บ่วงแค้นแสนรัก – ตอนที่ 280 ความหมกมุ่น

หลังจากที่ทุกคนออกไป นักสะกดจิตดูสถานกาณ์ของเวินหนิง จากนั้นก็ขมวดคิ้ว

“ทำไมเหรอ?”

“ตอนนี้ความหมกมุ่นของเธออยู่ลึกเกินไป ถ้าหากคุณต้องการลบหน่วยความจำโดยบังคับ เกรงว่าจะทำให้เกิดการดีดกลับอย่างรุนแรง”

“งั้น…ต้องทำยังไง?”

เหอจื่ออันคิดไม่ถึงว่าจะซับซ้อนขนาดนี้ เขาบดขยี้ก้นบุหรี่ในมืออย่างแรง

ถ้าหากการสะกดจิตถูกปฏิเสธอย่างรุนแรง ถึงเวลานั้นสถิติของความล้มเหลวจะยิ่งเพิ่มมากขึ้น

ถ้าหากเกิดอะไรขึ้น…ถึงเขาจะตายก็ไม่มีทางให้อภัยตัวเอง

“ตอนนี้สิ่งที่เธอหมกหมุ่นอยู่ มันคืออะไรครับ?”

เหอจื่ออันขมวดคิ้ว คืออะไรเหรอ…เขานึกถึงเรื่องเด็กในทันที แต่มีการคาดเดาที่ลึกซึ้งกว่านั้น เขาไม่อยากจะพูดออกมาด้วยซ้ำ

ตอนนี้เวินหนิง…ปล่อยวางลู่จิ้นยวนแล้วจริง ๆ เหรอ?

บนโลกนี้ไม่มีความรักที่ไร้เหตุผล และก็ไม่มีความเกลียดที่ไร้เหตุที่มา เป็นเพราะลู่จิ้นยวนทำลายตนเอง หรือเป็นเพราะความเกลียดที่เกิดจากความรักแข็งแกร่งมากกว่า เรื่องนี้เหอจื่ออันไม่สามารพูดอย่างชัดเจนได้

แต่ว่าเขาหวังว่าจะลบลู่จิ้นยวนคนนี้ออกไปจากสมองของเวินหนิงให้สนิท นี่คือความจริง

“ถ้าหากสามารถคิดหาวิธีได้ ให้เธอปล่อยวางชั่วคราว อัตราความสำเร็จของการสะกดจิตจะสูงขึ้นมาก”

เดนิสพูดจบ ก็รอคำตอบของเหอจื่ออันอยู่เงียบ ๆ

“ฉันรู้แล้ว นายเตรียมตัวไว้ก่อน เรื่องอื่นฉันจะจัดการเอง”

เดนิสพยักหน้า แต่เขาก็อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น “แต่เมื่อความทรงจำถูกลบออก เธอยังเป็นคนที่คุณชอบอยู่ไหม คุณเคยคิดบางไหม?”

พูดจบ ร่องรอยแห่งความเศร้าฉายในดวงตาสีฟ้าของชายคนนั้น

ตอนนั้นเขาเพื่อต้องการครอบครองหัวใจของผู้หญิงที่รักคนหนึ่ง ถึงได้เรียนรู้การสะกดจิตบ้าบอแบบนี้ หลังจากที่เขาสะกดจิตตผู้หญิงคนนั้น แน่นอนว่าเธอเป็นเหมือนสิ่งเหล่านั้นที่เขาปลูกฝัง หลงรักตัวเอง

แต่ว่าความรักแบบนี้ ถือว่าเป็นการใช้วิธีหลอกลวงถึงจะได้มันมา ถึงแม้ว่าจะได้ครอบครองแล้ว แต่ต้นจนจบไม่มีความรู้สึกของความเป็นจริงอยู่ เดนิสก็ยังอยู่ในความตื่นตระหนกกระวนกระวายใจแบบนี้ เขาค่อย ๆ มองหัวใจตัวเองอย่างไม่ชัดเจน

ในที่สุดเขาเลือกที่จะแยกจากผู้หญิงคนนั้น แต่ผูุ้หญิงที่ถูกเขาปลูกฝังความคิด กลับยอมรับความเป็นจริงนี้ไม่ได้ ในตอนที่ออกตามหาเขาจึงเกิดอุบัติเหตุเสียชีวิต

หลังจากนั้นเป็นต้นไป เดนิสจึงเปลี่ยนชื่อนามสกุล เร่ร่อนไปทั่ว เขาไม่กล้าใช้ชีวิตปกติโดยไม่มีความกังวล ความรู้สึกผิดทำให้เขาแทบหายใจไม่ออก

การได้พบกับเหอจื่ออันก็เป็นแค่เรื่องบังเอิญ ในตอนที่เขาประสบอุบัติเหตุขณะเร่ร่อน เดิมทีเขาคิดว่าชีวิตของเขากำลังจะจบลง แต่กลับถูกช่วยเอาไว้

คนที่ช่วยเขาไว้ก็คือเหอจื่ออัน เขาในตอนนั้น เป็นแค่คนธรรมดาที่ใช้สองมือต่อสู้ เพียงแต่ได้เห็นท่าทางดิ้นรนที่เจ็บปวดของเขา เดนิสมีความคิดที่อยากจะตอบแทนเขา จึงติดตามเขามาโดยตลอดจนกระทั่งถึงตอนนี้

เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าชายหนุ่มคนนั้นที่เย็นชากับทุกเรื่อง จะชอบผู้หญิงแบบนี้ได้ ผู้หญิงที่ดูธรรมดา ๆ คนนึง

“อันที่จริง…ฉันติดหนี้เธอ ฉันจำเป็นต้องชดใช้…”

เหอจื่ออันถอนหายใจ แล้วพูดเรื่องราวของเวินหนิงออกมา เดนิสคือคนที่เขาสามารถไว้ใจได้ ดังนั้นเขาก็ไม่มีความจำเป็นอะไรที่ต้องปิดบัง

“ฉันไม่ได้อยากใช้วิธีการสะกดจิตทำให้เธอรักฉัน หรือจะอะไรก็แล้วแต่ แต่ว่า…ฉันไม่อยากให้เธอมาอยู่ที่นี่อย่างทนทุกข์เพื่อคนที่ไม่คู่ควร ฉันหวังว่าเธอจะมีความสุขมากขึ้นในอนาคต”

“นี่ถือว่าเป็นการตอบแทนที่ฉันทำให้เธอ”

เหอจื่ออันพูดเบา ๆ เดนิสก้มหน้าลม เข้าใจความคิดของเขา

“ในเมื่อเป็นแบบนี้ บางทีคุณสามารถให้เธอได้พบกับลูกของเธอสักครั้ง จากนั้นเริ่มสะกดจิตเธอในตอนที่เธอพึงพอใจที่สุด มีโอกาสประสบความสำเร็จสูง”

“แบบนี้เหรอ?”

เหอจื่ออันหยักหน้า “ฉันรู้แล้ว ฉันจะพยายามทำมันให้ได้”

อยากจะให้เวินหนิงได้เจอหน้าลูก มันยากมาก แต่เพื่ออนาคตของเธอ เหอจื่ออันตัดสินใจที่จะลองดู

คิดได้ดังนั้น เหอจื่ออันจึงโทรศัพท์หาไป๋หลินยวี่

“หนิงหนิงเป็นยังไงบ้าง?”

ไป๋หลินยวี่ร้อนใจเป็นอย่างมาก เธอรับโทรศัพท์แล้วถามถึงสถานการณ์ของเวินหนิงในทันที

“ไม่เป็นไรครับ ตอนนี้เธอกำลังนอนอยู่ เพียงแต่ว่า…”

เหอจื่ออันหยุดพูด แทบจะบีบบังคับไป๋หลินยวี่จนจะเป็นบ้า เธอเริ่มเสียใจด้วยซ้ำ เกลียดตัวเองที่ทำไมต้องเอารูปลู่อันหรานให้เวินหนิงดู

ถ้าหากไม่ได้เห็น บางทีอาจจะยังดีอยู่ แต่เมื่อได้เห็นแล้ว ความรู้สึกอยากอยู่กับเลือดเนื้อของตัวเอง เธอจะระงับมันได้ยังไง?

เธอมันโง่จริง ๆ

“วันนี้ คุณน้าได้เจอกับเด็กคนนั้นแล้วใช่ไหมครับ?”

“ใช่ ฉันไม่ควรจะเอารูปให้เธอดู…ฉันประหมาดไป…”

“ไม่ครับ ผมรู้ความคิดของคุณน้า คุณน้าหวังว่าเธอจะดีใจจึงได้ทำแบบนี้…นี่ไม่ใช่ความผิดของคุณน้า ถ้าจะโทษก็ต้องโทษตระกูลลู่ ทำให้สองแม่ลูกแยกจากกัน ที่นำไปสู่ภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกในตอนนี้”

ได้ยินคำพูดนี้ ไป๋หลินยวี่สบายใจขึ้นนิดหน่อย

“ผมมีวิธีนึง…”

เหอจื่ออันพูดเบา ๆ เขาอยากจะให้เวินหนิงใช้ชีวิตอย่างมีความสุขต่อไป เธอต้องหลุดพ้นจากโซ่ตรวนของเด็ก

แย่งเด็กมาจากตระกูลลู่ เขาไม่สามารถทำได้ชั่วคราว ดังนั้นเพื่อให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าว เขาจำเป็นต้องให้เวินหนิงได้เจอเด็กคนนั้นสักครั้ง

“นายพูดว่า…” ไป๋หลินยวี่ถลึงตาโต ความคิดของเหอจื่ออัน ใจกล้าไปหน่อย แต่ก็ไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้

ถ้าหากเวินหนิงได้พบลูก ถึงจะได้เจอเดือนละไม่กี่ครั้ง บางทีเธออาจจะดีขึ้นเยอะ

“ฉันเข้าใจแล้ว รอตอนที่ฉันไปเยี่ยมเด็กน้อย ฉันจะบอกเธอ”

ไป๋หลินยวี่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ ร่องรอยแห่งความมุ่งมั่นฉายประกายอยู่ใต้ดวงตาของฉัน

เหอจื่ออันวางสายโทรศัพท์ สำหรับการสะกดจิตเรื่องนี้ เขาบิดบังเอาไว้ ถ้าหากไป๋หลินยวี่รู้ บางทีเธออาจจะปฏิเสธ เมื่อเป็นเช่นนั้นสิ่งต่าง ๆ ก็จะเป็นไปได้ยาก

ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงแค่นี้ ถึงเวลานั้นค่อยหาข้ออ้างอย่างขอไปที

เหอจื่ออันอยู่ในห้อง รอให้เวินหนิงตื่นขึ้นมา

เขามองดูหญิงสาวที่นอนอยู่บนเตียง เธอซีดขาวแบบนี้ เธอเหมือนกระดาษสีขาว ล่องลอยอยู่บนเตียง ให้ความรู้สึกว่าจะหายไปเมื่อไหร่ก็ได้

ไม่ เขาไม่มีทางจะทำให้เธอหายไป

เหอจื่ออันจ้องมองเธอ เขาติดหนี้เธอเยอะไป จำเป็นต้องชดใช้ให้เธอ เขาจะไม่ปล่อยให้เธอต้องประสบอุบัติเหตุใด ๆ

หลังจากที่เวินหนิงหลับไปอยู่นาน ฤทธิ์ของยาระงับประสาทลดน้อยลง เธอลืมตาขึ้น

แล้วจึงเห็นเหอจื่ออันที่นั่งอยู่ข้างเตียง

“ตอนนี้กี่โมงแล้ว? ฉันหลับไปนานมากใช่ไหม…”

เวินหนิงยังคงงุนงง เธอรู้สึกว่าตัวเองเหมือนฝันไป ในความฝันเธอเห็นลูกของเธอ แล้วก็พ่อของลูก

เพียงแต่เธอต้องการจะจับชายเสื้อของเด็ก แต่จับยังไงก็จับไม่ได้

“เธอหลับไปประมาณเจ็ดแปดชั่วโมง” เหอจื่ออันเห็นความไม่สงบในดวงตาของเธอ เขารู้สึกเป็นห่วง “ฉันรู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่ ช่วงนี้ เธอจะต้องดูแลตัวเองให้ดี รอให้ร่างกายแข็งแรงแล้ว ฉันถึงจะพาเธอไปหาลูกของเธอ…”

บ่วงแค้นแสนรัก

บ่วงแค้นแสนรัก

ของขวัญวันเกิดอายุ18ปีของเวินหนิง คือเธอต้องติดคุก10ปี เพื่อการแก้แค้นเธอจึงตอบตกลงคำขอร้องของปีศาจ เธอต้องแต่งงานกับสามีที่นอนอยู่ในสภาพเหมือนผัก แต่คิดไม่ถึงว่า…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset