โม่โยวจำได้ว่าที่นู่นอุณหภูมิเริ่มลดแล้ว ไม่รู้ว่าเขาเชื่อฟังคำพูดของเธอแล้วเปลี่ยนมาใส่เสื้อผ้าที่หนาๆหรือเปล่า
“นายอยู่ไหน? ในโรงแรมหรอ? ฉันฟังเสียงนายแล้วรู้สึกผิดปกติ ป่วยหรือเปล่า?”
“ไม่เป็นไร แค่ตื่นเช้า……แล้วอากาศเย็น……เกินไปก็เท่านั้น” เสียงของโม่เทียนยวี๋ลอยเข้ามาในหูเธอทีละคำ ฝ่ายตรงข้ามก็มีเสียงผ้าห่มด้วย โม่โยวยังอยากพูดอะไรอีก เขาก็รีบพูดแทรก “ตอนนี้……ผมยังมีธุระ ไม่คุยกับเธอแล้วนะ”
พูดจบก็วางสายไปทันที
โม่โยวจ้องมองโทรศัพท์ที่ตัดสายไปแล้ว ก็รู้สึกงง เขากำลังทำอะไร? ตอนนี้ยังไม่ตื่น เพราะว่าไม่สบายหรอ?
เสียงเมื่อกี้ก็ดูแปลกๆด้วย เกิดเรื่องอะไรหรือเปล่า?
โม่เทียนยวี๋ตัดสายไป ทันใดนั้น ใต้ผ้าห่มของเขาก็มีนิ้วมือที่เรียวยาวยื่นออกมาแล้วลูบผ่านหน้าอกเขา “ใครโทรมา? เช้าขนาดนี้ โทรมาเช็คงั้นหรอ?”
ผู้ชายสบตากับดวงตาที่เจ้าเล่ของผู้หญิงคนนั้น
“เธอหึง? เมื่อกี้จงใจทำหรอ?” มุมปากโม่เทียนยวี๋ยิ้มขึ้นอย่างมีเลศนัย แล้วตบสะโพกที่อวบอิ่มของถังหว่านเอ๋อร์เบาๆ เหมือนกำลังเล้าโลมอย่างนั้น
“ก็แค่ล้อเล่นเอง” ถังหว่านเอ๋อร์เห็นว่าเขาไม่ได้โมโห ก็รู้สึกเบื่อ แล้วลุกขึ้นจากบนตัวโม่เทียนยวี๋ แต่กลับถูกผู้ชายคนนั้นกอดเอวไว้
“สนุกไหม?”
“ก็สนุกดี ถ้าผู้หญิงเมื่อกี้รู้ท่าระหว่างเรา คงจะสนุกกว่านี้” ถังหว่านเอ๋อร์ยิ้มอ่อน แล้วนิ้วมือก็จับคางของผู้ชายขึ้น
“ช่างเถอะ ยังไงงานออกแบบของคนอื่นยังอยู่ในกระเป๋าเธอ อีกหน่อยก็จะเป็นชื่อของเธอ ก็ถือว่ารู้บุญคุณคนอื่น เธอก็ไว้หน้าหน่อยแล้วกัน”
“พูดแบบนี้ก็ถูก……แต่ว่าในเมื่อใช้แล้ว ฉันก็ยินดีที่จะใช้อีกหน่อย……” ถังหว่านเอ๋อร์ฟังเขาพูดจบ ก็ยื่นหน้าไปจุมพิตริมฝีปากของผู้ชายคนนั้น
……
ถึงแม้เธอก็ยังกังวลว่าจะเกิดอะไรกับโม่เทียนยวี๋หรือเปล่า แต่เธอก็รู้จักนิสัยเขาดี ถ้าเธอเอาแต่โทรไปหาเขา ก็คงจะอารมณ์เสีย เพราะฉะนั้นก็เลยหักห้ามความรู้สึกไม่สบายใจไว้แล้วรีบล้างหน้า แล้วค่อยกลับไปในห้อง
“เป็นอะไร? สีหน้าไม่ดีเลย”
“ไม่เป็นไร รู้สึกปวดแผลนิดหน่อย” อยู่ดีๆโม่โยวก็รู้สึกเหนื่อย ไม่ได้พูดอะไรอีก ทั้งสองดูทีวีไปอีกสักพักก็หลับไปพร้อมกัน
โม่โยวหลับไม่สนิทมากนัก กลางดึก พอฤทธิ์ยาลดอาการเจ็บปวดหาย ก็รู้สึกปวดหัวมาก บางบริเวณบนร่างกายที่ไม่ได้บาดเจ็บสาหัสมาก็รู้สึกปวดขึ้นมาทันที
พอตื่นมา สีหน้าของเธอก็ซูบโทรมไปไม่น้อย
พอเปิดโทรศัพท์ดู บนนั้นก็มีข้อความหนึ่งข้อความ โม่โยวคิดว่าโม่เทียนยวี๋ส่งมา แต่พอเปิดดู กลับเป็นข้อความจากคนที่ชื่อว่า’ข้าเป็นคนที่หนึ่งสุดในโลก’ส่งมา “อรุณสวัสดิ์โยวโยว ตอนนี้เธอรู้สึกเป็นยังไงบ้าง? ยังเจ็บแผลอยู่หรือเปล่า? คนในโรงพยาบาลดีกับเธอหรือเปล่า?”
โม่โยวมองเห็นตัวหนังสือบนนั้น ก็รู้สึกอบอุ่นใจ ไม่คิดเลยว่าเด็กน้อยคนนี้จะเอาใจใส่ขนาดนี้
“ใครหรอ?” เย่ซือเยวี่ยเห็นว่าเธอยิ้ม ก็ขยับเข้าไปใกล้ พอเห็นคำพูดที่เป็นห่วงเป็นใยอย่างนั้นก็อดยิ้มไม่ได้ “อะไรกันเนี่ย? มีคนจีบแก? งั้นก็อันตรายกับโม่เทียนยวี๋เลยสิ เขาต้องดีกับแกหน่อยแล้ว”
“แกกำลังพูดบ้าอะไร……นี่เป็นเด็กที่ฉันช่วยไว้เมื่อวาน แค่ส่งข้อความมาถามฉันว่าหายดีหรือยังก็แค่นั้น”
“เด็กอายุห้าขวบพิมพ์ตัวหนังสือได้เยอะขนาดนี้? แกโกหกหรือเปล่า?” เย่ซือเยวี่ยไม่เชื่อ ยังคงมั่นใจว่าโม่โยวต้องมีอะไรแน่นอน
โม่โยวไม่อยากทำให้เธอเข้าใจผิด ก็เลยส่งข้อความไปหาลู่อันหรานว่าให้เขาส่งข้อความเสียงมา
พอพิมพ์เสร็จ ก็ไม่คิดเลยว่าเขาจะตอบทันที โม่โยวก็รีบเร่งให้เย่ซือเยวี่ยไปอาบน้ำ สภาพตัวเองแบบนี้คงต้องลางาน แต่ยังไงเย่ซือเยวี่ยก็ต้องไปทำงานอยู่ดี ถ้าไม่รีบหน่อยก็คงสายแล้ว
ไม่นาน ทั้งสองก็อาบน้ำแต่งตัวเสร็จ พอโม่โยวกลับมา ก็เห็นว่าลู่อันหรานส่งข้อความมาหลายข้อความ นอกจากข้อความเสียงที่เธอบอก ที่เหลือก็เอาแต่ถามว่าทำไมเธอถึงไม่ตอบ
ส่งมารัวมากจนโทรศัพท์เกือบค้าง
“ทำไม? เธออยากฟังเสียงของคุณชายอย่างฉันหรอ? ได้เลย ใครให้เธอเป็นคนป่วยล่ะ”
โม่โยวกดฟังข้อความเสียง เสียงที่น่ารักของลู่อันหรานก็ลอยออกมา เย่ซือเยวี่ยค่อยเชื่อคำพูดของเธอ แล้วอดชมไม่ได้ “เด็กคนนี้เก่งมาก แค่ห้าขวบก็พิมพ์ได้ขนาดนี้แล้ว เป็นอัจฉริยะหรอ?”
“คนที่อยู่กับฉันชมเราว่าเป็นอัจฉริยะ” โม่โยวพิมพ์ส่งคำชมของเย่ซือเยวี่ยไป ผ่านไปไม่นาน เมื่อกี้ลู่อันหรานที่ยังอารมณ์เสียเพราะเธอไม่ตอบอารมณ์ก็ดีขึ้นมาทันที “จริงหรอ? แน่นอนอยู่แล้ว อัจฉริยะก็ต้องเป็นคุณชายยังฉันอยู่แล้ว”
โม่โยวมองเห็นข้อความที่เขาส่งมา ก็นึกภาพเขาที่กำลังได้ใจได้จนอดยิ้มไม่ได้ ทันใดนั้น โทรศัพท์ก็สั่งอีกครั้ง “คนที่อยู่กับเธอ เป็นผู้ชาย หรือผู้หญิง?”
โม่โยวมองเห็นข้อความนั้นก็อดยิ้มไม่ได้ เด็กคนนี้ทำไมถึงถามคำถามแบบนี้
น่ารักเกินไปหรือเปล่า
“เรื่องนี้ ความลับ”
อยู่ดีๆโม่โยวก็ไม่รู้สึกเสียใจขนาดนั้นแล้ว จงใจไม่บอกเขา อยากดูว่าเขาจะแสดงปฏิกิริยาอะไร
อีกฝั่งของโทรศัพท์สีหน้าลู่อันหรานตึงเครียดทันที “ไม่หรอกมั้ง หรือว่าโยวโยวมีแฟนแล้ว?”
พอคิดแบบนี้ ลู่อันหรานก็ล้มลงบนเตียงแล้วทำท่าทางสิ้นหวัง นี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกดีกับผู้หญิงคนหนึ่ง
ลู่อันหรานรู้เรื่องเร็วอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นก็เลยไม่รู้สึกสนใจเด็กผู้หญิงที่ใส่ชุดเจ้าหญิงในโรงเรียนอนุบาล โม่โยวเป็นคนเดียวที่เขารู้จักแล้วไม่ทำให้เขารังเกียจ ไม่คิดเลยว่าเธอจะมีเจ้าของแล้ว
“ฮือฮือฮือ ทำไมชีวิตของฉันถึงลำบากขนาดนี้……”
ลู่จิ้นยวนกำลังจะเรียกลู่อันหรานไปกินข้าว ก็ได้ยินเขากำลังพูดอะไรไร้สาระอยู่ ขมวดคิ้วแล้วเปิดประตูเข้าไป “พูดอะไรเพ้อเจ้ออีกเนี่ย?”
ชีวิตที่สุขสบายของเขาขนาดนี้ อยากได้อะไรก็มีอย่างนั้น ยังจะพูดว่าลำบากอีก จะทำให้คนอื่นมองว่ายังไง?
เด็กที่รู้เรื่องเร็วเกินไป ไม่น่ารักสมวัยเลย
“หึ พูดไปคุณพ่อก็ไม่เข้าใจ เพราะยังไงคุณพ่อก็เป็นภูเขาน้ำแข็งที่ไม่เข้าใจว่าความรักคืออะไร~”
ลู่อันหรานโบกมือ แล้วหยิบโทรศัพท์ออกไปด้วย ลู่จิ้นยวนก็อุ้มเด็กน้อยที่ไม่เห็นหัวเขาขึ้นทันที