“ถ้าจำเป็น อาจจะต้องตัดมดลูกเธอออก……”
ขณะที่ทุกคนกำลังกระวนกระวาย ก็มีคนเอ่ยเสนอ
“ไม่……แบบนี้……” คุณหมอก้มหน้าลงไป เมื่อกี้เขาให้เลือดเวินหนิงแล้ว แต่ก็ไม่ค่อยดีขึ้นเลย
มองเห็นใบหน้าใต้หน้ากากออกซิเจน เขาก็รู้สึกไม่สบายใจมากกว่าเดิม
ยังไงก็เป็นคนที่อยู่ร่วมกันมานาน ให้เขาเห็นผู้หญิงคนนี้เสียลูกไป แล้วยังต้องตัดมดลูกอีก เขา……ทำไม่ลงจริงๆ!
“เดี๋ยวผมจะติดต่อตระกูลลู่ ให้เอาเฮลิคอปเตอร์มารับตัวเธอไปจากที่นี่!”
นี่เป็นวิธีเดียวที่จะไปจากที่นี่ได้เร็วที่สุด ก่อนที่เลือดที่นี่จะใช้หมด ไปโรงพยาบาลที่มีเลือด ถึงจะช่วยชีวิตเธอได้
……
พอเย่หวานจิ้งได้ข่าวจากเกาะว่าเด็กคลอดแล้ว ก็จะรีบไปสังเกตสถานการณ์ที่นั่นทันที
เพราะยังไงก็เป็นหลานคนแรกของท่าน ที่บอกว่าไม่สนใจ ก็แค่โกหก
พอจะขึ้นเครื่องบินส่วนตัว ทางนู้นก็โทรมาหา
ใจเย่หวานจิ้งเกร็งทันที “เป็นอะไร เด็กเป็นอะไรงั้นเหรอ?”
“คุณชายน้อยแข็งแรง ปลอดภัยครับ แต่ว่าคุณหนูเวิน……เธอตกเลือดหลังคลอด ต้องส่งตัวไปให้เลือดรักษาตัวที่โรงพยาบาลครับ!”
“อะไรนะ?”
เย่หวานจิ้งลังเลไป รู้ว่าเด็กไม่เป็นอะไร ท่านก็โล่งอกไป แต่พอได้ยินว่าจะส่งตัวเวินหนิงไปรักษาที่โรงพยาบาล ท่านก็ขมวดคิ้วเข้ม
“ไม่มีวิธีอื่นแล้วเหรอ?”
ยังไงเวินหนิงก็เป็นคนที่ท่านขังไว้ที่นั่น ถ้าอยู่บนเกาะนั้น ก็มีแต่คนของตระกูลลู่ ไม่มีใครปากโป้งแน่นอน ถ้าไปข้างนอก จะเกิดอะไรขึ้นหรือเปล่าก็ไม่รู้
ท่านไม่อยากให้คนอื่นรู้เรื่องนี้ นี่จะทำให้ตระกูลลู่เสื่อมเสียชื่อเสียง
“ไม่มีวิธีอื่นครับ……นอกจาก……”
คุณหมอลังเลไป เขาไม่คิดเลยว่าผู้ดีอย่างเย่หวานจิ้งจะใจดำขนาดนี้ จะตัดมดลูกของเวินหนิงจริงเหรอ?
ลูกคนแรกของเธอก็ถูกตระกูลลู่แย่งไป อีกหน่อยแม้แต่สิทธิ์ที่จะให้เธอเป็นแม่คนก็ไม่ให้เหรอ?
“นอกจากอะไร? รีบพูดมาสิ!”
“นอกจาก ตัดมดลูกออก……”
เย่หวานจิ้งไม่ลังเลเลย “งั้นก็ตัดสิ! แกกำลังลังเลอะไร? ถ้าเธอถูกปล่อยตัวออกไป ไม่แน่อาจจะสร้างปัญหาอะไรให้ฉันก็ได้”
“แต่ว่า……”
คุณหมอลังเลไป
“ไม่มีแต่ว่า พยายามรักษาชีวิตไว้ ถ้าไม่ได้จริงๆก็ตัดออก เดี๋ยวฉันจะให้เงินชดเชยเธอเอง”
คุณหมอเงียบไปสักพัก สุดท้ายก็ตอบตกลง
เขาอดนึกถึงคำพูดของเฉินหนิงไม่ได้ เธอพูดว่า ตระกูลลู่ก็เป็นแบบนี้แหละ คิดว่าทุกคนที่นอกจากคนตระกูลลู่เป็นแค่เครื่องมือ เหมือนมดปลวกที่ไร้ค่า
พวกเขาบงการชีวิตคนอื่น แล้วไม่รู้สึกผิดอะไรด้วย
แต่ก่อน เขาไม่เชื่อ แต่ตอนนี้ เขาเชื่อแล้ว
คุณหมอเดินเข้าไป แล้วพับแขนเสื้อขึ้น “เจาะเลือดผม……ต้องรักษามดลูกของเธอไว้ ห้ามให้เธอ……หมดสิทธิ์ที่จะเป็นแม่คนอีก”
“แต่ว่าเมื่อกี้คุณให้เลือดไปแล้วนะคะ คงจะ……”
“ไม่เป็นไร เร็วหน่อย!”
พอเจาะเลือดเสร็จ คุณหมอก็เดินไปข้างเตียงเวินหนิง ชีวิตเธอตอนนี้ก็ยังอันตรายมาก
“คุณหนูเวิน ไม่รู้ว่าคุณจะได้ยินที่ผมพูดหรือเปล่า คุณต้องดีขึ้น ไม่งั้น……ความโกรธแค้นของคุณ ก็จะไม่มีใครรู้ ลูกของคุณ ก็จะเสียคุณแม่ไปด้วย……”
คุณหมอเหมือนนึกอะไรบางอย่างได้ จึงเดินไปที่ห้องเด็กอ่อน ซึ่งต่างจากห้องที่เต็มไปด้วยเลือดของเวินหนิงราวฟ้ากับเหว
เด็กอยู่ในตู้อบ มีคนรับใช้ล้อมอยู่ แต่เขากลับไม่หลับ ยังเอาแต่ร้องไห้เสียงดัง
“จะทำยังไงดี เด็กร้องไห้นานมากแล้ว ร้องจนเสียงแหบไปแล้ว!”
“จะให้เป็นแบบนี้ต่อไม่ได้!”
คนรับใช้ก็ทำอะไรไม่ได้กับเด็กที่กำลังร้องไห้ พวกเธอใช้ทุกวิถีทาง แต่ก็ไม่มีประโยชน์
“ส่งเขาให้ผม”
คุณหมอยื่นมือไปรับเด็กมา บนใบหน้าเขามีแต่น้ำตา หน้าย่นดูไม่ดีเลย
“หรือว่าหนูรู้ว่าคุณแม่กำลังตกอยู่ในอันตราย?”
คุณหมอปลอบไปสักพักก็ไม่มีประโยชน์ ก็เลยอุ้มเขาไปหาเวินหนิง
เขาคิดว่า ใจแม่ลูกคงสัมผัสถึงกันได้ หลังคลอดเวินหนิงอยากเห็นหน้าเด็กขนาดนั้น ไม่แน่เสียงของเด็กอาจจะทำให้เธอมีความต้องการที่จะมีชีวิตอยู่ต่อก็ได้
“ทำไมอุ้มคุณชายน้อยมาที่นี่!”
“ถ้าทำให้เขาตกใจจะทำยังไง รีบอุ้มเขากลับไปดีกว่า”
“ห้ามเกิดอะไรกับคุณชายน้อยเด็ดขาด……”
คุณหมอไม่สนว่าคนอื่นจะพูดยังไง แล้วเดินไป “เวินหนิง ลูกอยู่นี่แล้ว คุณรีบฟื้นสิ อย่างน้อย ก็ควรจะมีความปรารถนาที่อยากมีชีวิตรอด คุณฟังสิ เขากำลังร้องไห้!”
เวินหนิงหลับตาแน่น สติของเธอเลือนราง แต่ว่า ในหัวใจก็มีความเจ็บปวดมาเยือน จนเธอไม่สามารถจมลงไปในความมืดได้
ดูเหมือน จะมีเสียงเด็กร้องไห้อยู่ข้างหู
นั่น……เป็นลูกของเธอ?
เวินหนิงพยายามลืมตาขึ้นจากความเจ็บปวด แต่ก็มองเห็นอะไรไม่ชัดเลย เธอยังพยายามยื่นมือไปทางที่มีเสียงเด็กร้องไห้
“นี่เป็นลูกของคุณ……”
เหมือนได้ยินคุณแม่ เด็กก็ค่อยๆสงบลง ลืมตามองไปรอบๆ เวินหนิงไม่ได้ยินเสียงเขาร้องไห้ เลยคิดว่าเด็กถูกอุ้มไปอีกแล้ว “ลูกล่ะ? ให้ฉัน……ให้ฉันดูเขาหน่อย!”
ลูกที่เธอคลอดมาอย่างทุกข์ทรมาน ยังไม่ได้เห็นหน้าเขาเลย
“คุณอย่าเพิ่งดิ้น ที่ผมพาเขามา ก็แค่อยากจะบอกคุณว่า คุณห้ามยอมแพ้ คุณดูสิ เขาเห็นคุณก็หยุดร้องไห้เลย”
เวินหนิงพยายามเงยหน้ามองเด็กที่ถูกห่อตัวไว้อย่างดี เด็กที่เพิ่งคลอดหน้ายังย่นอยู่ ดูไม่ออกว่าหน้าตาเหมือนใคร แต่พอได้เห็น เธอก็รู้สึกพอใจมากแล้ว
นี่เป็นลูกของเธอ เธอตั้งครรภ์มาสิบเดือน แล้วคลอดเขาออกมา
ดวงตาทั้งสองข้างของเวินหนิงเปียก ความคิดที่อยากยอมแพ้หายไปทันที เธอยื่นมือไป ค่อยรู้ว่ามือตัวเองเต็มไปด้วยเลือด ไม่อยากทำให้หน้าลูกเปื้อน จึงลดมือลง
“นี่แม่เอง……หนูต้องจำคุณแม่ไว้นะ ต้องจำไว้นะ……”
เสียงเวินหนิงเบามาก แต่เด็กที่ถูกอุ้มไว้เหมือนจะเข้าใจ เลยยิ้มให้เธอ
ในใจเวินหนิงรู้สึกอบอุ่นทันที เธอจะตายที่นี่ไม่ได้ ลูกของเธอยังอยู่ เธอต้องทนให้ได้
พอเห็นว่าเวินหนิงไม่คิดสั้นอีก คุณหมอก็ให้คนมาอุ้มตัวเด็กออกไป
พอเขาเดินกลับมา ก็ได้ยินเสียงซุบซิบของคุณหมอทำคลอด
“สถานการณ์ของเธอแย่มาก!”
“เอาแต่ให้เลือดพยุงชีวิตไว้แบบนี้ ไม่มีประโยชน์เลย ถ้างั้น……”
“ยังไงก็เป็นความรับผิดชอบของตระกูลลู่ คงไม่ลามมาถึงหัวพวกเราหรอก”