“คิดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นแบบนี้ไปได้”
นายท่านลู่จัดการเรื่องเสร็จ ก็เรียกอันเฉินมาสอบถามเรื่องราวอย่างละเอียด
“เขาหาสิ่งนั้นเจอ…ตอนไหน?”
ในนั้นไม่ใช่ขี้เถ้ากระดูกของเวินหนิงเป็นอย่างแแน่ น่าจะเป็นการเบี่ยงเบนสายตาของเหอจื่ออัน เพียงแต่ไม่มีใครคิดว่ามันจะก่อให้เกิดผลเช่นนี้
“ก่อนหน้านี้ไม่กี่วันครับ”
“เรื่องแบบนี้ ทำไมนายถึงไม่รายงานให้ทันเวลา?” นายท่านลู่ขมวดคิ้วแน่น
ตอนนี้เขาก็วางมือได้ยาก ถ้าหากบอกลู่จิ้นยวนว่าเวินหนิงยังไม่ตาย ก็สายไปเสียแล้ว
สู้ตกกระไดพลอยโจรยังดีเสียกว่า
ทายาทของตระกูลลู่ จะไม่มีทางถูกเรื่องแบบนี้ทำลายได้
“คุณชายน้อยหละ?”
ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง นายท่านลู่ถอนหายใจ แล้วถามถึงสถานการณ์ของลู่อันหราน
พ่อบ้านอุ้มลู่อันหรานที่กำลังนอนอยู่เข้ามา
ตอนนี้เขาอ้วนกว่าตอนที่เพิ่งเกิดขึ้นเยอะ ขาว ๆ นุ่ม ๆ เหมือนกับก้อนข้าวเหนียวยังไงยังงั้น เรื่องที่เกิดขึ้นบนโลกภายนอกทั้งหมด เขาไม่รับรู้ใด ๆ ทั้งสิ้น ท่าทางการนอนหลับ น่ารักเหมือนกับเทวดาตัวน้อย
“ฉันพาอันหรานไปหาเขา เรื่องนี้ฉันเป็นคนจัดการเอง
นายท่านลู่อุ้มลู่อันหรานไว้ในอ้อมกอด ในใจของเขาสับสน
…
นายท่านลู่มาถึงโรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว
ใช้เวลาเพียงไม่นานก็ตามหาลู่จิ้นยวนเจอ
เย่หวานจิ้งก็อยู่ด้วย เพียงแต่พวกเขาไม่ได้พูดอะไรกัน เย่หวานจิ้งตกตะลึง จนไม่รู้จะพูดอะไร
ลู่จิ้นยวนไม่มีอยากที่จะเอ่ยปากพูดสักนิด
ตอนนี้เขาไม่อยากพูดอะไรทั้งนั้น อยากจะอยู่คนเดียวตามลำพัง
นายท่านลู่เห็นโกศในอ้อมกอดของลู่จิ้นยวน ดวงตาสั่นไหวครู่หนึ่ง
ถึงแม้จะเตรียมใจมาอย่างดีแล้ว เห็นหลานชายที่ฮึกเหิมมาตั้งแต่เล็กจนโตกลายเป็นแบบนี้ ไม่ตกตะลึงก็เป็นไปไม่ได้
“จิ้นยวน”
นายท่านลู่เอ่ยปากอย่างเบา ๆ ในน้ำเสียงมีความเหน็ดเหนื่อย
“พอประมาณก็ควรจะปล่อยมือได้แล้ว นายจะเป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้ อีกอย่าง…นายต้องให้เวินหนิงลงดินไปด้วยความสงบ แบบนี้เธออยู่ข้างใต้ก็ไม่สามารถสงบสุขได้”
ลูู่จิ้นยวนไม่ได้พูดอะไร นายท่านลู่เดินเข้ามาใกล้ ๆ เวลานี้ลู่อันหรานก็ตื่นขึ้นมา
เหมือนกับรู้สึกได้ว่าที่ ๆ เขาอยู่ตอนนี้ไม่ใช่สภาพแวดล้อมที่เขาคุ้นเคย และยังได้กลิ่นฉุนยาของโรงพยาบาล ลู่อันหรานย่นจมูกน้อย แล้วร้องงอแงขึ้นมา
“นี่คือลูกของนาย และก็คือเลือดเนื้อของผู้หญิงคนนั้น หรือแม้กระทั่งเขานายก็ไม่สนใจเหรอ?”
นายท่านลู่เห็นท่าทางเฉยเมยของลู่จิ้นยวน ในใจก็รู้สึกเสียใจ
ลู่จิ้นยวนฟังเสียงเด็กร้องอย่างมึนชา เสียงดังน่ารำคาญ…
เขายืนขึ้น มองไปที่เด็กน้อยที่กำลังร้องไห้หน้าแดงพร้อมกับยื่นมือน้อย ๆ ออกมา “ผมไม่คิดจะใช้ชีวิตของเวินหนิง แลกกับการเกิดเขา ตั้งแต่ต้นจนจบ ทั้งหมดนี้เป็นความต้องการของพวกคุณ”
“แต่นี่เป็นสิ่งเดียวที่เวินหนิงเหลืออยู่ ไม่เชื่อนายดู ใบหน้าของเขาเหมือนกับเธออย่างมาก…”
ลู่จิ้นยวนชะงักฝีเท้า เขามองดูเด็กน้อยที่ถูกห่อหุ้มไว้อย่างแน่นหนา ดวงตาของเขาแทบจะเหมือนกับเวินหนิงเป๊ะ ๆ ดวงตาแวววาว มองแวบแรกก็ทำให้รู้สึกใกล้ชิด
“ถึงนายจะไม่อยากสนใจตระกูลลู่ เคียดแค้นต่อทุกคน ถึงแบบนั้นแม้กระทั่งลูกของเวินหนิงนายก็ไม่ต้องการแล้วเหรอ?”
นายท่านลู่พูดอย่างเหนื่อยหน่าย
ลู่จิ้นยวนไม่พูด ลู่อันหรานมองดูชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ที่จู่ ๆปรากฏตัวขึ้นตรงหน้า ถึงแม้จะไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน แต่กลับมีความคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูก
ทันใดนั้นเขาก็ไม่ได้ร้องงอแงแล้ว แต่กลับกระพริบตาโตคู่นั้นมองไปที่ลู่จิ้นยวน แล้วยื่นมือน้อยอ้วน ๆ ออกมาอยากจะสัมผัสคนตรงหน้า
“นายดูสิ นี่ก็คือความรู้สึกสัมพันธ์ทางสายเลือด เขาเห็นนายก็ไม่ร้องไห้แล้ว”
นายท่านลู่ผ่อนมือ แสดงเจตนาให้ลู่จิ้นยวนอุ้มเขา
ลู่จิ้นยวนตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง เขามองดูใบหน้าของทารกที่ดูเหมือนเวินหนิง จึงรับเขามาในอ้อมแขนอย่างไม่รู้ตัว
ความรู้สึกอบอุ่น ทำให้เขามีความรู้สึกบางอย่างที่อยากจะร้องไห้
นี่ก็คือ…เวินหนิงหมดชีวิต ถึงจะเกิดลูกออกมา…
มองเห็นลู่จิ้นยวนในที่สุดก็วางโกศลง ไม่ได้มีสีหน้าเบื่อต่อโลกอีกต่อไป นายท่านลู่ถึงได้โล่งอก
“หาวันฝังเธออย่างสงบสุขเถอะ…”
มือของลู่จิ้นยวนที่อุ้มเด็กน้อยค่อย ๆ ออกแรงขึ้น “ผมจะใช้นามภรรยาของผม ฝังเธอในนามตระกูลลู่”
เย่หวานจิ้งที่เพิ่งจะโล่งอกได้ยินคำพูดนี้ ก็เดินเข้ามา “นายกำลังพูดบ้าอะไร…เธอจะ…”
“…”
คำตอบของเขาก็คือความเงียบ
แต่บางครั้งความเงียบก็ทำให้คนรู้สึกได้ถึงการตัดสินใจมากกว่าคำพูด
“ตกลง ฉันรับปากนาย”
นายท่านลู่กัดฟัน “ประกาศตระกูลมู่ ยกเลิกสัญญาแต่งงานของสองตระกูล”
ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ตกตะลึง
สัญญาแต่งงานของตระกูลลู่และตระกูลมู่ ชื่อเสียงใหญ่โต ทุกคนรับรู้กันหมด จะละทิ้งไปแบบนี้เหรอ?
“คุณพ่อคะ!”
“เรื่องมาถึงขนาดนี้ เป็นความผิดของฉัน”
ผิดที่ประเมินความสัมพันธ์ของลู่จิ้นยวนกับเวินหนิงต่ำไป?
เขาคิดว่าถ้าหากยังต่อต้านต่อไป จำบีบบังคับให้ลู่จิ้นยวนเป็นบ้าได้ แบบนั้นเขาจะต้องเสียใจภายหลัง
ดังนั้นก็เป็นแบบนี้แหละ
“นี่ก็เพื่อผลดีของตระกูลมู่ ถ้าหากต่อไปเกิดเรื่องแบบนี้อีก…”
เมื่อคิดถึงมู่เยียนหรานที่กำลังถูกช่วยชีวิตอยู่ในตอนนี้ นายท่านลู่ถอนหายใจ “ชดใช้เธอในส่วนอื่นเถอะ”
เมื่อเห็นนายท่านลู่ตัดสินใจแล้ว เย่หวานจิ้งก็ไม่ได้พูดอะไรอีก
…
ข่าวการยกเลิกงานแต่งของตระกูลลู่และตระกูลมู่ ถูกแพร่พรายออกไปอย่างรวดเร็ว
ถึงแม้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ภายใต้วิธีการรุนแรงของตระกูลลู่ ไม่มีหนังสือพิมพ์ซุบซิบแห่งไหนกล้าเขียนข่าวที่น่าเหลือเชื่อนี้
เรื่องราวสงบอย่างเกินความคาดหมาย
บางครั้งก็มีคนกล่าวถึงเรื่องนี้ แต่ก็แค่เรื่องซุบซิบน้ำชายามบ่ายแค่นั้น
ลู่จิ้นยวนทำตามความคิดของตนเอง ฝังโกศของเวินหนิงลงที่สุสานเฉพาะของตระกูลลู่
วันนั้นสภาพอากาศดีมาก ลู่จิ้นยวนอุ้มลู่อันหรานมากที่หน้าป้ายหลุมศพของเธอ
รูปใบนั้นที่แย่งมากถูกเขาฝังลงบนหลุมฝังศพอย่างระมัดระวัง ร้อยยิ้มแบบนั้น ทั้งสงบทั้งสวยงาม
“เวินหนิง ลูกของพวกเรา ฉันจะดูแลเลี้ยงดูอย่างดี…ที่ติดหนี้เธอ บางทีอาจจะต้องชดใช้ในชาติหน้า เธออยู่ข้างล่างนี้ จะต้องรอฉันอยู่ดี ๆ นะ”
ลู่จิ้นยวนยืนอยู่หน้าหลุมศพ ไม่นานนักอันเฉินก็เข็นไป๋หลินยวี่เข้ามาา
“จากนี้ไปเวินหนิงจะถูกฝังไว้ที่นี่ คุณน้าสามารถมาหาเธอได้ตลอดเวลา”
เดิมทีไป๋หลินยวี่ปฏิเสธที่จะมาที่นี่ แต่เพื่อไม่ให้เป็นการดึงดูดความสงสัยของลู่จิ้นยวน จึงไม่มาไม่ได้
เธอรู้สึกเพียงว่าผู้ชายคนนี้ บางทีอาจจะบ้าไปแล้ว
เธอไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ แต่ว่าเมื่อคิดได้ว่าบางทีเธออาจจะได้เจอหน้าหลานชายที่ไม่เคยเจอกันมาก่อน เธอจึงมาที่นี่
ถ้าหากถ่ายรูปให้เวินหนิงได้ดู บางทีเธออาจจะดีใจได้
ไป๋หลินยวี่มาถึงหน้าหลุมศพ เห็นภาพถ่ายของลูกสาวแปะติดอยู่บนหลุมศพ มีความรู้สึกไม่สบายใจอย่างหนึ่ง
เหมือนกับถูกสาปแช่ง แต่เธอก็อดทนไว้
จากนั้นเธอก็เห็นตัวอักษรที่เขียนอยู่บนนั้น “ภรรยาของลู่จิ้นยวน”
“นี่มันหมายความว่ายังไง?”
ไป๋หลินยวี่สีหน้าแทบไม่อยากจะเชื่อ ชวนให้นึกถึงจุดจบของการแต่งงานระหว่างตระกูลลู่และตระกูลมู่ เขาทำเรื่องแบบนี้ก็เพื่อที่จะฝังเวินหนิงในสถานะแบบนี้?