ไป๋หลินยวี่พูดด้วยใบหน้าเฉยชา “ฉันจะพานายไปดูป้ายศพของเวินหนิง นายได้เห็นแล้วก็รีบไสหัวไปจากที่นี่ ฉันไม่อยากเห็นหน้าของนายอีก”
ลู่จิ้นยวนกำมือแน่น เป็นเพราะออกแรงเยอะจนเกินไป แขนจึงสั่นโดยไม่รู้ตัว “ป้ายศพ?”
ไป๋หลินยวี่หัวเราะเย็นชา เธอดันรถเข็น แล้วเอาที่อยู่ให้กับลู่จิ้นยวน บนนั้นเป็นสุสานแห่งหนึ่งที่ตำแหน่งอยู่ค่อนข้างไกล
ลู่จิ้นยวนมองดูสถานที่บนกระดาษ เขาแทบอยากที่จะฉีกสิ่งที่น่ารังเกียจนี้เป็นชิ้น ๆ เขารอมานานขนาดนี้ ไม่ใช่ว่าอยากจะรอข่าวแบบนี้…
เวินหนิงจะตายไปแล้ววจริง ๆ ได้ยังไง?
“ทำไม ไม่ใช่ว่านายพูดว่าอยากจะไปเหรอ?”
ไป๋หลินยวี่เห็นมือที่กำลังสั่นของลู่จิ้นยวน เธอไม่ได้เห็นใจเขา น้ำเสียงยังคงเย็นชา
ลู่จิ้นยวนกัดฟัน “คุณกำลังหลอกผม คุณไม่อยากให้ผมตามหาเธอ ตั้งใจหลอกผมใช่ไหมครับ?”
“ใช่หรือไม่ใช่ นายไปดูเองก็รู้แล้วไม่ใช่เหรอ?”
ไป๋หลินยวี่ไม่ได้พูดอะไรมากมาย ลู่จิ้นยวนกำพวงมาลัยรถไว้แน่น แล้วเหยียบคันเร่งอย่างแรง ความเร็วของรถพุ่งทะยานไปที่ความเร็วสูงสุด เขาขับรถมุ่งหน้าสู่จุดหมาย
เขาไม่เชื่อว่านี่คือเรื่องจริง…
แต่ท่าทางของไป๋หลินยวี่ ทำให้เขาจิตใจสับสน
ในชีวิตนี้นี่เป็นครั้งแรกที่ลู่จิ่นยวนขับรถไปยังสถานที่นั้นด้วยความเร็วที่เกือบจะตาย
เมื่อเห็นสุสานแห่งนั้น ลู่จิ้นยวนเหยียบเบรคอย่างแรง
เสียงเบรครถที่แสบหูดังขึ้น รถก็ยังไม่ได้หยุดในที่ หลังจากที่ลื่นออกไปสี่ห้าเมตร ในที่สุดก็หยุดลง เป็นเพราะว่าการเสียดสีที่รุนแรง แม้กระทั่งล้อรถก็มีควันลอยออกมา
ลู่จิ้นยวนไม่รอช้า เขาเปิดประตูรถออก รีบพุ่งไปยังสถานที่ที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายของความตาย
นี่เป็นสุสานสาธารณะที่ธรรมดาเป็นอย่างมาก ตอนนี้เป็นวันทำการจึงไม่มีคนมาสักการะ ดังนั้นจึงดูร้าง ไม่มีชีวิตชีวา มองดูแล้วบรรยากาศเงียบเหงา
ยามของสุสานเห็นรถหรูแล่นมา เขาต้อนรับอย่างประหม่า “ขอประทานโทษครับ คุณ…”
“ที่นี่มีหลุมศพของคนที่ชื่อเวินหนิงไหม?” ลู่จิ้นยวนดึงคอเสื้อของคนคนนั้นไว้ แล้วกัดฟันถาม
ยามคนนั้นถูกสายตาของลู่จิ้นยวนทำให้ตกใจ เขาคาดเดาได้ว่า ถ้าเพียงแค่เขาพยักหน้า ชายหนุ่มตรงหน้าจะต้องฉีกเขาออกเป็นชิ้น ๆ อย่างน่าหวาดกลัว
“เวินหนิง…ผม…จำได้ว่ามี…”
เพียงแต่เขาไม่กล้าโกหก ชายหนุ่มตรงหน้า ดูก็รู้ว่าผิดใจไม่ได้ฃ
ลู่จิ้นยวนได้ยินคำตอบที่เขาไม่อยากได้ยิน เขาทุ่มชายคนนี้ลงพื้นอย่างโมโห แล้วพุ่งเข้าไปในสุสานทันที เขามองไปที่รอบ ๆ หลุมศพพวกนั้น
บนนั้นมีรูปขาวดำอยู่ ให้ความรู้สึกเงียบสงัดหนาวเย็น ดูแล้วรู้สึกหดหู่
ลู่จิ้นยวนรู้สึกเหมือนหัวใจของตัวเองจมอยู่ในทะเลน้ำแข็ง เขาเดินผ่านหลุมฝังศพแต่ละหลุม แทบจะหายใจไม่ออก
ในที่สุดเขาเห็นใบหน้าที่คุ้นเคย
เป็นรูปขาวดำของเวินหนิง
ลู่จิ้นยวนมองดูรูปนั้น เหมือนถูกฟ้าผ่า ไม่สามารถขยับเขยื้อนได้
เวินหนิงในภาพนั้น ยังคงยิ้มอยู่ ดูเหมือนว่าจะเป็นรูปถ่ายติดบัตรสมัยที่เธอยังเป็นนักเรียน ยังไม่เคยประสบกับความทุกข์เหล่านั้น ยังมีความไร้เดียงสาในดวงตาของเธออยู่เล็กน้อย
รอยยิ้มแบบนั้น สวยเหมือนดอกลิลลี่ที่บานอย่างสงบสุข แต่รูปแบบนี้กลับถูกประทับบนป้ายศพของเธอ
ลู่จิ้นยวนตกตะลึง ไม่มีคำพูดใด ๆ แม้กระทั่งไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองอยู่ที่ไหน สติของเขาล่องลอย ยามคนเมื่อกี้เกรงว่าจะเกิดอะไรขึ้น จึงรีบเข็นไป๋หลินยวี่มา
จากนั้นก็เห็นท่าทางเย็นชาของชายหนุ่มคนนั้น ยืนอยู่ข้างหน้าป้ายหลุมศพ ใบหน้าที่ไร้ความรู้สึกราวกับรูปสลัก ไม่มีการขยับเขยื้อนใด ๆ
ไม่มีใครรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ และก็ไม่มีคนกล้าไปรบกวนเขา
ลู่จิ้นยวนคิดเยอะแยะมาก เดิมทีเขาคิดว่าเวลาที่เขาคบกับเวินหนิงไม่นานขนาดนั้น ความทรงจำระหว่างคนสองคน ไม่มีทางล้ำลึก
แต่ตอนนี้เขาเข้าใจแล้ว เขาผิดมหันต์
ปรากฎว่าหลาย ๆ อย่างประทับใจไม่รู้ลืม ไม่ใช่เป็นเพราะเวลายาวนาน แต่เป็นเพราะเป็นคนที่ใช่
ตอนนี้ในหัวของเขาเต็มไปด้วยผู้หญิงคนนั้น เธอที่เจอเขาในตอนแรก ตกใจกลัวแทบตายทุกครั้ง ดวงตาแดง ๆ ราวกับกระต่ายขี้กลัว
เธอถูกคนรังแก เมื่อตอนที่เห็นตนเอง ราวกับได้เห็นอัศวิน สายตาแบบนั้นที่ราวกับจับเชือกฟางช่วยชีวิตได้
หลังจากที่เธอตั้งครรภ์ อยากให้ตนเองเชื่อใจเธอ อยากให้ตนเองยอมรับลูกของเธอ ความหวังและความปรารถนาในดวงตา
แต่ละการกระทำ แต่ละเรื่อง เห็นได้ชัดว่ามันฉายซ้ำแล้วซ้ำเล่าต่อหน้าเขา
แถมยัง…เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่ละเรื่องในชีวิต เรื่องเล็กน้อยที่ไม่สำคัญ
ภาพที่เธอทำอาหารให้ตนเอง ภาพที่เธอจูบริมฝีปากของเขาในตอนเช้าอย่างระมัดระวัง…
ไม่รู้ว่าเริ่มตั้งแต่ตอนไหน เขาเริ่มใส่ใจผู้หญิงคนนั้น ใส่ใจมากจนจำรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ทั้งหมดในชีวิตได้อย่างชัดเจน
เวลาค่อย ๆ ผ่านไปช้า ๆ ดั่งพระอาทิตย์ตก
ไป๋หลินยวี่เข็นรถเข็นไป “นายเห็นแล้วว่าหนิงหนิงถูกนายฆ่าตาย ถ้าหากนายยังมีเมตตาสักนิด ก็ปล่อยเธอไป ให้เธออยู่อย่างที่นี่อย่างสงบ…”
“ทำไมถึงฝังไว้ที่นี่?” ลู่จิ้นยวนถูกทำลายความคิด ดวงตาขของเขาเต็มไปด้วยเส้นเลือดสีแดง ดูเหมือนสัตว์ร้ายในมือที่สู้ขาดใจ
เวินหนิงเป็นคนจีน ไป๋หลินยวี่จะไม่เข้าใจความหมายของการกลับคืนสู่บ้านเกิดเมืองนอนเมื่อตายไปได้ยังไง ฝังเธอไว้ที่นี่แบบนี้ได้ยังไง?
“นายคิดว่าฉันจะส่งเธอกลับประเทศได้ไหม? ในเมื่อไม่ได้ ก็ทำได้เพียงเท่านี้! อีกอย่างที่นี่สงบเงียบมาก ไม่มีคนหน้าด้านมารบกวนเธอได้”
คนหน้าด้าน หมายถึงคนตระกูลเวิน และก็คนตระกูลลู่
“…”
ลู่จิ้นยวนถูกคนชี้หน้าถากถาง เขาไม่โมโห ตอนนี้เขาโกรธไม่ได้
การถูกตอกย้ำจากความเป็นจริง ทำให้เขาเหมือนเสียสติไป
“ในเห็นแล้ว นายก็กลับไปได้แล้ว ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ฉันคิดว่าพวกเราไม่ต้องเจอหน้ากันอีก…”
ไป๋หลินยวี่พูดแรง ๆ ตอนนี้เองลู่จิ้นยวนยื่นมือออกไปดึงรูปนั้นบนป้ายหลุมศพออกมา
“นายกำลังทำอะไร?” ไป๋หลินยวี่ตกใจ ชายคนนี้เสียสติไปแล้วจริง ๆ
“ที่นี่เงียบเหงาขนาดนี้ แถมยังเป็นต่างประเทศ เธอไม่ชอบแน่ ๆ ผมจะพาเธอกลับไป…”
ลู่จิ้นยวนพูดพึมพำ เปลวไฟประหลาดลุกโชนในดวงตาของเขา
ใช่แล้ว ที่นี่ทั้งมืดทั้งโดดเดี่ยว เวินหนิงอยู่ที่นี่ต้องไม่ดีใจแน่ ๆ เขาจะพาเธอกลับไป…
“นายบ้าไปแล้วเหรอ?”
ไป๋หลินยวี่คิดไม่ถึงว่าลู่จิ้นยวนจะบ้าขนาดนี้ และเห็นได้ชัดว่าชายหนุ่มตรงหน้าไม่ได้ล้อเล่น เขาเดินอ้อมทั้งสองคนไป เขาพบเครื่องมืออยู่ไม่ไกล และกำลังจะเริ่มขุดหลุมศพของเวินหนิง
“คุณผู้ชายครับ คุณจะทำอะไรครับ? ทำแบบนี้ไม่ได้นะครับ!”
ทั้งสองที่อยู่ในเหตุการณ์ตกใจจับการกระทำที่บ้าบิ่นของเขา พวกเขารีบร้อนห้ามปราม แต่ลู่จิ้นยวนเหมือนไม่ได้ยินคำพูดของคนอื่นยังไงยังงั้น แขนของเขาเคลื่อนไหวอย่างคล่องแคล่ว เขาขุดมันลงอย่างแรง