ไป๋หลินยวี่โมโหจนแทบจะตกลงจากรถเข็น ขุดหลุมศพ! ลู่จิ้นยวนคิดอะไรอยู่?
หรือว่าอยากจะให้ “คนตาย” ที่อยู่อีกโลกไม่สงบสุขเหรอ?
แต่ว่าสภาพเธอตอนนี้ แม้กระทั่งห้ามชายหนุ่มคนนี้ก็ทำไม่ได้ เธอจึงหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาอันเฉิน
เธอไม่อยากติดต่อกับตระกูลลู่สักคน แต่ก็ไม่สามารถเห็นลู่จิ้นยวนทำเรื่องบ้าบิ่นแบบนี้ได้
“อะไรนะครับ? bossกำลัง…”
อันเฉินได้ยินคำพูดของไป๋หลินยวี่ เขาไม่สบายใจมาก เขารู้ว่าการตายของเวินหนิงมีผลกระทบเป็นอย่างมากต่อลู่จิ้นยวน แต่กลับคิดไม่ถึงว่าจะร้ายแรงขนาดนี้
เรื่องแบบนี้ เกิดขึ้นโดยผู้ชายที่เย็นชาที่แทบดูอารมณ์ไม่ออกคนนั้นเป็นคนทำ?
ถ้าหากถูกพูดออกไป มันต้องสร้างความเสียหายให้กับชื่อเสียงของเขาแน่
ในเมื่อนี่เป็นการกระทำที่ผิดหลักจริยธรรมอย่างยิ่ง
“ผมจะไปเดี๋ยวนี้ครับ!”
อันเฉินไม่กล้าชักช้า เขาถามสถานที่อย่างชัดเจน แล้วก็ตามมาอย่างรวดเร็ว
ในตอนที่เขามาถึง ลู่จิ้นยวนเกือบจะขุดโกศออกมาแล้ว อันเฉินไม่สนใจเรื่องที่เขาเป็นเจ้านายแล้ว รีบเข้าไปขัดขวางเขาไว้
“boss หยุดเถอะะครับ…อย่าไปรบกวนเธออีกเลย…อย่าไปรบกวนความสงบของเธอ…”
เมื่อคิดถึงผู้หญิงที่ใกล้ชิดสนิทกันตลอดเวลากลายเป็นกลุ่มขี้เถ้า นอนหลับอย่างโดดเดี่ยวแบบนี้ อันเฉินก็รู้สึกจุกอก แต่เขาจำเป็นต้องหยุดการกระทำบ้าบิ่นของลู่จิ้นยวน
ใบหน้าของชายหนุ่มเย็นชา ไม่ไหวติง “เธออยู่ที่นี่จะสงบได้ยังไง…ฉันจะพาเธอกลับไป กลับบ้านเกิดเมืองนอน นายเข้าใจไหม?”
อันเฉินเหงื่อออกหน้าผาก ถ้าหากลู่จิ้นยวนตัดสินใจแล้ว ใครก็กล่อมไม่ได้ “boss ขุดหลุมศพเองถือว่าผิดกฎหมายนะครับ ”
“เวินหนิงคือผู้หญิงของฉัน คือแม่ของลูกฉัน ฉันจะเอาขี้เถ้ากระดูกของเธอ นี่มันผิดกฏหมายเหรอ?”
“แต่ว่า…ตอนนี้ผู้หญิงที่เป็นคู่หมั้นของคุณคือ…คุณหนูมู่”
“คู่หมั้น…”
ลู่จิ้นยวนหัวเราะเย็นชา ตอนแรกที่เขารับปากหมั้นกับมู่เยียนหรานเป็นเพราะความปลอดภัยของเวินหนิง
ตอนนี้ผู้หญิงคนนั้นตายไปแล้ว ทำไมเขาต้องปฏิบัติตามข้อตกลงที่เป็นโมฆะ
“ผู้หญิงคนนั้นไม่เกี่ยวข้องกับฉัน ฉันจะพาเธอกลับไป”
อันเฉินสีหน้าซีดขาวไม่รู้ว่าควรจะทำยังไง ผ่านไปครู่หนึ่ง ความพยายามของลู่จิ้นยวนก็มีผล โกศขี้เถ้าโผล่ออกมา
นั่นเป็นโกศธรรมดาที่ไม่ธรรมดา ลู่จิ้นยวนเหมือนกับได้เห็นสมบัติล้ำค่าที่สุดในโลก เขาก้มตัวหยิบมันขึ้นอย่างระมัดระวัง
เขาลูบคลำผิวเรียบเย็น ดวงตาที่เย็นชาของชายหนุ่มอ่อนลงทันที…เธอกลับมาแล้ว กำลังนอนอย่างสงบอยู่ในอ้อมกอดของเขา
คนที่อยู่ในเหตุการณ์ เห็นสีหน้าของเขา ก็พูดอะไรไม่ออก
โดยเฉพาะไป๋หลินยวี่ เห็นภาพนี้แทบจะเป็นลม เธอร้องไห้แล้วเข็นรถเข็นมา “ลู่จิ้นยวน นายอย่าทำเป็นเสแสร้งต่อไปอีกเลย ตอนนี้เสแสร้งเป็นนักรักบุญอะไร? ตอนที่เธอได้รับความทุกข์ นายไปอยู่ที่ไหน? นายคิดว่าตอนนี้สิ่งที่นายทำดีต่อเธอเหรอ เอาวางกลับไปซะ!”
ไป๋หลินยวี่จับแขนของลู่จิ้นยวน เธอออกแรงหยิกแขนของเขาจนเลือดไหล
การกระทำบ้าคลั่งของชายหนุ่ม ทำให้สติของเธอแทบจะแตก นี่มันเวรกรรมอะไร หรือว่าเวินหนิงตายไปแล้วก็ไม่มีทางพ้นสายตาของเขา จะพัวพันกันไปตลอดทุกชาติเหรอ?
“อันเฉิน พาคุณน้ากลับไป”
ลู่จิ้นยวนราวกับไม่รับรู้ถึงความเจ็บปวดบนตัว เขากอดอุ้มโกศอย่างพึงพอใจ ราวกับกลัวว่าใครจะมาสัมผัสมันยังไงอย่างงั้น
อันเฉินหมดหนทาง เขาดึงไป๋หลินยวี่ที่อารมณ์วู่วามไว้ “ขอโทษนะครับ ผมหมดปัญญาจริง ๆ ผมไปส่งคุณน้านะครับ”
อันเฉินรู้ว่าเรื่องที่ลู่จิ้นยวนตัดสินใจ ไม่มีใครสามารถห้ามได้ เขาทำได้เพียงอย่างเดียวคือพาคุณแม่ของเวินหนิงไปส่งอย่างปลอดภัย อย่าให้เกิดโศกนาฏกรรมอะไรอีก
“ชายชั่วคนนั้น ทำไมเขาถึงได้…”
ถึงแม้จะรู้ว่าในโกศไม่ใช่ลูกสาวของตนเอง แต่ไป๋หลินยวี่กลับมีความรู้สึกกังวลอย่างหนึ่ง
ความบ้าบิ่นของลู่จิ้นยวน ไม่แน่วันไหนหาเวินหนิงเจอขึ้นมา ตอนนั้นเธอจะปกป้องเวินหนิงได้ยังไง ไม่ให้โดนทำร้ายอีกครั้ง?
…
ลู่จิ้นยวนกลับประเทศในชั่วข้ามคืน
ถึงจุดหมายปลายทางแล้ว เขาไม่มีความจำเป็นที่จะต้องอยู่ที่นี่อีกต่อไป ประเทศนี้เขาไม่อยากจะกลับมาอีกแล้ว
ที่นี่เขาได้สูญเสียผู้หญิงที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเขาไป
เขาไม่ได้กลับคฤหาสน์ตระกูลลู่ ตอนนี้เขาอยากอยู่เงียบ ๆ คนเดียว ดังนั้นจึงไปที่คอนโดที่เวินหนิงเคยเช่าเอาไว้
ที่คอนโดเล็ก ๆ นานแล้วที่ไม่มีคนมาที่นี่ ของในห้องมีฝุ่นเกาะบาง ๆ
ลู่จิ้นยวนเดินเข้าไป ไม่มีความรังเกียจแม้แต่น้อย เขาวางของในอ้อมกอดลงอย่างระมัดระวัง จากนั้นก็นอนเหม่อลอยอยู่บนโซฟา
ตอนนี้เขาไม่อยากคิดอะไรทั้งนั้น และก็ไม่ได้เสียน้ำตา เพียงแต่รู้สึกว่าหัวใจว้าเหว่ เหมือนกับขาดอะไรไป
“เวินหนิง…เธอตายไปแล้วจริง ๆ เหรอ…เธอเกลียดฉันไม่ใช่เหรอ?”
ลู่จิ้นยวนนอนขดตัวอยู่บนโซฟา “ในเมื่อเกลียดขนาดนี้ งั้นก็มาหาฉันในความฝัน เธอควรจะมาแก้แค้นฉัน…”
ลู่จิ้นยวนพึมพำกับตัวเอง จากนั้นสติค่อย ๆ เลอะเลือน เนื่องจากยุ่งต่อเนื่องมาหลายวัน ร่างกายของเขาก็ทนไม่ไหว เขาแทบจะเป็นลม
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน หลังจากท้องฟ้าค่อย ๆ มืดลง ลู่จิ้นยวนเพิ่งจะตื่นขึ้น
ในความมืด เสียงสะอื้นของชายหนุ่มสิ้นหวังอย่างยิ่ง “แม้กระทั่งความฝันของฉันเธอก็ไม่ยินยอมที่จะมาเหรอ?”
เขาลุกขึ้น ลู่จิ้นยวนอุ้มโกศนั่นขึ้นมา เขาไม่เคยเชื่อในสิ่งที่สมมติขึ้น แต่ตอนนี้เขาหวังว่าเวินหนิงจะมอบความฝันให้เขาได้
อย่างน้อย บอกให้เขารู้ว่าครั้งหนึ่งเธอเคยมีอยู่จริง ในโลกของตัวเอง ไม่ใช่ความฝันที่ไม่มีทางเป็นจริง ที่ตื่นขึ้นมาก็ไม่มีอะไรเหลืออยู่
ในตอนที่ชายหนุ่มจับโกศอย่างไม่ยอมปล่อยมือ โทรศัพท์ของเขาดังขึ้น
เป็นมู่เยียนหรานโทรเข้ามา
ตอนนี้เวลาผ่านไปกว่าครึ่งเดือนแล้วที่ทั้งสองหมั้นกัน
ยกเว้นตอนที่พบลู่จิ้นยวนแต่ถูกเพิกเฉยในตอนแรก มู่เยียนหรานก็ไม่ได้เจอเขาอีกเลย
ถึงแม้ลู่จิ้นยวนบอกว่าไปต่างประเทศจัดการธุระ แต่มู่เยียนหรานรู้สึกว่าไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ แค่นั้น
“จิ้นยวน ฉันสืบมาว่านายกลับประเทศแล้ว นาย…ตอนนี้อยู่ที่ไหน?”
ฟังเสียงที่ระมัดระวังของผู้หญิง ลู่จิ้นยวนหัวเราะเย้ยหยัน “ฉันอยู่ที่ไหน เกี่ยวอะไรกับเธอ?”
“ในเมื่อเราเป็นคู่หมั้นกัน!”
“งั้นก็ยกเลิกงานหมั้น”
ลู่จิ้นยวนดวงตาเย็นชา ตัวต่อรองที่ใช้ขู่เขาตอนนี้ไม่อยู่แล้ว ทำไมเขาจะต้องให้ผู้หญิงที่เขาไม่ได้รักอยู่ข้างกายเขา
“นาย…นายพูดบ้าอะไรหนะ?”
มู่เยียนหรานตกใจ หมั้นกันแล้ว ทั้งโลกรู้ความสัมพันธ์ของพวกเขา ทำไมเขาถึง…?
“ฉันไม่ได้พูดมั่ว มู่เยียนหราน เรายกเลิกงานแต่งเถอะ คนที่ฉันอยากแต่งงานด้วยไม่ใช่เธอ”