“ถ้าเป็นดีไซเนอร์ที่มีความสามารถ นอกจากจะมีความคิดสร้างสรรค์แล้ว สามารถวาดรูปได้แล้ว มือก็ต้องเร็วมากด้วย ชุดที่สั่งตัดโดยเฉพาะก็มาจากสองมือของดีไซเนอร์ทั้งนั้น
เวลาผ่านไปทีละวินาที
ฝั่งของอ้ายเวยเอ๋อร์ หุ่นโชว์สองตัวมีชุดเดรสสองชุดที่คล้ายคลึงกันมากอยู่บนหุ่นแล้ว
ช่วงเอวกับปลายกระโปรงก็ใช้ด้ายทองตกแต่ง แค่มองก็รู้ว่าสองชุดนี้เป็นชุดคู่กัน ดีไซน์เหมือนกันมาก แต่ก็แตกต่างกันแค่ที่รายละเอียด
โม่โยวมองไปฝั่งโน้น ก็ต้องยอมรับว่าฝ่ายตรงข้ามมีความสามารถ ชุดทั้งสองชุดดูสวยมาก ไม่ว่าจะเป็นเด็กผู้หญิงคนไหนเห็นก็ต้องมีความคิดที่อยากจะใส่บนตัวแน่นอน
เธอเก็บสายตากลับมา แล้วลงมือทำของตัวเองต่อ ของตัวเองก็ใกล้จะเสร็จแล้ว
อ้ายเวยเอ๋อร์ทำเสร็จก่อน แล้วมองไปที่เธออย่างไม่แยแส พอเห็นตัวอย่างชุดบนหุ่นของเธอ ในสายตาก็มีแต่ความเสียดสี
ฝีมือแค่นี้ ยังกล้ามาแข่งกับเธออีก ไม่เจียมตัวจริงๆ
ในระหว่างนั้นสีหน้าลู่จิ้นยวนไร้ความรู้สึกตลอด มองไม่ออกเลยว่ารู้สึกพอใจกับงานของคนไหนมากกว่า
พอถึงเวลา สองพี่น้องฝาแฝดในห้องรับรองก็ถูกเชิญออกมาข้างนอก
“คุณหยาง นี่เป็นผลงานของดีไซเนอร์ทั้งสองคน คุณกับลูกสาวลองดูก่อนได้ค่ะ”
ชุดทั้งสองชุดของโม่โยว ไม่ว่าจะเป็นสไตล์หรือว่าสี ทั้งสองชุดแตกต่างกันสิ้นเชิง
ชุดที่ดีไซน์ให้พี่สาว จะเป็นชุดกระโปรงยาวเก็บเอวสีขาว ส่วนหน้าอกก็ใช้คริสตัลประดับเพื่อความหรูหรา
ส่วนอีกชุดเป็นเดรสกระโปรงสั้นสีม่วง มีความลึกลับแล้วเหมือนเอลฟ์ในยามค่ำคืน
ทั้งสองชุดก็ถือว่าดูดีเลย แต่ถ้าจะเทียบกันจริงๆ ชุดที่อ้ายเวยเอ๋อร์ดีไซน์เด่นตากว่า เพราะยังไง คุณหยางก็เห็นเป็นแว็บแรก ดูท่าทางแล้วเหมือนจะพอใจมาก
“คุณลู่ ไม่ต้องลองแล้วครับ ผมว่าสองชุดนี้แหละครับ” คุณหยางเลือกชุดที่อ้ายเวยเอ๋อร์ดีไซน์
สีหน้าของอ้ายเวยเอ๋อร์ได้ใจทันที แต่วินาทีต่อมา……
“คุณพ่อคะ หนูชอบชุดนี้”
น้องสาวที่ไม่เอ่ยพูดอะไรตั้งแต่เข้ามา ชี้ไปที่ชุดสีม่วงที่โม่โยวเป็นคนดีไซน์ จากนั้นพี่สาวก็ชี้ชุดสีขาวที่ตั้งอยู่ข้างๆด้วย
“คุณพ่อคะ หนูก็ชอบชุดนี้มากกว่าค่ะ”
ในใจโม่โยวรู้สึกโล่งอกไปทันที ดูเหมือนว่าเธอพนันถูกแล้ว
คุณหยางอึ้งไป ถึงแม้จะไม่เข้าใจ แต่ในเมื่อลูกสาวทั้งสองคนเลือกผลงานของดีไซเนอร์คนเดียวกัน เขาก็ทำได้แค่ตามใจลูกสาว
ในสายตาของลู่จิ้นยวนมีความดีใจ โม่โยวดูออก แล้วเขาจะดูไม่ออกได้ยังไง ไม่คิดเลยว่าผู้หญิงคนนี้ใส่ใจละเอียดมาก เหมือนกับ……
เขาหยุดความคิดตัวเองไว้ทันที
อ้ายเวยเอ๋อร์ใช้แรงทั้งหมดในร่างกายแล้วพยายามควบคุมตัวเองไม่ให้เสียสติ เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วฝืนยิ้มเดินไป
“คุณหนูทั้งสองคนคะ พวกคุณไม่ชอบชุดที่ฉันดีไซน์ให้เหรอคะ? ทั้งๆที่สวยขนาดนั้น”
“แล้วอีกอย่าง พวกคุณเป็นพี่น้องฝาแฝดกัน ไม่อยากจะใส่ชุดที่เหมือนกันแล้วร่วมงานด้วยกันหรอคะ?”
น้องสาวเป็นคนตรงๆ ก็เลยไม่ปิดบังอารมณ์ของตัวเองไว้เลย คำพูดคำหลังก็ทำให้เธอหงุดหงิดแล้วจ้องไปที่อ้ายเวยเอ๋อร์ เอ่ยด้วยน้ำเสียงกระแทก
“ใครบอกว่าเป็นฝาแฝดกันก็ต้องใส่ชุดเหมือนกัน? เราหน้าตาเหมือนกันก็ต้องใส่ชุดเหมือนกันงั้นหรอ? แล้วงานนี้อีก ถ้างั้นก็จัดให้คนเดียวก็พอแล้วไหม”
“เธอเป็นดีไซน์เนอร์หรอ? ไม่มีความคิดสร้างสรรค์เลย ทำชุดที่เหมือนกันสองชุดออกมา แค่อยากจะทำส่งๆหรือว่าขี้เกียจกันแน่ เหอะ”
สีหน้าของอ้ายเวยเอ๋อร์เขียวไปทันที แล้วตัวก็สั่นมากด้วย
รอยยิ้มบนใบหน้าพี่สาวก็หายไป แล้วก้มหน้าลง
คุณหยางไม่คิดเลยว่าลูกสาวคนเล็กของตัวเองจะอาละวาด ไม่มีมารยาทเลย จนต้องมองลูกสาวตาขวาง
“คนอื่นเขาแค่ถามเธอ ทำไมต้องพูดแบบนั้นด้วย รีบขอโทษเดี๋ยวนี้ ดีไซเนอร์คนนี้ก็พูดถูก พวกเธอเป็นฝาแฝดกัน ใส่ชุดเหมือนกัน……”
ยังพูดไม่จบ?น้องสาวก็เอ่ยขึ้นทันที
“ฝาแฝดแล้วยังไงคะ? คุณพ่อดูหนูกับพี่สาวสิคะ ตั้งแต่เด็กจนโต ใส่อะไรก็เหมือนกัน กินอะไรก็เหมือนกัน ขนาดห้องนอนยังเหมือนกัน ของขวัญที่ได้ทุกปีก็เหมือนกันด้วย”
“หนูอายุสิบแปดแล้วนะคะ นานขนาดนี้แล้วพวกเราก็ยังหน้าตาเหมือนกัน ส่วนสูงเหมือนกัน น้ำหนักเหมือนกัน กรุ๊ปเลือดก็เหมือนกันด้วย”
“คุณพ่อคะ คุณพ่อรู้หรือเปล่า ทุกเช้าที่หนูตื่นมาแล้วเห็นพี่สาวก็เหมือนเห็นตัวเองอีกคน แต่คนอื่นกลับมีเอกลักษณ์แล้วไม่เหมือนใครบนโลกนี้ แต่แค่เราสองคน นานขนาดนี้แล้วคุณพ่อกับคุณแม่ก็ยังแยกหนูกับพี่สาวไม่ออก หนูทนมาพอแล้วค่ะ”
คุณหยางตกใจกับคำพูดของลูกสาวตัวเองแบบนี้ แล้วจ้องมองไปที่ลูกสาวตัวเอง
พี่สาวกัดริมฝีปากแน่น แล้วเอ่ยอย่างเรียบนิ่ง “คุณพ่อคะ ฝาแฝดก็แค่หน้าตาเหมือนกัน แต่อย่างอื่น ไม่เหมือนกัน แล้ว……ไม่อยากเหมือนด้วย”
พ่อแม่ชอบให้ทั้งสองพี่น้องอยู่ด้วยกันตลอดไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม แต่พวกเธอไม่ชอบเลย
คุณหยางไม่รู้จะทำยังไง หันซ้ายขวาไปมองลูกสาวทั้งสองคน ริมฝีปากก็สั่น เจออะไรแบบนี้ในรอบสิบแปดปี เขาไม่รู้ว่าควรจะพูดยังไงดี
ลู่จิ้นยวนเอ่ยแทรกความขัดแย้งของครอบครัวนี้ “คุณหยางครับ ในเมื่อคุณหนูทั้งสองคนเลือกชุดได้แล้ว งั้นทางเราก็จะรีบตัดเย็บให้ สามวันหลังจากนี้จะส่งไปให้ที่บ้านครับ”
คุณหยางก็ไม่อยากพูดเรื่องครอบครัวต่อหน้าคนอื่น แล้วรีบพาลูกสาวทั้งสองคนออกไปทันที
หลังจากที่พวกเขาเดินออกไป ลู่จิ้นยวนก็ประกาศว่าการแข่งขัน ครั้งนี้ โม่โยวเป็นผู้ชนะ
อ้ายเวยเอ๋อร์เข้าใจคำพูดของทั้งสองพี่น้อง แล้วเข้าใจแล้วด้วยว่าทำไมพวกเธอถึงไม่เลือกตัวเอง แต่เธอไม่ยอม ครั้งนี้โม่โยวชนะได้ทั้งหมดก็เป็นเพราะโชคช่วย จะนับไม่ได้
ไม่รอให้เธอโต้เถียง ลู่จิ้นยวนก็เอ่ยขึ้นอีก “แล้วอีกอย่าง การร่วมงานครั้งนี้ อ้ายเวยเอ๋อร์ถอนตัวออก แล้วให้คนอื่นมาทำแทน”
เธอเบิกตากว้างร้อนตัว “บอสทำไมคะ? การแข่งขันครั้งนี้ควรจะเป็นฉันที่ชนะ คำพูดของฝาแฝดเมื่อกี้คุณก็ได้ยินแล้ว แล้ว……”
“พอแล้ว”
เขาเอ่ยพูดอย่างเรียบนิ่ง “หนึ่ง ตั้งกฎของการแข่งขันไว้แล้วว่าผลงานของใครทำให้ลูกค้าพอใจ คนคนนั้นก็จะเป็นผู้ชนะ ห้ามมีข้อโต้แย้ง แพ้ก็คือแพ้ ยังอยากจะแก้ตัวอีก”
“สอง ที่ผมเปลี่ยนตัวเธอออก ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับการแข่งขัน ถึงแม้ครั้งนี้เธอจะชนะ ผมก็จะเปลี่ยนเธอเหมือนเดิม”
“แค่ดีไซน์เนอร์คนหนึ่ง แต่กลับไม่ทำตามแผนงานของบริษัท ในเมื่อเธอเก่งขนาดนี้ ผมว่าก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ในบริษัทต่อ ผมไม่ไล่ออกตั้งแต่ตอนนั้น ก็ถือว่าให้หน้าเธอมากแล้ว”
อ้ายเวยเอ๋อร์กัดฝีปากแน่น ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก แต่ไม่ว่าจะโมโหแค่ไหน เธอก็ไม่กล้าพูด
ในวงการเสื้อผ้าในประเทศ บริษัทตระกูลลู่อยู่อันดับต้นๆอยู่แล้ว สามารถเข้ามาทำงานที่บริษัทนี้ แล้วได้เป็นดีไซเนอร์ เป็นเรื่องที่ยากมาก เธอไม่อยากโดนไล่ออกเป็นเพราะเรื่องแค่นี้
อ้ายเวยเอ๋อร์โตขนาดนี้ เดินบนเส้นทางนี้อย่างราบรื่นตลอด แต่โม่โยวกลับทำให้เธอเสียหน้า เรื่องนี้ เธอจะไม่ยอมแบบนี้แน่นอน