ความสวยงามของมู่เยียนหราน ไร้ค่ามากในสายตาลู่จิ้นยวน
เขามองไปที่เธออย่างเย็นชา ไม่เหมือนกับว่ามองผู้หญิงที่จะใช้ชีวิตหลังจากนี้ไปกับเขาด้วยกัน แต่เหมือนมองสิ่งของอะไรบางอย่างที่ไร้ค่าอย่างนั้น
สายตาแบบนี้ ก็ทำให้มู่เยียนหรานไม่สบายใจ แต่ว่า เรื่องแบบนี้ เธอจะพูดออกไปไม่ได้ แต่กลับต้องหักห้ามความไม่สบายในใจไว้ ฝืนยิ้มเดินไปหาคล้องแขนลู่จิ้นยวนไว้ “งานจะเริ่มแล้ว เราไปกันเถอะ”
ช่วงวินาทีที่ถูกเธอแตะ ลู่จิ้นยวนก็มีความคิดที่อยากจะสะบัดเธอทิ้ง แต่ว่ามองเห็นนักข่าวที่เอาแต่ถ่ายรูปกับเย่หวานจิ้งที่ยืนอยู่ข้างหลังเขา เขาก็หักห้ามใจไว้แล้วเดินก้าวไปท่ามกลางผู้คน
“มู่เยียนหราน วันนั้นเธอเป็นคนยุ่งกับโทรศัพท์ของฉัน?”
ลู่จิ้นยวนแค่คิดก็เดาได้ว่าใครจะทำอะไรที่ไร้สาระแบบนี้ กับมู่เยียนหราน นอกจากจะไร้ความรู้สึกด้วย ยังมีความรังเกียจเพิ่มมากไปอีก
ตั้งแต่เมื่อไหร่กันผู้หญิงที่ดูเป็นผู้ดีมีเมตตาในสายตาเขา กลับกลายเป็นแบบนี้
“นายกำลังพูดอะไร? ฉัน……ไม่รู้เรื่อง”
มู่เยียนหรานต้องรู้อยู่แล้วว่าเขาพูดถึงอะไร แต่ว่า ก็ยังเสแสร้งทำตัวไม่รู้เรื่อง เหมือนว่าเธอไม่เข้าใจในสิ่งที่ลู่จิ้นยวนพูดอย่างนั้น
“เรื่องนี้ เธอรู้ดีแก่ใจ”
ลู่จิ้นยวนมองเห็นความร้อนตัวในสายตาเธอ ในใจก็แน่ใจไปกว่าเดิมว่ามู่เยียนหรานต้องทำที่สกปรกลับหลังเขามาไม่น้อยแน่นอน
ผู้หญิงแบบนี้ เป็นคู่ครองที่ตระกูลลู่ แล้วก็คุณแม่เลือกให้เขา?
แต่สุดท้าย ก็เพื่อแค่ผลประโยชน์ระหว่างตระกูลก็เท่านั้น
“จิ้นยวน นายมองฉันในแง่ร้ายเกินไป ฉันไม่ได้……”
มู่เยียนหรานอยากจะอธิบาย แต่ลู่จิ้นยวนก็โบกมือ “ไม่ต้องอธิบาย ฉันไม่อยากฟัง”
“แต่ว่า ฉันบอกเธอไว้ได้เลย เธออยากเป็นภรรยาของฉัน ได้ แต่ว่าฉันจะไม่มีทางให้เธอในสิ่งที่เธอต้องการแน่นอน ในอนาคต ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอก็เป็นคนรนหาที่เอง!”
พอนึกได้ว่าเป็นเพราะการกระทำของผู้หญิงคนนี้ เลยทำให้เขาพลัดพรากจากเวินหนิง แล้วยังมีอันตรายต่อชีวิตเวินหนิงด้วย น้ำเสียงของลู่จิ้นยวนก็แฝงไปด้วยความเยือกเย็น
ร่างกายของมู่เยียนหรานทนไม่ได้จนสั่นไป ยังโชคดีชุดที่เธอใส่หนักมาก เลยกลบเกลื่อนปฏิกิริยาของเธอได้
สีหน้าของลู่จิ้นยวนเมื่อกี้ น่ากลัวมาก เธอไม่เคยเห็นเขาเป็นแบบนี้มาก่อนเลย เยือกเย็นมากโมโหมากเหมือนสัตว์ป่าที่หลุดจากกรงอย่างนั้น
อนาคตของเธอ จะเป็นยังไงกันแน่?
มีช่วงวินาทีหนึ่ง มู่เยียนหรานก็มีความคิดที่ว่าตัวเองพยายามทุกวิถีทางเพื่อที่จะได้แต่งงานกับลู่จิ้นยวนเป็นเรื่องที่ถูกหรือเรื่องที่ผิดกันแน่
ขณะที่เธอกำลังตกอยู่ในภวังค์ ลู่จิ้นยวนก็ดึงตัวเธอขึ้นไปบนเวที
มู่เยียนหรานพยายามสงบสติอารมณ์ตัวเอง เธอห้ามโป๊ะแตกเด็ดขาด เพราะนี่เป็นช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดในชีวิตเธอ เธอต้องสวย ต้องเพอร์เฟค
ว่าที่เจ้าบ่าวกับว่าที่เจ้าสาวกำลังรับคำอวยพรของผู้คนอยู่ แต่ทั้งสอกลับต่างมีเรื่องบางอย่างให้คิดมากในใจ จนกระทั่งแม้แต่วินาทีที่สบตากันอย่างหวานแหววก็ไม่มี
ความผิดปกตินี้ คนนอกอาจจะไม่รู้สึก พวกเขาเอาแต่ชมว่าทั้งสองคนเหมาะสมกันมาก แต่พ่อแม่ของมู่เยียนหรานก็เห็นว่ามีบางอย่างผิดปกติ
วันสำคัญของลูกสาวตัวเองแบบนี้ แต่ในตาไม่มีความสุขเลย รู้สึกผิดปกติมาก มองเห็นท่าทางของลูกเขยก็เยือกเย็นเหมือนกับภูเขาน้ำแข็ง
อนาคตพวกเขาสองคน จะใช้ชีวิตด้วยกันได้หรือเปล่า?
“คุณหญิงลู่คะ จิ้นยวนอารมณ์ไม่ดี……หรือเปล่าคะ?”
คุณแม่ของมู่เยียนหรานก็ไปตามหาเย่หวานจิ้ง อยู่ต่อหน้าผู้คนเยอะขนาดนี้ ท่าทางของลู่จิ้นยวนก็ยังเย็นชามาก ถ้าไม่มีคนดูแล อาจจะทำให้ลูกสาวตัวเองลำบากแน่นอน
ถึงแม้ความรุ่งเรืองของตระกูลมู่จะไม่เหมือนแต่ก่อนแล้ว มู่เยียนหรานแต่งงานกับลู่จิ้นยวนก็ถือว่าเป็นเรื่องที่มหัศจรรย์ แต่ยังไง ท่านที่เป็นคุณแม่ก็ไม่อยากเห็นลูกสาวตัวเองลำบาก
“วันนี้เขา……รู้สึกไม่ค่อยสบาย ไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ อีกหน่อยเขาต้องดีกับเยียนหรานแน่นอน ลูกชายฉัน ฉันเข้าใจดี เขาก็แค่ไม่ได้มีแฟนมานาน แล้วปกติก็ไม่ใกล้ชิดกับผู้หญิงด้วย ถ้าเวลาผ่านไปทุกอย่างก็จะดีขึ้นเองค่ะ”
เย่หวานจิ้งจับกระเป๋าในมือไว้แน่น ท่านก็ต้องรู้อยู่แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น ลู่จิ้นยวนแสดงท่าทางแบบนี้ ก็เหมือนว่ากำลังตกหน้าท่าน
แต่ว่า ตอนนี้มาถึงไหมช่วงที่สำคัญที่สุดในงานแล้ว ทุกคนกำลังมองอยู่ ท่านก็พูดอะไรไม่ได้ ก็เลยโยนความผิดนี้ไปให้เวินหนิงแทน
ถ้าไม่ใช่เพราะผู้หญิงคนนั้น……
สีหน้าเย่หวานจิ้งมีความเลือดเย็น ท่านไปตามหาช่างกล้องที่บันทึกเหตุการณ์ในงานหมั้น แล้วเอารูปภาพกับคลิปเสียงส่งไปให้คุณหมอที่ดูแลเวินหนิงอยู่บนเกาะ
“คุณผู้หญิง นี่คือ?”
บนเกาะนั้น ตอนนี้ยังเช้าอยู่ เวินหนิงเพิ่งตื่น แล้วคุณหมอก็กำลังวัดอุณหภูมิร่างกายให้เธอ
“เอาให้เธอดู” ความคิดของเย่หวานจิ้งง่ายมาก
ให้เวินหนิงดูว่าอะไรเป็นสิ่งที่เหมาะสมที่สุด แล้วให้เธอตัดใจซะ
“ทำแบบนี้จะ……”
คุณหมอรู้สึกว่าใจร้ายเกินไป ให้คนท้องมองเห็นพ่อของลูกตัวเองกำลังจะแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่น
“แกอยากจะพูดอะไร?”
เย่หวานจิ้งพูดอย่างเยือกเย็น “ถ้าแกรู้สึกสงสารอะไรเธอ ฉันก็ยินดีที่จะให้คนอื่นไปรับงานต่อจากแก”
ถ้าถูกตระกูลลู่หมายหัวไว้ อีกหน่อยคงหางานยากแน่นอน คุณหมอทำอะไรไม่ได้ ก็เลยเรียกคนรับใช้มาเปิดวิดีโอที่เย่หวานจิ้งส่งมาให้บนหน้าจอข้างนอก แบบนี้ ถ้าเวินหนิงไม่ออกมา เธอก็จะไม่เห็น
ก็จะไม่ทำให้เขารู้สึกผิดมากมายขนาดนั้น
“สีหน้าของคุณแปลกมาก”
เวินหนิงขมวดคิ้ว แล้วมองคุณหมอที่ยืนอยู่ต่อหน้า “หรือว่าเด็กมีปัญหาอะไรหรือเปล่า?”
กี่วันนี้ เวินหนิงไม่มีอะไรทำ ก็ทำได้แค่รักษาครรภ์อยู่ที่นี่ เธอคิดอยากจะหนี แต่สุดท้ายก็ไม่มีวิธีอะไรที่ทำได้เลย ก็เลยจำใจต้องอยู่ที่นี่ต่อ
เพราะฉะนั้น ตอนนี้เธอทุ่มแรงกายแรงใจทุกอย่างให้กับเด็ก กับเรื่องที่จะมีอันตรายต่อเด็ก เธอก็ใส่ใจมากกว่าสิ่งอื่น
“เปล่าครับ……เด็กแข็งแรงมาก คุณหนูไม่ต้องกังวลครับ”
คุณหมอพูดติดๆขัดๆ “วันนี้ ถ้าไม่มีเรื่องอะไร คุณก็อย่าออกไปดีกว่าครับ”
เวินหนิงยิ่งสงสัยไปกว่าเดิม ทุกวันเธอจะออกไปเดินเล่น นี่เป็นคำสั่งของคุณหมอ ถ้าเอาแต่นอนอยู่บนเตียงแบบนี้ ตอนคลอดก็อาจจะลำบาก
ทำไมวันนี้ ถึงผิดปกติ?
เวินหนิงรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ ทันใดนั้นข้างนอกก็มีเสียงบางอย่างที่ไม่เคยได้ยินลอยเข้ามา
นี่เป็นเกาะส่วนตัว ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ ไม่มีสัญญาณอินเตอร์เน็ต ชีวิตน่าเบื่อมาก ถึงแม้จะมีโรงหนังในเกาะเอง แต่เธอก็เคยได้ยินแค่เสียงดนตรีที่สบายหู สถานการณ์ข้างนอกตอนนี้ ดูแปลกมาก
ดูเหมือนว่า ยังมีเสียงคนพูดคุยกันอีก?