“ท่านตัดสินใจแล้วกันค่ะ”
เย่หวานจิ้งกลับไม่ได้ใส่ใจชื่อของเด็กคนนี้มากนัก ในตอนที่รู้ว่านายท่านไม่ได้ให้เหอจื่ออันมาแบ่งผลประโยชน์ของตระกูลลู่ด้วย เธอถึงได้ถอนหายใจออกมายาวๆ
ไม่อย่างนั้นล่ะก็ เธอทำได้แค่เพียงต้องรีบคิดวิธีกำจัดสิ่งอันตรายนี้ออกไป
“ชื่อว่าลู่อันหรานแล้วกัน ในอนาคตเด็กคนนี้ก็ไม่ได้จำเป็นที่จะต้องมีหน้าที่การงานอะไรใหญ่โตมากมาย ชีวิตนี้ก็แค่ใช้ชีวิตอยู่อย่างเงียบ สงบ ปลอดภัยก็พอแล้ว”
“ค่ะ”
เย่หวานจิ้งมองเด็กทารกที่ถูกอุ้มโดยนายท่านเอาไว้ในอก แล้วพยักหน้า
……
เวินหนิงได้หลับไปนานมากๆ
ความอ่อนล้าของร่างกายก็ค่อยๆคลายไปจากการหลับที่ยาวนานนี้ แต่ในขณะเดียวกันนั้น เพราะว่าฤทธิ์ของยาชาที่ค่อยๆเสื่อมไป นั่นก็ยากเหมือนกันที่จะให้เธอหลับได้อย่างสบายตัว
ทั้งเนื้อทั้งตัวบนล่างเต็มไปด้วยความเจ็บปวด เหมือนกับว่าโดนใครแย่งกันเพื่อที่จะฉีกร่างออกแล้วก็โดนบังคับให้อยู่ติดกัน
“แค่กๆ…….”
เวินหนิงลืมตาขึ้น สูดลมหายใจเฮือกใหญ่เข้าไปทางปาก เห็นว่าภาพตรงหน้าไม่ใช่ภาพของสภานที่ที่ทำให้เธอนั้นหดหู่ ถึงได้ถอนหายใจออกมา
เมื่อกี้เธอยังมีความคิดที่นึกว่าตัวเองยังไม่ได้หนีออกมา
ยังดีที่ไม่ใช่เรื่องจริง เธอนั้นได้ออกมาจากเกาะร้างที่น่ากลัวนั่นแล้ว กลับมาอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริง
“คุณตื่นแล้วเหรอ?” เหอจื่ออันได้ยินเสียง ลุกขึ้นมาจากโซฟาที่อยู่ข้างๆ “รู้สึกยังไงบ้าง แผลบนตัวยังเจ็บอยู่ไหม?”
“ยัง….ยังดีอยู่ค่ะ……” เวินหนิงไม่ต้องการให้เหอจื่ออันเป็นห่วงเรื่องของเธอ ดังนั้นเลยส่ายหน้า มองเห็นรอยคล้ำใต้ตาของชายหนุ่ม นัยน์ตาของเธอก็สะท้อนความซาบซึ้งและรู้สึกผิดออกมา
“ขอโทษนะคะ รบกวนคุณ……อีกแล้ว”
เหอจื่ออันยิ้ม “รบกวนหรือไม่รบกวนอะไรกัน ไปช่วยชีวิตคุณคือเรื่องที่ผมยินดีครับ ต่อให้คุณไม่ถามหาผม ไม่ได้ข่าวคราวของคุณนานขนาดนี้ ก็ต้องออกไปตามหาคุณอยู่ดี”
ถึงแม้ว่าจะพูดออกมาแค่นี้ เวินหนิงกลับยังคงส่ายหน้าอยู่ดี “ไม่ค่ะ ฉันได้ยินหมดแล้วค่ะ เพื่อฉัน……จริงเหรอคะ ที่คุณไม่สามารถกลับไปที่จีนได้แล้ว?”
ข้อแลกเปลี่ยนที่เย่หวานจิ้งกับเหอจื่ออันพูดกันในตอนนั้น ถึงแม้ว่าเธอจะได้ยินไม่ชัดมาก แต่ก็ยังคงเข้าใจอยู่เรื่องหนึ่ง
เหอจื่ออันมาช่วยเธอ และเขาสูญเสียอะไรอะไรไปไม่น้อยเลย
บุญคุณในครั้งนี้ เธอทำได้แค่ทดเอาไว้ในใจ ในอนาคตมีโอกาสก็จะทดแทน
“ทางประเทศจีน ความจริงแล้วส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่องที่เพิ่งจะเริ่มต้นขึ้น ต่อให้ถอดใจไปก็ไม่เสียดายหรอกครับ สำหรับผมแล้ว ชีวิตของคุณสำคัญกว่าอะไรทั้งสิ้น คุณไม่เป็นอะไร ก็คุ้มค่าแล้ว”
เหอจื่ออันพูดออกมาทีละถ้อยทีละคำ เรื่องร้ายที่เวินหนิงเจอมาตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้ ล้วนมีความสัมพันธ์เกี่ยวกับเธอ ทั้งนั้น เพราะฉะนั้น เขามีส่วนรับผิดชอบแล้วก็มีสอนที่ต้องทำเพื่อการันตีความปลอดภัยของเธอ
แน่นอน ความรู้สึกของเขาที่มีต่อเธอ ก็ไม่ได้หยุดลงแค่ตรงนี้……
“ต่อจากนี้ไป คุณก็กลับไปประเทศจีนไม่ได้แล้วเหมือนกัน จากการจัดการของตระกูลลู่ คุณจะกลายเป็นคนที่เสียชีวิตไปแล้ว ผมจะจัดการหาตัวตนให้คุณใหม่”
เหอจื่ออันหยิบคอนตอนบัดขึ้นมา มาเช็ดริมฝีปากให้กับเวินหนิง ปากของเธอแตกเพราะว่าแห้ง แต่เพราะว่ารอยแผลยังไม่สมาน เลยใช้ได้แค่วิธีนี้เพื่อที่จะทำให้ชุ่มชื้นขึ้น ดื่มน้ำไม่ได้
เขากังวลว่าเวินหนิงจะไม่ยอมรับข้อต่อรองนี้ ยังไงเสีย นี่หมายถึงว่าจะต้องละทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างในอดีต กลายเป็นกระดาษสีขาว เริ่มต้นใหม่
เวินหนิงหลับตาลง เธอย้อนคิดถึงชีวิตยี่สิบกว่าปีที่ผ่านมาของเธอ ราวกับ มีเพียงแต่ความทรงจำมากมายที่ไม่อยากจะกลับไปมอง
เหมือนกับ ก็ไม่มีอะไรดีๆให้จดจำ……
ในหัว ภาพใบหน้าของลู่จิ้นยวนโผล่ขึ้นมาแล้วก็หายไป เวินหนิงเพียงแค่กำหมัดเอาไว้แน่น เพราะว่าการกระทำนี้มือที่เจ็บและล้า ถึงได้มีความรู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาเป็นระยะๆ
เธอลืมตาขึ้นด้วยความรวดเร็ว……
“ฉันเข้าใจแล้ว! เวินหนิงในอดีต ได้ตายไปแล้ว อย่างนี้ก็ดีเหมือนกัน”
เหอจื่ออันเห็นว่าเธอนั้นไม่ได้เสียใจมากนัก ก็สบายใจขึ้น หลังจากนั้น กลับมองเห็นความโกรธแค้นในตาของเธอ อดไม่ได้ที่จะเป็นห่วงขึ้นมา “คุณในตอนนี้อ่อนแอเกินไป อย่าคิดเรื่องแก้แค้นเอาคืนให้มาก เรื่องแบบนี้ ในอนาคตยังมีเวลาอีกมาก”
เวินหนิงพนักหน้า มองเหอจื่ออันอย่างแน่วแน่ “ฉันรู้แล้ว……”
ออกมาจากนรกได้ เธอนั้นได้เผชิญกับอะไรมากมายแล้ว ทั้งๆที่พัวพันอยู่กับลู่จิ้นยวนก็ไม่เป็นเวลาแค่เพียงปีกว่าๆ แต่เธอกลับรู้สึกว่าเหมือนใช้เวลามานานแล้วหนึ่งศตวรรษ
ชีวิตในช่วงนี้ เธอก็ควรจะจำเอาไว้บ้าง อนาคต เธอจะไม่มีทางโง่แบบนั้นอีก……
“จื่ออัน แล้วทางแม่ฉัน……”
เวินหนิงพูดเรื่องของตัวเองต่อเหอจื่ออันจบแล้ว ก็คิดถึงฝั่งแม่ขึ้นมาทันที
“วางใจเถอะ ผมส่งให้ไปรับเธอแล้ว ตอนนี้ อีกไม่นานคงใกล้ถึงแล้วแหละ”
เพิ่งจะพูดจบ ด้านนอกประตูก็มีเสียงล้อรถเข็นถูกับพื้นดังขึ้นมา
ไป๋หลินยวี่โดนลูกน้องของเหอจื่ออันนำตัวมา
หลังจากที่รออยู่ที่โรงพยาบาลอย่างสิ้นหวัง ไป๋หลินยวี่ถึงขนาดคิดว่าเวินหนิงอาจจะโดนฆ่าไปแล้วก็ได้ ทุกๆวัน เธอมักจะโดนความคิดความคาดเดาที่น่ากลัวประเดประดังเข้ามาทรมาน ร่างกายก็ผอมลงและอ่อนแอลงอย่างรวดเร็ว
และในตอนที่เธอกำลังจะรับไม่ไหว คนของเหอจื่ออันก็มา บอกว่าลูกสาวของเธอไม่เป็นอะไร ตอนนี้กำลังพักรักษาอยู่ในโรงพยาบาล
ไป๋หลินยวี่ก็เลยรีบรุดมา ขนาดที่ไม่ได้ถามว่าคนที่มาเป็นใครมาจากไหน ถ้าเกิดว่าเวินหนิงไม่อยู่แล้ว คนพิการแบบเธอมีชีวิตต่อไปจะมีประโยชน์อะไร?
“หนิงหนิง!?”
ไป๋หลินยวี่มองเห็นเวินหนิง ร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ รีบไถล้อรถเข็นไปด้านหน้า อยากจะมองลูกสาวของเธอ
“แม่!”
เวินหนิงเห็นว่าร่างกายของไป๋หลินยวี่ผอมลงมาก ใบหน้าที่ขาวซีดในตอนแรกตอนนี้กลายเป็นว่าไม่มีเนื้ออยู่เลย คิดแล้วก็คงเป็นเพราะว่าเป็นกังวลเรื่องเธอไม่น้อย ความเกลียดชังต่อตระกูลลู่ที่อยู่ภายในใจก็เพิ่มมากยิ่งขึ้น
“แกไม่เป็นไรใช่ไหม หนิงหนิง ช่วงที่ผ่านมา แกไม่รู้หรอกว่าฉันนั้นเป็นห่วงมากแค่ไหน…….”
ไป๋หลินยวี่กำมือของเวินหนิงเอาไว้แน่น ตอนนี้ถึงได้เห็นว่าบนมือนั้นมีรอยแผลต่างๆมากมาย มองแล้วรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก พอดูใหม่อีกครั้ง ท้องของเธอคือเคยนูนเด่นออกมาตอนเมื่อก่อนตอนนี้ก็กลับมาราบเรียบดังเดิม รู้ได้ทันทีว่า เด็กนั้นถูดคลอดออกมาแล้ว
ดวงตาของไป๋หลินยวี่วูบไหว เธอเหมือนกับว่า เดาอะไรบางอย่างได้
จากนิสัยของเวินหนิง ถ้าเกิดว่าเด็กอยู่ข้างๆตัว จะต้องรีบเอามาให้เธอดูเป็นแน่ ตอนนี้ไม่มี ก็บอกได้เพียงว่า เด็กนั้นถูกแย่งไปแล้ว
“แม่ หนูไม่เป็นไรค่ะ ไม่เป็นไร…….”
เวินหนิงเองก็ไม่รู้ว่าจะต้องพูดว่าอะไร เสียลูกไป ตอนนี้เหลือเพียงแผลเป็นไปทั่วร่างกาย เธอนั้นเหนื่อยมากๆแล้ว แต่ก็ไม่อยากให้แม่เป็นห่วง
เป็นเธอที่โง่เกินไป ใสซื่อเกินไป ถึงได้ถูกตระกูลลู่ใช้งานมาจนถึงตอนนี้
“ฉันรู้หมดแล้ว ไม่ใช่ความผิดของแก แกไม่ได้ผิดตรงไหนเลย……”
ไป๋หลินยวี่กอดเวินหนิงเอาไว้ พูดปลอบใจเธอ ภายในใจ ความเกลียดชังที่มีต่อตระกูลลู่ก็ซึมลึกมากขึ้น
นี่เป็นลูกสาวของเธอ ลูกสาวที่เธอประคบประหงม ถูกกระทำอย่างทารุณ เหมือนกับไม่ใช่คนๆนึง ความทรมาณทั่วไป ล้วนเป็นของตระกูลลู่!
“คุณน้า คุณน้ามาที่นี่เหนื่อยๆ พักก่อนเถอะครับ ร่างกายของเวินหนิงตอนนี้ยังไม่ทันจะหายดี ให้เธอได้พักผ่อนดีกว่า”
เหอจื่ออันเห็นว่าทั้งสองคนกำลังควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ ทำเอาปวดหัวโดยไม่รู้ตัว แถม เขายังมีเรื่องอีกนิดหน่อยที่จะต้องคุยกับไป๋หลินยวี่