนั้นล่ะก็ ฉันจะต้องเป็นบ้าเอาแน่ๆ……
………
หนึ่งชั่วโมงถัดมา เครื่องบินล่อนลงจอด ลู่จิ้นยวนรีบเปิดเครื่องโทรศัพท์ขึ้นมาทันที เขาก็เห็นสายโทรศัพท์ที่ไม่ได้รับจากเวินหนิงหนึ่งสาย โทรมาตอนที่เขานั่งอยู่บนเครื่องบิน เขาจึงไม่ได้รับ
ลู่จิ้นยวนรีบโทรกลับไปในทันที แต่ว่าก็ไม่มีคนรับสาย
เสียงสัญญาณโทรศัพท์จากปลายสายดังซ้ำไปมาอยู่อย่างนั้น ทำให้จิตใจของลู่จิ้นยวนด่ำดิ่งลงไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
เขามีลางสังหรณ์ว่า ได้เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเวินหนิงแล้ว……..
ขณะที่คิดนั้น ก็อดกลั้นความรู้สึกพลุ่งพล่านที่อยากจะทุบโทรศัพท์ให้แตกเป็นเสี่ยงๆ แล้วโทรหาบอดี้การ์ดที่ยังอยู่ที่นั่นแทน
เพราะว่าไม่อยากให้เวินหนิงรู้ว่าเขายังคงควบคุมชีวิตของเธออยู่ และก็ไม่อยากให้ตระกูลลู่ใช้โอกาสนี้ในการเอามาใช้ประโยชน์ได้อีก ลู่จิ้นยวนจึงให้อันเฉินกลับประเทศมาก่อน แล้วจ้างให้คนอื่นมาดูแลเวินหนิงแทน
“เวินหนิงล่ะ? ”
“คุณหนูเวินเป็นอะไรหรือครับ? ”
ตอนนี้ที่ต่างประเทศเป็นเวลากลางคืน เวลาจึงแตกต่างกันกับเวลาในประเทศอยู่ คนที่ถูกถามก็ราวกับถูกสาดเข้าด้วยน้ำเย็น พวกเขาคอยอยู่ดูจนเวินหนิงกลับเข้าบ้าน และพวกตนก็ได้กลับออกมาแล้ว
คนที่ลู่จิ้นยวนหามานั้น ล้วนแล้วแต่เป็นบอดี้การ์ดที่มีราคาสูงที่สุด ถึงขนาดที่ว่าบางคนเคยทำงานให้กับทางทหาร ปกติมักจะได้รับภารกิจให้ทำเรื่องอันตรายร้ายแรง นี่ให้มาปกป้องผู้หญิงเพียงคนเดียว สำหรับพวกเขาแล้วภารกิจนี้นั้นถือได้ว่าเป็นการขี่ช้างจับตั๊กแตน
ยิ่งประกอบกับวิถีชีวิตของเวินหนิงนั้นช่างเรียบง่ายธรรมดาสามัญ ก็เป็นเหมือนกับผู้หญิงท้องทั่วไป ทุกวันไปโรงพยาบาลแล้วก็กลับมาที่พักเป็นวงจรแบบนี้ พวกเขานึกไม่ออกเลยจริงๆ ว่าจะเกิดปัญหาอะไรขึ้นได้ ดังนั้น จึงค่อยๆ ผ่อนคลายความตื่นตัวนั้นลง ครั้งนี้กลับทิ้งความผิดพลาดครั้งใหญ่เอาไว้หนึ่งอย่าง ลืมที่จะทิ้งคนไว้อารักขาเธอที่หน้าประตูเสียหนึ่งคน
“คุณลู่ครับ พวกเราจะรีบไปตรวจสอบเดี๋ยวนี้ครับ”
ฉับพลันนั้นลู่จิ้นยวนถูกความโกรธครอบงำ ไปตรวจสอบ เขาพูดอย่างชัดเจนเอาไว้แล้วให้พวกเขาส่งคนไปดูเวินหนิงตลอด 24 ชั่วโมง ดูแลเธอให้ปลอดภัยดี ผลลัพท์กลายเป็นว่าคนพวกนี้ทำตัวขายผ้าเอาหน้ารอดแบบนี้เนี่ยนะ
“ถ้าหากว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเธอ พวกแกทุกคนต้องรับผิดชอบเรื่องนี้ ห้ามคิดหนีแม้แต่คนเดียว”
สีหน้าของลู่จิ้นยวนขรึมขึ้นจนถึงขีดสุด เขาซื้อตั๋วเครื่องบินบินกลับไปในทันทีโดยไม่แม้แต่จะคิด ตอนนี้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น เขาจะไปมีอารมณ์มาเอ้อระเหยสบายอารมณ์อะไรที่นี่ เขาอดไม่ได้ที่จะต้องบินกลับไปเลยทันที
แต่ ขณะที่กำลังจะไปซื้อตั๋ว รถของตระกูลลู่ก็มาถึงแล้ว
ครั้งนี้ กลับเป็นนายท่านลู่และมู่เยียนหรานที่เป็นคนมารับเขา
“จิ้นยวน ในที่สุดก็กลับมาได้สักทีนะ เรื่องที่ต่างประเทศราบรื่นดีไหม”
“ท่านปู่ ดูสิคะว่าสีหน้าของจิ้นยวนไม่สู้ดีเลย น่าจะเพราะนั่งเครื่องมาก็เหนื่อยมากแล้ว อย่าไปถามเรื่องแบบนี้เลยเถอะค่ะ”
มู่เยียนมองไปปราดเดียวก็เห็นถึงดวงตาอันโหลช้ำของลู่จิ้นยวน แม้ว่านี่จะไม่ได้ส่งผลกระทบต่อรูปโฉมอันงดงามของเขา แต่สุดท้ายก็ยังคงทำให้เธอรู้สึกเจ็บปวดใจ ด้วยเหตุนี้จึงเอ่ยปากออกไปอย่างชาญฉลาดเต็มไปด้วยเสน่ห์มารยา
แน่นอนว่านี่ก็เพื่อเป็นการแสดงให้เห็นถึงความใส่ใจที่มีต่อลู่จิ้นยวน
นายท่านลู่เองก็ได้รับผลประโยชน์จากท่าทีเธอที่เป็นเช่นนี้ เมื่อเห็นดังว่าก็หัวเราะออกมาเสียงดังไม่กี่ที “เธอพูดถูก เด็กผู้หญิงนี่ละเอียดอ่อนจริงนะ คนแก่แบบฉันไม่ได้ใส่ใจอะไรขนาดนั้น ขึ้นมาเถอะ จิ้นยวน เรื่องงานเรื่องการก็ปล่อยเอาไว้ก่อน กลับบ้านไปพักผ่อนสักหน่อย เตรียมอาหารต้อนรับการกลับมาไว้ให้แล้ว”
“ท่านปู่ครับ ผม…….”
ลู่จิ้นยวนดูท่าทีของท่านปู่ ริมฝีปากเผยอขยับขึ้น “เมื่อสักครู่จู่ๆ ทางฝ่ายต่างประเทศรายงานมาว่าเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินขึ้นที่ทางนั้นครับ ผมจำเป็นที่จะต้องกลับไป”
“ไร้สาระ! ”
นายท่านลู่ได้ยินคำดังว่าก็ตะโกนออกมาเสียงดัง “แกพึ่งจะกลับมาถึง ก็จะกลับไปอีกแล้ว แกนึกว่าร่างกายของแกทำมากจากเหล็กกล้าหรืออย่างไร ตอนนี้กลับบ้านไปกับปู่ก่อน แกดูตัวแกเองสะก่อน หน้าตาดูซีดเซียวจนจะตายแล้ว วันนี้ลู่กรุ๊ปขาดแกไปสักคนองค์กรมันจะทำงานกันไม่ได้เลยหรือไง รีบขึ้นรถมาเดี๋ยวนี้ กลับบ้าน!”
“ท่านปู่ เป็นเรื่องเร่งด่วน ผมจำเป็น…..”
ลู่จิ้นยวนจะวางใจเรื่องที่อยู่ทางนั้นได้อย่างไรกัน เมื่อเห็นว่านายท่านลู่ยังไม่ยอมเห็นด้วยก็พูดขึ้นมาว่า “ฉันไปก่อนนะ เยียนหราน ฝากเธอดูแลท่านปู่ดีๆ ด้วย”
พูดเสร็จก็หมุนตัวหันหลังเดินกลับไป เขาต้องแข่งกับเวลา ทางฝั่งนั้นไม่มีเขาอยู่ดูแล เขาก็กังวลว่าคนพวกนั้นจะไม่ตั้งใจลงแรงทำงาน ไม่ตามหาเวินหนิงให้ดีๆ
“ไอ้เวร!” เมื่อเห็นว่าลู่จิ้นยวนหันหลังเดินจากไปจริงๆ นายท่านลู่ก็โกรธเสียจนตะคอกออกมาอย่างแรง เรื่องงานหมั้นก็จะมาถึงในอีกไม่กี่วันนี้แล้ว ตอนนี้เขาจากไปแล้ว แล้วทางฝั่งนี้จะจัดการได้อย่างไรกันล่ะ
“ไปลากมันกลับมา ไม่ต้องเกรงใจ! ”
นายท่านลู่หันไปออกคำสั่งกับบอดี้การ์ดที่อยู่ในรถทางด้านหลัง ทันใดนั้นก็มีชายร่างยักษ์หลายคนลงมาจากรถ แล้วตามหลังของลู่จิ้นยวนไป “คุณชาย นายท่านลู่ได้ออกคำสั่งมาแล้วครับ ไม่ว่าจะเป็นยังไงก็ต้องพาท่านกลับไปให้ได้ครับ! ”
“หรือว่าพวกแกคิดว่าจะจัดการฉันได้จริงๆ” ลู่จิ้นยวนไม่มีความอดทนพอที่จะเสียเวลาไปกับพวกเขา มีท่าทีดุร้ายเกรี้ยวกราดขึ้นมามากเลยทีเดียว
ตอนนี้ ใครคิดที่จะขวางทางเขาเอาไว้ เขาก็จะทำให้พินาศราบเป็นหน้ากลองอย่างไม่เกรงใจแม้แต่นิดเดียว
“ก็คงมีแต่ต้องทำแบบนี้แล้วครับ”
ทันทีที่สิ้นเสียงลง คนหลายคนก็พากันพุ่งเข้าใส่ลู่จิ้นยวน พวกเขาไม่กล้าที่จะใช้แรงเต็มกำลัง แต่ก็ล้วนแต่ผ่านการฝึกฝนมา ประกอบกับการโจมตีประสานกันเป็นกลุ่ม จึงจับแขนขาของลู่จิ้นยวนเอาไว้ได้อย่างรวดเร็ว ควบคุมตัวเขาเอาไว้ได้อย่างแน่นหนา
ลู่จิ้นยวนไม่คาดคิดว่าท่านปู่จะโหดร้ายเช่นนี้ ถูกคนกดจับเอาไว้อยู่ ดิ้นขัดขืนอย่างไรก็ไม่หลุดออก ดวงตาจึงแดงก่ำขึ้นมา
บอดี้การ์ดช่วยกันพาลู่จิ้นยวนให้ขึ้นรถของตระกูลลู่ไป นายท่านลู่ถึงพึ่งจะเปิดปากขึ้นมา “จิ้นยวน กลับไปถึงแล้ว ก็อย่าคิดที่จะหนีไปไหน ฉันที่เป็นปู่ของแกเข้าใจตัวแกดีนะ”
นายท่านลู่ตั้งใจพาคนที่ผ่านการฝึกฝนมาด้วยหลายคนเป็นพิเศษ ทั้งนี้ก็เพื่อป้องกันเขาที่จู่ๆ ไม่คิดที่อยากจะหมั้น หรือสถานการณ์ที่เขาคิดจะหนี ไม่คิดเลยว่าที่เตรียมมานั้นจะได้ใช้การขึ้นมาจริงๆ
“แกเองก็กลับบ้านไปอย่างสบายใจเถอะ เยียนหรานน่ะลำบากมากเลยรู้ไหม ห่วงหน้าพะวงหลัง ยุ่งมาโดยตลอดเลย”