เวินหนิงเข้าใจเรื่องทั้งของลู่จิ้นยวนอย่างชัดเจน
คนอย่างเขา จะต้องแต่งงานกับผู้หญิงที่คู่ควรแน่นอน ถึงคนอื่นจะมีความรู้สึกดีๆให้มากแค่ไหนก็จะเจ็บปวดมากเท่านั้น
“ใช่ สักวันฉันจะไปจากตระกูลลู่ แต่ถ้าวันนั้นมาถึง คุณจะมีโอกาสเหรอ ฉันหวังว่าคุณจะไม่ทำสิ่งที่ไร้สาระออกไป”
เวินหนิงพูดอย่างใจเย็น ไม่สนว่าเซี่ยเหลียนจะฟังหรือเปล่า แล้วเดินกลับไปที่ห้อง
เซี่ยเหลียนมองตามหลังเธอ กระทืบอยากเจ็บเจ็บ ทำไมถึงดูถูกเธอแบบี้ ผู้หญิงที่ติดคุกกล้ามาสั่งสอนเธอได้ด้วย?
วันหนึ่งเธอต้องนั่งในตำแหน่งคุณผู้หญิงของตระกูลลู่ และทำให้ทุกคนที่ดูถูกเธอต้องเสียใจ
…
ไม่นานหลังจากที่เวินหนิงกลับมาถึงห้องก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
เมื่อเธอเดินไปเปิดประตู เวินหนิงก็เห็นเป็นนายท่าน เธอประหลาดใจเล็กน้อย “ลู่จิ้นยวนไม่อยู่ที่นี่ค่ะ นายท่านมาหาเขาเหรอคะ”
เขาส่ายหัว “เปล่า ฉันมาหาเธอน่ะ”
เวินหนิงรู้สึกประหม่าเล็กน้อย หรือเขาต้องการคุยกับเธอเรื่องการหย่า
“ฉันเพิ่งรู้ว่าจิ้นยวนประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์เล็กน้อยน่ะ”
นายท่านขมวดคิ้ว เนื่องจากอุบัติเหตุของลู่จิ้นยวน ทำเขาตึงเครียด
เขาไม่สามารถทนกับความเจ็บปวดได้เป็นครั้งที่สอง
เวินหนิงไม่ได้พูดอะไร รู้สึกหมดหนทาง อุบัติเหตุทางรถยนต์ … เป็นสิ่งที่เลี่ยงได้แต่ลู่จิ่นยวนนี่สิเป็นบ้า
แค่มองไปที่ท่าทางกังวลของเขา เวินหนิงก็นึกถึงปู่ย่าของเธอ ไม่รู้จะพูดอะไรได้เธอจึงทำได้แค่ปลอบ
“เอางี้ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เธอไปทำงานเป็นผู้ช่วยของจิ้นยวน ไปทำงานกับเขาทุกวันอย่าปล่อยให้เขาขับรถไปคนเดียว”
นี่เป็นวิธีแก้ปัญหาของเขา ยังไงเวินหนิงก็เป็นคนของลู่จิ้นยวนอยู่แล้ว
มีเธออยู่ ต้องทำให้ลู่จิ้นยวนเป็นคนที่ดีขึ้นได้แน่
“นายท่านคะ ฉันว่าจะไม่ได้ผล” เวินหนิงตกใจและปฏิเสธโดยทันที ตอนนี้เธอเจอลู่จิ้นยวนแค่ไม่กี่วันต่อครั้งยังรู้สึกเหนื่อยล้าขนาดนี้
ถ้าทำงานเป็นผู้ช่วยเขา อยู่ด้วยกันทั้งวันทั้งคืน จะไม่ตายเลยเหรอ?
ยิ่งไปกว่านั้นเธอยังมีงานของตัวเอง ไม่ต้องการให้ความสำคัญกับผู้ชายคนนั้น
“ฉันยังมีงานอื่นอยู่ค่ะ อีกอย่างคุณผู้ชาย เขาไม่ชอบฉันด้วย ถ้าฉันไปเกรงว่าจะทำให้เขาจะโกรธ”
“นี่เป็นการตัดสินใจของฉัน เด็กคนนั้นไม่กล้าพูดอะไรหรอก ฉันไปถามเกี่ยวกับงานของเธอมาแล้ว ฉันจะให้เงินเดือนเธอสามเท่า จากนั้นเมื่อเธอออกจากตระกูลลู่ก็จะจัดงานที่มีรายได้สูงและมั่นคงให้ แบบนี้ก็ได้แล้วใช่ไหมล่ะ”
เขาไม่สนใจคำปฏิเสธของเหวินหนิงเลย
เมื่อเห็นเป็นแบบนี้ เวินหนิงก็ทำอะไรไม่ถูก นิสัยดื้อรั้นของลู่จิ้นยวนคงมาจากชายที่อยู่ตรงหน้าเธอนี่เอง
เธอเข้าใจดี ว่าหากเธอปฏิเสธข้อเสนอนี้อีก เขาคงรำคาญ พอถึงเวลานั้น คนที่ทนทุกข์ก็เป็นตัวเธอเอง
เพราะงั้นเลยทำได้แต่พยักหน้า
“อืม เธอตกลงก็ดี เอางี้ พรุ่งนี้เธอไปทำงานกับจินหยวน จำไว้ว่าระหว่างทางเธอต้องคอยดูเขา อย่าทำให้เขาโกรธ”
เวินหนิงตอบกลับ นายท่านก็จากไปด้วยความพึงพอใจ
หลังจากส่งเขาไปแล้ว เวินหนิงก็ทรุดตัวนั่งลงบนเตียงด้วยความรู้สึกอึดอัดเมื่อคิดว่าจะต้องคุยกับลู่จิ้นยวนทุกวัน
อาจเป็นข้อดีเพียงอย่างเดียวคือเธอหาเงินได้มากขึ้น เวินหนิงลุกขึ้นไปดูยอดเงินในบัญชี ยอดเงินเธอนั้นน้อยมาก
ครั้งก่อน เธอไปโรงพยาบาลหลายแห่งเพื่อหาแม่ของเธอ และสอบถามเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายสำหรับผู้ป่วยที่ไม่สามารถดูแลตัวเองได้ และเงินเดือนหนึ่งเดือนเธอนั้นไม่พอจ่าย
เธอต้องประหยัดเงินให้มาก เพื่อที่จะพาแม่ของเธอกลับมา
พอนึกถึง เวินหนิงก็ขบฟัน ลู่จิ้นยวนงั้นเหรอ งั้นเธอก็แกล้งเป็นใบทำเป็นหูหนวกอดทนไปแล้วกัน
…
ในเข้าวันรุ่งขึ้น นายท่านก็ประกาศที่โต๊ะอาหาร “ให้เวินหนิงเป็นผู้ช่วยของเธอต่อจากนี้ไป ไปทำงานเป็นเพื่อนจะได้ดูแลเธอได้ด้วย”
ลู่จิ้นยวนขมวดคิ้ว มองผู้หญิงที่กำลังก้มศีรษะทานอาหารเช้า “ผมไม่เคยมีคนไร้ประโยชน์ไว้ข้างๆ”
ช้อนในมือของเวินหนิงหยุดนิ่งลง นายท่านก็ถอนหายใจ “ยังไงก็ตามฉันจ่ายเงินเดือนให้เอง เธอไม่สนใจ แต่จำไว้ว่าต้องพาเธอไปด้วย”
เมื่อเห็นความดื้อรั้นของนายท่านลู่จิ้นยวนทำได้เพียงพยักหน้ารับ แต่สีหน้าของเขายังเย็นชาและเห็นได้ชัดว่าเขาไม่เห็นด้วย
หลังจากรับประทานอาหารแล้วเวินหนิงเดินตามลู่จิ้นยวนและกำลังจะเข้าไปในรถ แต่ชายคนนั้นพูดอย่างไม่พอใจ “เธอมานั่งข้างคนขับ คนอื่นเห็นเขาจะคิดกันยังไง”
เวินหนิงรู้สึกอับอาย “ฉันขอโทษ ฉันคิดเรื่องนี้ไม่รอบคอบเอง”
พูดจบก็ไปนั่งเบาะหลัง
“เธอไปนั่งด้านหลัง คือฉันอยู่ฐานะคนขับรถเหรอ”
แต่ลู่จิ้นยวนก็ไม่มีทางยอมง่ายๆ
เมื่อเวินหนิงได้ยินดังนั้น เธอก็หยุดมือที่จับประตูไว้ ลู่จินหยวนต้องการจะบอกอะไรสักอย่าง
“งั้นคุณผู้ชายจะให้ฉันทำยังไงดีคะ” เวินหนิงอดไม่ได้ตอบกลับไป จะให้เธอไปนั่งบนหลังคาหรือใต้ท้องรถเขาถึงจะพอใจ?
“เธอควรไปไกล ยิ่งไกลยิ่งดี อย่ามาขวางสายตาของฉัน” ลู่จิ้นยวนพูดด้วยน้ำเสียงของเขาเย็นชาก่อนสวมแว่นกันแดดและนั่งที่นั่งคนขับ
เวินหนิงบีบนิ้วของเธอ ถ้าไม่ใช่เพราะนายท่านที่บังคับให้เธอไปกับลู่จิ้นยวน ให้ไปและกลับด้วยกัน เธอคงจากไปนานแล้วและจะไม่โกรธขนาดนี้
แต่ตอนนี้เธอก็ไม่มีทางเลือกอื่น
“ขอโทษจริงๆค่ะ ฉันก็ไม่อยากมา แต่ก็ช่วยไม่ได้ นี่คือคำขอของนายท่าน คุณผู้ชายคงไม่อยากทำตามคำพูดของนายท่านใช่ไหมคะ”
“เธอรู้วิธีย้ายปู่ของฉันออกไหมล่ะ เธอคงไม่คิดว่าเขามองว่าคุณเป็นหลานสะใภ้จริงๆใช่ไหม” ลู่จิ้นยวนยิ้มอย่างเย็นชา
“ฉันก็ไม่ได้โง่ขนาดนั้น แต่ฉันต้องฟังคำพูดของนายท่าน”
เวินหนิงตอบกลับ ลู่จิ้นยวนรู้สึกไม่พอใจมากขึ้น ผู้หญิงคนนี้สามารถติดตามเขาได้งั้นเหรอ เธอถูกบังคับให้ทำแต่จริงๆแล้วก็ไม่เต็มใจ?
แสดงละครอะไรอีกล่ะ?
หลังจากมองดูนาฬิกา ถ้าไม่ออกตอนนี้ต้องสายแน่ “ขึ้นมา”
น้ำเสียงเย็นชาของลู่จิ้นยวนดังขึ้น เวินหนิงก็ก้าวขึ้นรถ
“เพื่อเลี่ยงปัญหาให้คุณชาย ที่พาตัวปัญหาอย่างฉันขึ้นมา เพราะงั้นฉันจะลงก่อนถึงบริษัทลู่ค่ะ คงเป็นวิธีที่ดีกับทุกคน”
ลู่จิ้นยวนมองไปที่เธอโดยไม่พูดอะไร
แสร้งทำเหมือนโดนชักชวนจากคุณปู่เพื่อติดตามเขา แถมยังแสร้งทำเป็นไม่อยากไปอีก…
ผู้หญิงคนนี้กำลังคิดอะไรกันแน่?
ลู่จิ้นยวนถอนสายตา “ต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว”