“ตอนนี้ก็ไม่มีอะไรมาก หลังจากนี้ก็ขึ้นอยู่ที่แก”
“เวินฉีโม่ อย่าหน้าด้านให้มาก!” เวินหนิงหงุดหงิด ตั้งแต่ต้นแม่เธอไม่เคยทำอะไรไม่ดีกับเขามาก่อน
ในตอนแรกเวินฉีโม่เป็นแค่คนที่ไม่มีอะไรเลย เขามาได้ไกลขนาดนี้ก็เพราะแม่ช่วยเขาทำงานดึกดื่นถึงมีบริษัทจนถึงทุกวันนี้
แต่ดูที่เขาตอบแทนแม่สิ เหมือนวัวลืมตีน หลอกลูกของเธอจนได้เข้าคุก พอเธอล้มป่วยก็เอามาขู่ลูกสาวเธออีก
“เวินหนิง ระวังไว้ว่ากำลังพูดกับใคร ผ่านมาหลายปีแกสะกดคำว่ามารยาทไม่เป็นแล้วเหรอ”
“มารยาทงั้นเหรอ นั่นมีไว้สำหรับคน สิ่งที่ไม่ใช่คนก็ไม่จำเป็น” เวินหนิงกำหมัดแน่น อยากจะเข้าไปต่อยหน้าให้ได้
“เวินหนิง ฉันจะเตือนแกเป็นครั้งสุดท้าย อย่ามาพูดจาไร้สาระ ถ้าแกไม่รู้จักมารยาท คืนนี้ก็มาที่บ้าน ฉันจะสั่งสอนให้ดีเอง ถ้าไม่มา ก็รับผลที่จะตามมาให้ได้ล่ะ”
เวินฉีโม่พูดอย่างเย็นชาก่อนตัดสายไป
เวินหนิงพอได้ยินเสียงตัดไปก็อยากจะรีบไปหยิบมีดเพื่อไปฆ่าคน
ยังไงก็ตาม แม่กับเขาก็เป็นสามีภรรยากันมากว่าสิบปีแล้ว ก็เหมือนเลี้ยงสัตว์ ก็ต้องดูอารมณ์มันด้วย แต่เขากับเอาเรื่องที่แม่ล้มป่วยมาเป็นเรื่องต่อรองได้
ไม่ว่าจะโกรธ จะเกลียดแค่ไหน แต่พอถึงเวลาเลิกงาน เวินหนิงก็ต้องทำตามที่เวินฉีโม่พูด
ไม่มีที่ให้เธอสามารถขัดขืนได้
พอถึงบ้านตระกูลเวิน เวินหนิงก็รออยู่นานก่อนที่จะได้รับอนุญาตให้เข้าไป
เธอคิดว่า นี่คือการแก้แค้นของเวินฉีโม่
“ทำไม เรียนรู้การพูดจารึยัง” เวินฉีโม่ยืนอยู่บนขั้นบันไดมองมาที่เธอ
เวินหนิงไม่ได้พูดอะไร “เรียกให้ฉันมาคงจะไม่ใช่เพราะเรื่องนี้ใช่ไหม”
ระหว่างทางมา เธอเตรียมใจมาแล้ว ไม่ว่าเวินฉีโม่จะพูดอะไร เธอต้องอดทน และทำให้เขาบอกเรื่องเกี่ยวกับแม่ให้ได้มากที่สุด
“แกต้องยกฟ้องหลิวลี่ลี่”
เวินหนิงบีบมือตัวเองแน่น
“หลิวลี่ลี่โดนขังก็เพราะใส่ร้ายว่าฉันขโมยของ ฉันไม่ได้บอกทนายให้ฟ้องเธอสักหน่อย เรื่องนี้ คุณมาพูดกับฉันก็ไม่มีประโยชน์”
หลิวลี่ลี่รังแกฉันไม่ใช่ครั้งสองครั้ง ยังไงเวินหนิงก็ไม่อยากปล่อยเธอ
เวินฉีโม่ครุ่นคิดสักพักก็รู้ว่าลู่จิ้นยวนฟื้นขึ้นมาแล้วแต่ตระกูลยังไม่ได้ประกาศออกไป เรื่องของหลิวลี่ลี่คงยาก เพราะลู่จิ้วยวนช่วยเธอ
“เวินหนิง ฉันรู้แกใช้อำนาจตะกูลลู่ แต่ไม่ส่องกระจกหน่อยเหรอ ตระกูลลู่เนี่ยนะจะแต่งงานกับผู้หญิงแบบนี้ อย่างกับหมา หน้าไม่อาย”
หมางั้นเหรอ?
เวินหนิงรู้สึกว่าชั่งไร้สาระ มีพ่อที่ไหนพูดกับลูกสาวแบบนี้ เธอเป็นหมา แล้วเขาล่ะ
ก็ไม่ใช่ว่าเป็นหมาที่แก่ใกล้ตายงั้นเหรอ
เรื่องแบบนี้ ฉันทำไม่ได้ เวินหนิงไม่มีอารมณ์จะเถียงด้วย
ปล่อยหลิวลี่ลี่ไปงั้นเหรอ ลืมไปได้เลย
“ลูกพี่ลูกน้องแกยังไม่ได้แต่งาน แกไปทำแบบนั้นไม่คิดถึงจิตใจเขาเหรอ ต่อไปเขาจะแต่งงานได้ยังไง”
เวินฉีโม่ขมวดคิ้ว
คำพูดของเขา ก็เหมือนเอาหัวใจเธอไปชาในธารน้ำแข็ง
คำพูดของเวินฉีโม่ดูจะเป็นห่วงแต่คนอื่น สนใจแต่คนอื่น ใครก็ได้ที่ไม่ใช่ลูกสาวตัวเอง
กลัวว่าเวินหนิงจะปฏิเสธเขาก็พูดเสริมอีก “แม่ของแกอยู่ต่างประเทศ มียาดีๆมากมายที่จะทำให้เธอดีขึ้น…เขาจะดีขึ้นหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับแก”
เวินหนิงรู้สึกเหมือนโดนทุบให้แหลกเป็นเสี่ยงๆ เธอที่กำหมัดแน่น ก็ปล่อยลงอย่างอ่อนแรง
เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าแม่ของเธออยู่ที่ไหนแล้วเธอจะทำยังไงได้
“ฉันปล่อยเขา คุณก็ต้องบอกว่าแม่อยู่ที่ไหน” จากนั้นเวินหนิงก็เลยหน้าขึ้น นัยน์ตาแดงก่ำ
“อย่ามาต่อรอง แกไม่มีสิทธิ์นั้น” เวินฉีโม่ปฏิเสธโดยไม่ต้องคิด
นิสัยของเวินหนิงก็เหมือนระเบิดเวลา เขาต้องกุมจุดอ่อนเธอเอาไว้เพื่อความสบายใจ
พอถูกปฏิเสธ เธอก็ไม่ได้พูดอะไร บ้านที่เคยคุ้นเคยก็ดูน่าอึดอัดเข้าไปทุกที
เลยหันหลังเดินจากมาด้วยความเร็ว
เวินหนิงกลับถึงบ้านตระกูลลู่ ลู่จิ้นยวนไม่อยู่ ช่วงนี้ค่อนข้างยุ่ง บางทีก็ไม่ได้กลับแล้วพักอยู่ข้างนอก
ไม่อยู่ก็ดี
เวินหนิงเข้าห้องครัวเพื่อหาไวน์แดง แล้วกลับมาที่ห้อง ดื่มคนเดียวข้างหน้าต่าง
เธอไม่เคยดื่ม แต่วันนี้ที่ผ่านมาเธอรู้สึกไม่ดีและไม่รู้จะแก้ยังไงก็เลยเลือกใช้วิธีนี้ กะจะให้เมาแล้วหลับไป
เมื่อเธอย้อนคิดก็รู้สึกเหมือนจะเป็นบ้า
ลู่จิ้นยวนถึงบ้านก็ดึกแล้ว
ในที่สุดเขาก็จัดการโครงการเสร็จ เขารู้สึกเหนื่อยมาก
แต่พอเขาเปิดห้องนอนก็ได้กลิ่นแอลกอฮอล์โชยมา ใบหน้าฉายแววไม่พอใจพร้อมคิ้วที่ขมวดเป็นปม
เวินหนิงคิดว่าเขาไม่อยู่เลยจะทำอะไรก็ได้งั้นเหรอ?
เวินหนิงที่มีอาการมึนเมา เธอไม่ได้เป็นคนคอแข็ง ดื่มไปขวดเดียวก็เริ่มเวียนหัวและควบคุมร่างกายตัวเองไม่ได้ พอได้ยินเสียงก็ลุกขึ้นมา “ใครน่ะ?”
ลู่จิ้นยวนเหลือบมองเธอ เธอดื่มไปเท่าไร เวลานี้จะมีใครอีกที่จะเข้าห้องนี้มาได้
“นี่คุณดื่มไปเท่าไร” ชายคนนั้นดึงเน็คไทออกอย่างหมดความอดทน
ลู่จิ้นยวนเกลียดคนแบบนี้ ปกติก็ไม่ชอบคนที่เมาอยู่แล้ว พอเห็นว่าอีกคนกำลังเพ้อเจ้ออยู่ก็อยากจะโยนไปห้องพักแขก
แต่ยังไงก็ทำไม่ได้ เวินหนิงที่เดินโซเซเข้ามาเพื่อหวังดูให้ชัดว่าอีกคนคือใคร
ลู่จิ้นยวนมองเสื้อผ้าของเธอที่ดูหลุดหลวมจากการเคลื่อนไหวของเธอก็ได้แต่กลืนน้ำลาย
ยังไงเขาก็ไม่คิดจะฉวยโอกาสทำอะไรกับผู้หญิงที่ไม่มีสติ
คิดได้อย่างนั้นลู่จิ้นยวนก็หันหลังจะเดินจากไป คืนนี้เขาคงต้องนอนห้องพักแขก
“หยุดนะ!” เวินหนิงเข้าใจผิดคิดว่าเขาคือเวินฉีโม่ เธอวิ่งไปขวางแล้วถามด้วยน้ำตา “ทำไมถึงทำกับฉันแบบนี้ ในสายตาคุณฉันไม่ใช่คนเหรอ ต้องทำยังไงคุณถึงจะปล่อยฉันไป คุณพูดมาสิ!”
เวินหนิงร้องไห้ออกมา และนี่เป็นครั้งแรกที่ลู่จิ้นยวนเห็น เขาทั้งประหลาดใจและทนไม่ได้
เขาคิดว่าคนที่เข้มแข็งแบบเธอจะร้องไห้ไม่เป็น แต่เธอก็คงมีเวลาอ่อนแอเหมือนกัน
“คุณเมาแล้ว ตื่นแล้วค่อยมาคุยกัน”
ชายคนนั้นผละมือออก เวินหนิงที่จะตามไปแต่สะดุดขาตัวเองจนล้มทับร่างของลู่จิ้นยวน
การกระตุ้นแบบนั้นทำให้ลู่จิ้นยวนแทบหยุดหายใจและที่แย่ไปกว่านั้นคือเวินหนิงไม่รู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไร