คำพูดนี้หมายความว่า ถึงจะฉี่ราดที่นอนก็ไม่เป็นอะไร
ลู่จิ้นยวนหลุดขำออกมา
ลู่อันหรานรู้สึกเศร้ามาก รู้สึกว่าภาพลักษณ์ของตัวเองถูกคุณพ่อทำลายไปหมด จากนั้นก็เบะปากแล้วกำลังโมโหอยู่
ทีแรกเขาวางแผนไว้ดีแล้ว ตอนเช้าจะส่งดอกไม้ ตอนเย็นก็หลอกโยวโยวออกมา พวกเขาก็ไปเที่ยวกินข้าวดูหนังด้วยกัน ทรานส์ฟอร์เมอร์สองฉายแล้ว เขาอยากดูมาก จากนั้นพอตกดึกทั้งสองก็จะไปดินเนอร์ด้วยกัน
ตอนนี้ล่ะ ไม่เหลืออะไรแล้ว เด็กน้อยตัดสินใจว่า เขาจะไม่พูดกับคุณพ่อที่ใจร้ายอย่างน้อยหนึ่งอาทิตย์
ลู่จิ้นยวนไม่รู้ว่าลูกชายตัวเองจะแค้นขนาดนี้ ถึงแม้จะรู้ ก็ไม่สนใจหรอก
ตอนกลางคืนที่หนาวเย็นเหมือนน้ำแข็ง
ลู่จิ้นยวนนอนอยู่บนเตียง หลับตาลงแล้วขมวดคิ้วแน่น ดูเหมือนจะหลับไม่สนิทมาก
เขาพยายามลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆ รู้สึกปวดหัวมาก ข้างนอกก็เริ่มมีแสงสว่างแล้ว เขาเดินลงไป แต่ในบ้านไม่มีเงาของคนเลย ทันใดนั้นก็มีเสียงหัวเราะที่คุ้นเคยดังมาจากข้างนอก
เสียงนี้……เวินหนิง?
ใจลู่จิ้นยวนเต้นเร็วมาก แล้วรีบวิ่งออกไป สวนดอกไม้ที่กว้างใหญ่ เวินหนิงใส่ชุดกระโปรงสีขาว ท่าทางที่ยิ้มแย้มแบบนั้น เขามองจนเหม่ออย่างไม่รู้ตัว
ทันใดนั้น เวินหนิงก็มองมาที่เขาแล้วโบกมือ “จิ้นยวน รีบมานี่สิ”
เขาไม่ปฏิเสธอยู่แล้ว วิ่งไปหาด้วยรอยยิ้ม แต่ยังไม่ทันได้เข้าใกล้ ข้างหลังก็มีเสียงดังขึ้นอีก
“คุณพ่อครับ”
ลู่จิ้นยวนหยุดฝีเท้าแล้วหันไป ลูกชายตัวเอง
ลู่อันหรานยิ้มแล้วมองมาที่เขา คนที่ยืนอยู่ข้างๆ……เป็นโม่โยว ทั้งสองจูงมือกันไว้ แล้วยิ้มมาทางเขา
“คุณพ่อจะไปไหนครับ ผมกับคุณแม่อยู่ที่นี่”
เขาอึ้งไป แล้วหันมองไปในสวนดอกไม้ เวินหนิงยังอยู่ที่นั่น ยังโบกมือมาทางเขาด้วยรอยยิ้ม “จิ้นยวน รีบมาสิ”
“คุณพ่อจะไปไหน” ลูกชายที่อยู่อีกฝั่งก็ตะโกนเรียกเขา
ในหัวลู่จิ้นยวนตีกันวุ่นไปหมด มองไปทั้งสองฝั่ง ไม่รู้ว่าควรจะไปฝั่งไหน ภรรยาของเขาคือเวินหนิง แต่……
“ที่รัก กำลังเหม่ออะไรอ่ะ รีบเข้ามาสิ” โม่โยวโบกมือมาหาเขาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“จิ้นยวน นายรีบออกมาสิ มาเล่นกับฉัน”
“คุณพ่อจะไปไหนครับ”
เสียงของทั้งสามคนดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง เหมือนเป็นเสียงสะท้อนที่กำลังวนเวียนอยู่ในหัว ลู่จิ้นยวนขมวดคิ้วแน่นแล้วรู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันที
เขาตะโกนออกมาเสียงดัง “หุบปาก”
เสียงรอบข้างหายไปทันที เขาหันมองไปทั้งสองฝั่ง ก็ไม่เห็นใครเลย เขาวิ่งออกไปอย่างร้อนรนวิ่ง วิ่งไปในสวนดอกไม้
เมื่อกี้เวินหนิงยังอยู่ตรงนี้ แต่ตอนนี้กลับไม่เห็นเงาแล้ว เหมือนเป็นแค่ภาพหลอนอย่างนั้น
“เวินหนิง!”
เขาตะโกนเรียกเสียงดังแล้วลืมตาขึ้นมาทันที บนหน้าผากมีแต่เหงื่อ มองเห็นห้องของตัวเองที่คุ้นเคย ความมืดนอกหน้าต่าง ค่อยรู้ตัวว่าเมื่อกี้ตัวเองแค่ฝัน
ลู่จิ้นยวนเปิดไฟแล้วพิงอยู่บนหัวเตียง ดูเหมือนยังสงบสติอารมณ์ไม่ได้ ผ่านไปสักพัก ในสายตาก็มีความหม่นหมอง เหมือนตัดสินใจอะไรบางอย่างแล้ว
……
ระหว่างทางที่โม่โยวเดินกลับบ้าน เธอรู้สึกกังวลแปลกๆ
สภาพแวดล้อมบ้านที่เธอเช่าไม่ดีมาก แต่ก็ถือว่าดีอยู่ กี่วันนี้เป็นเพราะเลิกงานดึก ทุกครั้งที่เธอนั่งรถกลับบ้าน ฟ้าก็มืดแล้ว
ไม่รู้ว่าเธอรู้สึกไปเองหรือเปล่า ระหว่างทางที่กลับบ้านกี่วันนี้ ก็รู้สึกว่ามีคนแอบตามหลังเธอตลอด
เธออยู่ที่นี่มานานแล้ว แต่กลับรู้สึกแบบนี้เป็นครั้งแรก แล้วยังติดต่อกันหลายวันด้วย โม่โยวรู้ว่าเธอไม่ใช่รู้สึกไปเอง แต่ทุกครั้งที่เธอหันกลับไป ก็ไม่เห็นอะไรเลย
กี่วันนี้ ตอนเธอกลับบ้านก็รู้สึกกังวลมาก กลัวว่าจะมีคนโผล่มา
โม่โยวหยุดก้าวขา ใจก็เต้นแรงมากแล้วหันหลังไปทันที แต่ข้างหลังก็ว่างเปล่า ไม่มีอะไรเลย มีแค่เงาใต้แสงไฟสองข้างทาง
แต่เธอก็ยังไม่รู้สึกวางใจ หันกลับมาช้าๆแล้ววิ่งก้าวเล็กๆ แต่วินาทีต่อมา เธอกลับรู้สึกว่ามีเสียงฝีเท้าตามมาด้วย
กี่วันก่อน เธอไม่ได้ยินเสียงฝีเท้า แต่ก็รู้สึกว่ามีคนแอบตามมา แต่วันนี้กลับได้ยินชัดเจน จนโม่โยวกลัวจนจะร้องไห้
“โม่โยว” ทันใดนั้นก็มีคนเรียกชื่อเธอ
เธอหยุดหายใจไปทันที เสียงนี้……เธอรีบหันหลัง ก็เห็นว่าลู่จิ้นยวนยืนอยู่ข้างหลังเธอ
ไม่รู้ว่าทำไม ความกลัว ความกังวลเมื่อกี้ก็เอ่อล้นออกมาจนแสบจมูก จากนั้นน้ำตาก็ไหลออกมา
ลู่จิ้นยวนไม่คิดเลยว่าเธอจะร้องไห้ เลยร้อนรนใจ ขมวดคิ้วแล้วก้าวเดินมาหาทันที “เป็นอะไร?”
โม่โยวส่ายหน้าไม่ได้พูดอะไร ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรด้วย เธอไม่อยากร้องไห้ แต่ก็ห้ามน้ำตาไม่ให้ไหลไม่ได้
ผ่านไปห้าปีแล้ว เขารู้สึกทำตัวไม่ถูกกับผู้หญิงอีกครั้ง แต่ก่อนคนที่ทำให้เขาร้อนรนใจ มีแค่เวินหนิง
ผ่านไปสักพัก โม่โยวก็สงบสติอารมณ์ได้ ร้องไห้ต่อหน้าลู่จิ้นยวน เธอรู้สึกทำตัวไม่ถูกมาก
“บอส ทำไมคุณถึงอยู่ที่นี่คะ?”
“เธอบอกฉันมาก่อน เมื่อกี้ร้องไห้ทำไม?” น้ำเสียงของเขาอ่อนโยนอย่างไม่รู้ตัว
โม่โยวรู้สึกอึดอัด จึงเล่าเรื่องกี่วันนี้ทั้งหมดให้เขาฟัง
ลู่จิ้นยวน: “……” เขาคิดไม่ถึงเลยว่า เรื่องทั้งหมดจะเกิดขึ้นมาจากตัวเอง
“คือ ฉันอาจจะรู้สึกไปเอง” โม่โยวเอ่ยพึมพำเสียงเบา
เขาตึงสีหน้าไว้ ใช้สายตาที่แหลมคมมองไปที่มุมมุมหนึ่ง
ลูกน้องเห็นสีหน้าของเจ้านายตัวเองแบบนี้ ก็รู้สึกเกร็งขึ้นมาทันที พวกเขาสาบานได้เลย ไม่ได้ตั้งใจจะทำให้คุณหนูโม่ตกใจแน่นอน
พวกเขาก็อึ้งกับความเซนซิทีฟของโม่โยวเหมือนกัน ถึงรู้สึกได้ว่าพวกเขาแอบตามอยู่ จนพวกเขาก็เริ่มรู้สึกผิด
“ไปเถอะ เดี๋ยวฉันส่งเธอกลับไป”
ระยะห่างที่นี่ ถ้าจะเดินก็ยังต้องใช้เวลาอีกนาน ถึงตอนนั้นก็คงจะมืดมากแล้ว โม่โยวยังรู้สึกกลัวก็เลยไม่ได้ปฏิเสธ
“ใช่สิ ในประเทศมีการแข่งขันออกแบบ ใกล้จะปิดรับสมัครแล้ว เธอไปลองสมัครก็ได้ แล้วอีกอย่าง ถ้าชนะก็ยังได้ไปแข่งต่อระดับอินเตอร์ที่ประเทศฝรั่งเศสด้วย” ลู่จิ้นยวนเอ่ย
“การแข่งขันที่คุณพูดถึงนี้ฉันรู้ แต่เวลาเหลือไม่เยอะแล้ว คงไม่ทันแล้วล่ะค่ะ”
“ครั้งก่อนตอนที่เธออยู่โรงพยาบาลก็มีงานที่ออกแบบไว้แล้วไม่ใช่หรอ? งานนั้นก็ไม่เลว ลองเอาไปยื่นก็ได้” ลู่จิ้นยวนเอ่ยเตือนเธอ
โม่โยวนึกขึ้นได้ ถึงแม้งานออกแบบนั้นจะให้โม่เทียนยวี๋ไปแล้ว แต่ทุกครั้งที่โม่เทียนยวี๋มาของานออกแบบจากเธอ ก็ใช้ข้ออ้างที่ว่าในบริษัทตระกูลโม่ต้องการ
แล้วนั่นเป็นแค่ตัวอย่างด้วย บริษัทแค่เอามาเป็นแนวทาง ถ้าสุดท้ายจะใช้งานออกแบบ ก็จะขอความคิดเห็นเธอก่อน เพราะฉะนั้น เธอคาดไม่ถึงเลยว่า งานออกแบบของตัวเองจะถูกแย่งไป แล้วเอาไปร่วมการแข่งขันด้วย