ลู่จิ้นยวนเอ่ยอีกว่า “งานที่ดีไซน์ไว้อันนั้นก็ไม่เลวเลย ถ้าชนะได้ ก็จะเป็นการโปรโมทการร่วมงานครั้งนี้ด้วย”
พอพูดถึงเรื่องการร่วมงาน โม่โยวก็พยักหน้าอย่างตั้งใจ “ได้ค่ะ พรุ่งนี้ฉันจะไปลองยื่น”
“อื้อ”
การร่วมงานก็เป็นแค่ข้ออ้างของลู่จิ้นยวน เขาให้อันเฉินสืบเรื่องแล้ว เคยเห็นผลงานแต่ก่อนของโม่โยวด้วย ในด้านการออกแบบ เธอมีพรสวรรค์จริงๆ
อาจจะเป็นเพราะบริษัทหวังกรุ๊ปไม่ได้ใหญ่มาก หรืออาจจะเป็นเพราะเหตุผลอื่น โม่โยวก็เลยไม่มีประวัติรางวัลอะไร นี่ก็เลยทำให้เขาสงสัย
เป็นดีไซเนอร์ทั้งคน ชื่อเสียงก็ต้องสำคัญอยู่แล้ว ที่มาของชื่อเสียงก็เป็นรางวัลจากการแข่งขันต่างๆ เพราะฉะนั้น ลู่จิ้นยวนก็อยากจะทำให้โม่โยวมีชื่อเสียงขึ้นมาบ้าง ถึงจะเดินต่อไปในสายอาชีพนี้ได้อย่างราบรื่น
วันต่อมา
โม่โยวก็ตั้งใจศึกษาเกี่ยวกับการแข่งขันที่ลู่จิ้นยวนพูด อีกแค่วันเดียวก็จะปิดรับสมัครแล้ว เธอก็รีบส่งข้อมูลการสมัครผ่านอีเมลไปทันที
ทันใดนั้น ก็รู้สึกว่ามีสายตาบางอย่างจ้องมองมา ซึ่งเธอเป็นคนเซนซิทีฟอยู่แล้ว พอหันไปก็เห็นว่าเป็นอ้ายเวยเอ๋อร์
ตั้งแต่แข่งขันกันเมื่ออาทิตย์ก่อน อ้ายเวยเอ๋อร์ก็ใช้ข้ออ้างลาป่วย เธอเลยไม่ได้เห็นอีกฝ่ายมาหลายวัน
อ้ายเวยเอ๋อร์กอดอกไว้ด้วยสีหน้าเย่อหยิ่ง แต่สายตาที่มองมาที่เธอกลับแปลกๆ เธอไม่เข้าใจว่าทำไมต้องมองอย่างนั้น แต่ก็รู้ว่าอีกฝ่ายยังติดใจเรื่องการแข่งขันครั้งก่อนแน่นอน
โม่โยวกัดริมฝีปากตัวเอง แล้วกลับมาทำงานต่อ
ถึงเธอจะเป็นคนนิสัยดี แต่ก็ไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้น ครั้งก่อนตัวเองชนะ แล้วชนะอย่างโปร่งใสด้วย ไม่ว่าฝ่ายตรงข้ามจะคิดยังไง เธอก็ไม่รู้สึกร้อนตัวอะไร
ตอนเย็น
พอถึงเวลาเลิกงาน คนในแผนกออกแบบเอก็เริ่มกลับไป ผ่านไปไม่นาน ก็เหลือแค่โม่โยวคนเดียว
เธอนึกถึงสถานการณ์ที่กลับไปเมื่อคืน ก็ตัดสินใจแล้วว่าจะไม่ทำงานดึกอีก จึงเอางานที่ยังทำไม่เสร็จกลับไปทำด้วย พอเก็บทุกอย่างเสร็จ ก็ลุกขึ้นไปเข้าห้องน้ำ
โม่โยวไม่สังเกตุเลยว่าข้างหลังมีคนแอบตามมา
อ้ายเวยเอ๋อร์ยืนอยู่ข้างนอกห้องน้ำ พอได้ยินเสียงข้างใน ก็เลิกมุมปากแล้วเดินเข้าไป
เธอหยิบไม้ถูพื้นหลังประตูมา แล้วสอดเข้าที่จับประตูแน่นๆ จากนั้นก็ตักน้ำเย็นหนึ่งถัง ยืนบนเก้าอี้แล้วสาดลงไปยังไม่ลังเลเลย
“อ๊าย……”
อ้ายเวยเอ๋อร์โยนถังน้ำทิ้ง ก็ตบมือตัวเอง พอได้ยินเสียงกรีดร้องในนั้น ในสายตาก็มีความได้ใจย เหยียบบนรองเท้าส้นสูงแล้วเดินออกไปอย่างสบายใจพร้อมกับเปิดพัดลมแล้วปิดไฟในห้องน้ำให้ด้วย
แผนกออกแบบแบ่งเป็นสี่โซน กินพื้นที่สองชั้น หนึ่งชั้นก็มีสองโซน แบ่งเป็นฝั่งซ้ายกับฝั่งขวา
โซนเอเนื้อที่ไม่เล็กเลย แล้วห้องน้ำก็อยู่สุดทางเดินข้างในนั้นด้วย พนักงานทุกคนเลิกงานแล้ว โม่โยวจะตะโกนเรียกยังไงก็ไม่มีประโยชน์
เวลานั้น โม่โยวเปียกไปทั้งตัว ความหนาวเย็นของน้ำก็ทำให้ตัวเธอสั่น พัดลมข้างหลังก็หมุนเร็วมาก ลมพัดมาที่ตัวเองก็ทำให้หนาวมากด้วย
ถึงแม้จะเป็นฤดูร้อน แต่ก็ยังทำให้รู้สึกหนาวอยู่ดี
บนพื้นมีน้ำกับก้อนน้ำแข็งไม่น้อย เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ อยากจะเปิดประตูออกไป แต่กลับพบว่า ไม่ว่าจะดันประตูยังไงก็ดันไม่ออก
โม่โยวเบิกตากว้างแล้วร้อนรนใจ เอาแต่ตบประตู
“มีใครไหม? ข้างนอกมีใครไหม? ในนี้มีคนถูกล็อกอยู่ มีใครไหม? ช่วยด้วย……”
ห้องน้ำที่กว้างขวาง มีแค่เสียงของเธอคนเดียว เธอหยุดแล้วมองสำรวจรอบๆ สีหน้าก็ซีดขาวไปกว่าเดิม ไม่รู้ว่าเป็นเพราะหนาวหรือเป็นเพราะกลัวกันแน่
ทันใดนั้น เท้าก็เผลอเหยียบกับก้อนน้ำแข็งจนลื่นล้มไปกับพื้น
ชั้นบนสุด ลู่จิ้นยวนโทรหาโม่โยวแต่ไม่มีคนรับ ก็เลยมาหาที่แผนกออกแบบ วันนี้เขาตั้งใจจะส่งเธอกลับไป
แผนกออกแบบโซนเอที่เงียบสงบ ไม่มีใครเลย เขาเดินไปที่ทำงานของโม่โยว ก็เห็นว่ามีของเตรียมไว้เรียบร้อย กระเป๋ายังอยู่ข้างๆ มือถือก็อยู่บนโต๊ะ แต่ไม่เห็นตัวเธอ
“โม่โยว โม่โยว?”
ลู่จิ้นยวนโทรหาลูกน้องตัวเอง ค่อยรู้ว่าโม่โยวไม่ได้ออกไปจากประตูบริษัท จนต้องขมวดคิ้ว
เขาเดินออกจากแผนกออกแบบ ทันใดนั้นก็หันมองไปทางปลายทางเดิน หูของเขาดีมาก แค่เสียงอะไรนิดอะไรหน่อยก็ได้ยินชัดเจน แล้วอีกอย่าง ที่นี่ก็เงียบมากด้วย
เขาเดินใกล้เข้าไป เสียงก็ยิ่งชัดกว่าเดิม เหมือนเป็นเสียงตบประตู ถึงแม้ในห้องน้ำจะมืดมาก แต่ก็ยังเห็นได้ชัดเจนว่าประตูบานหนึ่งถูกไม้ถูพื้นล็อกไว้
เขานึกถึงอะไรบางอย่างได้ สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที จากนั้นรีบเปิดไฟแล้วก้าวเดินเข้าไป
“โม่โยว? เธออยู่ข้างในหรือเปล่า?”
พอโม่โยวได้ยินเสียงเขาก็รีบเอ่ย รู้สึกแสบจมูกอย่างไม่รู้ตัว “ฉัน ฉันอยู่ ฉันอยู่ในนี้”
ลู่จิ้นยวนเปิดประตู พอเห็นสภาพข้างในนั้น สีหน้าก็เยือกเย็นทันที
โม่โยวหลบอยู่ตรงมุม สีหน้าซีดขาว ตัวเปียกทั้งตัว ทุลักทุเลมาก
เขาเดินเข้าไปแล้วอุ้มตัวเธอขึ้นด้วยสีหน้าเยือกเย็น ไม่เอ่ยพูดอะไรแล้วรีบก้าวออกจากที่นี่
โม่โยวอยู่ในอ้อมกอดของเขา ข้างหูเป็นเสียงหัวใจเต้นของเขา พอเงยหน้าขึ้นไปก็เห็นคางแหลมของเขาพอดี
วินาทีนั้น ความรู้สึกที่คุ้นชินอย่างอธิบายไม่ถูกก็เอ่อล้นออกมาจากในใจ ขณะที่ทำให้เธอรู้สึกวางใจไปด้วย ก็ยังทำให้รู้สึกเสียใจ น้อยใจด้วย
เธอสูดหายใจเข้าลึกๆแล้วเงยหน้าขึ้น พยายามหักห้ามความรู้สึกทุกอย่างไว้
“บอส บอสคะ ฉันลงมา……”
“เงียบ” ลู่จิ้นยวนเอ่ยอย่างเยือกเย็น
วินาทีนั้น เธอพูดอะไรไม่ออกเลย
ห้องทำงานของลู่จิ้นยวนกว้างมาก แล้วยังมีห้องพักผ่อนด้วย
เขาวางตัวเธอลงบนเตียง แล้วหยิบผ้าขนหนูมากำลังจะเช็คให้เธอ
ท่าทางของเขาดูธรรมชาติมาก แต่โม่โยวกลับรู้สึกอึดอัดมาก แล้วรีบยืนขึ้นทันที “บอสคะ ฉันทำเองก็ได้ค่ะ”
ลู่จิ้นยวนจ้องมองไปที่เธอสักพัก จากนั้นก็ยืนให้เธอ
“เสื้อผ้าบนตัวเธอต้องเปลี่ยน ไปอาบน้ำก่อน เดี๋ยวฉันจะให้คนมาส่งเสื้อผ้าชุดใหม่ให้เธอเอง”
โม่โยวทำอะไรไม่ถูก ถึงแม้สถานการณ์ตอนนี้ทำได้แค่นี้ แล้วเสื้อบนตัวเธอก็บางมากด้วย ก็ควรจะเปลี่ยนจริงๆ
เธอพยักหน้า “รบกวนบอสด้วยนะคะ”
ในห้องอาบน้ำ โม่โยวมองเห็นอ่างอาบน้ำที่ใหญ่โต พอนึกได้ว่าลู่จิ้นยวนอาจจะเคยแช่ในนั้น หน้าก็แดงแล้วรับส่ายหัวทันที
ที่นี่ทำให้เธอรู้สึกอึดอัดมาก จากนั้นก็รีบอาบน้ำ สุดท้ายพอเดินออกมาจากห้องอาบน้ำที่เปียกชื้น ขาก็ลื่นแล้วล้มลงไปกับพื้น
“โอ๊ย……”
ลู่จิ้นยวนได้ยินเสียงเธอโอดครวญ ก็รีบพุ่งเข้าไปทันที วินาทีต่อมา เสียงกรีดร้องดังขึ้นมากกว่าเดิมอีก
โม่โยวห้ามความเจ็บปวดทั้งเนื้อทั้งตัวแล้วรีบหันข้าง พยายามปกปิดร่างกายตัวเอง ในสมองก็ว่างเปล่า จนหน้าแดงลามไปจนถึงคอเลย
ลู่จิ้นยวนคาดไม่ถึงว่าจะเป็นสถานการณ์นี้แล้วเอ็งไป พอดึงสติกลับมาได้ ก็รีบเบี่ยงสายตาหนี เป็นถึงผู้บริหารที่ใหญ่โตแต่กลับทำอะไรไม่ถูก