ไป๋หลินยวี่รู้สึกสั่นสะเทือน เธอไม่เข้าใจว่าลู่จิ้นยวนทำแบบนี้มีประโยชน์อะไร
“ลู่จิ้นยวน นายทำแบบนี้มีความหมายอะไร?”
ลู่จิ้นยวนไม่พูดจา แล้ววางช่อดอกไม้ในมือลงตรงหน้าหลุมศพ สีหน้าของเขาไม่มีใครสามารถมองออกได้
ไป๋หลินยวี่จู่ ๆ ก็โมโหเป็นอย่างมาก “คนตายไปแล้ว ตอนที่เธอยังมีชีวิตอยู่ ทำไมไม่เห็นนายทำดีกับเธอ แต่กลับกันมีแต่ทำร้ายเธอไม่หยุด ทำให้เธอเสียใจ ตอนนี้ตายไปแล้ว นายกลับมีความสัมพันธ์ลึกซึ้ง ตกลงว่านายแสดงให้ใครดู!”
“ที่แท้คุณน้าก็คิดแบบนี้…”
ลู่จิ้นยวนได้ยินข้อสงสัยของไป๋หลินยวี่ ก็หัวเราะเยาะ
พูดไม่มีผิด
ไม่มีผิดเลยจริง ๆ
ตอนแรกถ้าหากไม่ลังเล ถ้าหากสั่งให้คนไปปกป้องเธอ ถ้าหากตามหาเกาะร้างที่เวินหนิงอยู่เจอ ตอนนี้เธอก็คงไม่ต้องตาย
ผลลัพธ์แบบนี้ สมควรที่เขาจะได้รับ เขาก่อกรรมทำเข็ญเอง กรรมตามสนองเอง
“ดังนั้นผมจึงทำได้แค่ยอมรับผลนี้ ถ้าหากเธอเกลียดผม ก็จะมาหาผม ผมจะชดใช้เธอด้วยชีวิต”
คำพูดของชายหนุ่ม ลอยล่องในอากาศ ทำให้คนรู้สึกได้ถึงความเย็นชา
ไป๋หลินยวี่กระตุกมุมปาก เธอรู้สึกได้ว่าลู่จิ้นยวนไม่เหมือนกับที่เธอคิดไว้
แต่ว่าเธอไม่มีทางเอาเรื่องของเวินหนิงมาเสี่ยง
“เอาเด็ก…มาให้ฉันดูหน่อย”
ไป๋หลินยวี่พูด แล้วรับลู่อันหรานมาจากมือลู่จิ้นยวน
ถึงแม้จะยังไม่ครบเดือน แต่ภายใต้การดูแลของคนตระกูลลู่ เขาก็โตมาอย่างแข็งแรง แถมนิสัยยังน่ารักเป็นอย่างมาก ถูกคนที่ไม่เคยเจอหน้าแบบเธออุ้มไว้ในอ้อมกอด ก็ไม่ร้องงอแง แต่กลับเบิกตาโตมองเธอด้วยใบหน้าประหลาดใจ
นี่ก็คือหลานของเธอ…
จู่ ๆ ไป๋หลินยวี่ก็รู้สึกอยากร้อง เธอรู้ว่าเพื่อเกิดเด็กคนนี้เวินหนิงเสียสละไปไม่น้อย ตอนนี้ได้อุ้มอยู่ในอ้อมกอด เธอมีความต้องการที่จะพาเขากลับไปแบบนี้ด้วย
สถานการณ์ของเวินหนิง ตอนนี้เธอรู้ว่าเป็นเพราะไม่ได้เจอกับลูก จึงเกิดอาการซึมเศร้าหลังคลอด ถ้าหากสามารถพาเด็กกลับไปได้…
“ลู่จิ้นยวน ฉันพาเด็กกลับไปได้ไหม…”
“ไม่ได้”
ลู่จิ้นยวนปฏิเสธในทันที
ตอนนี้ ลู่อันหรานเป็นตัวเชื่อมเดียวที่รักษาความสัมพันธ์อันเปราะบางระหว่างเขากับเวินหนิง ถ้าเสียเขาไป เขาจะต้องบ้าแน่ ๆ
ถูกปฏิเสธ ไป๋หลินยวี่ก็ไม่ได้ประหลาดใจ เธอจึงตัดสินใจบางอย่าง “งั้นต่อไปฉันมาหาเขาได้ไหม? หรือว่านายพาเขาไปส่งที่บ้านฉัน แล้วผ่านไปช่วงนึงนายค่อยไปรับกลับ”
“ดูสถานการณ์”
ลู่จิ้นยวนไม่สามารถปล่อยให้เกิดความผิดพลาดต่อลูกได้ เขาไม่ได้รับปากอย่างผลีผลาม “แต่ถ้าคุณน้าอยากมาเยี่ยมก็ได้”
ไป๋หลินยวี่ถอนหายใจในใจ ในใจของเธอวุ่นวายไปหมด
เดิมทีนึกว่าสามารถใช้โอกาสนี้พาลูกไปหาเวินหนิง ถ้าเป็นไปได้เธอต้องสู้ด้วยชีวิตก็คุ้มค่า
แต่ว่าความตื่นตัวของลู่จิ้นยวนทำให้เธอไม่สามารถทำแบบนี้ได้
ทั้งสองต่างคนต่างมีความคิดเป็นของตนเอง ยืนอยู่ตรงนี้เป็นเวลานาน ในที่สุดลู่จิ้นยวนก็ดับบุหรี่ในมือ “สายแล้ว ผมต้องพาเขากลับไปแล้ว”
ไป๋หลินยวี่พยักหน้าอย่างไม่เต็มใจ
หลังจากถูกส่งกลับบ้าน ไป๋หลินยวี่โทรหาเวินหนิง
ตอนนี้เวินหนิงกำลังอยู่บนเตียง ถึงแม้จะได้รับคำปรึกษาทางจิตวิทยา ท้ายที่สุดก็ยังไม่สามารถเติมเต็มความเจ็บปวดของแม่ที่สูญเสียลูกไปได้
เทียบกับตอนแรก เธอผอมลงไปมาก เห็นความซีดเซียวได้อย่างชัดเจน
“คุณแม่ เป็นยังไงบ้างคะ? คนคนนั้น…ไม่ได้ทำให้แม่ลำบากใจใช่ไหมคะ?”
เวินหนิงพูดเบา ๆ สำหรับลู่จิ้นยวน แม้กระทั่ง…ชื่อของเขาเธอก็นึกไม่ออก
ยอมที่จะจำคนคนนั้นไม่ได้ไปตลอดชีวิตถึงจะดี
“ไม่เป็นไร เขาจะยังไงก็ตาม ก็ไม่มีทางลงมือกับคนแก่แบบแม่หรอก”
ไป๋หลินยวี่ลังเลครู่หนึ่ง “วันนี้แม่เห็นเด็กน้อยแล้ว”
มือของเวินหนิงกำโทรศัพท์แน่นในทันที เธอหายใจอย่างแรง หดรูม่านตา “อะไรนะคะ? เด็กน้อย?”
“เขาเป็นยังไงบ้าง? ตระกูลลู่ดีต่อเขาไหม?”
เวินหนิงอดไม่ได้ที่จะร้องไห้ออกมา ตั้งแต่วันที่เกิดเขาออกมาวันนั้น ก็ไม่มีสักวันที่จะหยุดคิดถึงลูกของงตัวเอง
แต่ต้นจนจบก็ไม่มีโอกาสได้เจอหน้า และก็ไม่มีสามารถให้ความอบอุ่นและอ้อมกอดของผู้เป็นแม่ได้
เมื่อได้ยินเรื่องของเขา เธอกระวนกระวายนิดหน่อย
“เขาดีมาก ตระกูลลู่ดูแลเขาอย่างดี เขาชื่อลู่อันหราน”
ลู่อันหราน…
เวินหนิงได้ยินชื่อนี้ ก็ท่องออกมาเบา ๆ เป็นชื่อที่เพราะมาก สงบเงียบ เด็กคนนี้ จะดีมากถ้าอนาคตจะมั่นคงเหมือนชื่อของเขา
เขาไม่จำเป็นต้องมีคุณงามความดีอะไรมากมาย ไม่จำเป็นต้องสืบทอดความมั่งคั่งมหาศาลของตระกูลลู่ เพียงแค่สงบสุขมั่นคง ก็พอแล้ว…
“เขาอยู่ดี งั้นก็ดีแล้ว…ดีแล้ว…”
เวินหนิงอดไม่ได้ที่จะท่องจำ อารมณ์ตื่นเต้นกระทันหัน ทำให้เธอจู่ ๆ ไอขึ้น และเมื่อไอ ก็ยากที่จะหยุดลง
ตอนนี้ร่างกายของเธอ อ่อนแอถึงขั้นนี้แล้ว
“เวินหนิง ลูกเป็นอะไร ไม่สบายตรงไหน?”
ไป๋หลินยวี่ฟังเสียงที่เจ็บปวดของเธอ ก็รู้สึกเจ็บปวดเป็นอย่างมาก
เวินหนิงอยากจะตอบกลับ แต่แน่นหน้าอกเป็นอย่างมาก ในขณะเดียวกันก็รู้สึกเวียนศรีษะมาจากข้างใน…
เพล้ง โทรศัพท์ตกลงบนพื้น
“หนิงหนิง!”