บ่วงแค้นแสนรัก – ตอนที่ 35 จี้ใจเวินหลาน

เวินหลานเป็นคนโทรฯมา

 

เวินหนิงไม่อยากอารมณ์เสียเพราะเธอ จึงตัดสายทิ้ง

 

แต่เวินหลานไม่ยังพยายามโทรฯเข้ามาไม่หยุด

 

เธอว่างมากหรือไงกัน?

 

เวินหนิงสงสัยนัก ตอนนี้เวินหลานเป็นดาราดังอันดับต้นๆในเมืองเจียงเฉิน มีทั้งขึ้นบิลบอร์ดไปทั่วเมืองเจียงเฉิน และยังโฆษณาทางโทรทัศน์อีก นี่ยังมีเวลามาสนใจเธออีกเหรอ?

 

“มีอะไร”

 

เวินหนิงรับโทรศัพท์อย่างรำคาญ

 

“ไม่มีธุระอะไรจะโทรฯมาหาพี่ไม่ได้เหรอ?” เวินหลานยกมือขึ้นมาดูเล็บที่เพิ่งทำเสร็จอย่างพึงพอใจ

 

เมื่อเช้าคนที่เธอส่งไปแฝงตัวอยู่ในบริษัทที่เวินหนิงทำงานอยู่โทรฯมารายงานว่าเธอได้ลาออกจากงานแล้ว คงจะทนแรงกดดันจากข่าวลือไม่ไหว

 

เวินหลานไม่อยากพลาดโอกาสที่จะได้ตอกย้ำเธอ

 

“ได้ข่าวว่าเธอลาออกจากงานแล้วเหรอ เห็นว่าเพิ่งทำได้แค่เดือนเดียวก็กระเด็นออกมาแล้ว ใช้ไม่ได้เลยนะเนี่ย

 

เวินหนิงไม่พูดอะไร ขมวดคิ้วหน้าย่น

 

ช่างไร้สาระจริง แต่ถ้าเวินหลานรู้ว่าตอนนี้เธอกำลังทำงานอยู่ชั้นบนสุดในบริษัทตระกูลลู่ เธอจะโกรธมากมั้ยนะ?

 

นึกได้ดังนั้น เวินหนิงก็ตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูประหลาด:”เวินหลานคนของเธอน่าจะสมองไม่ค่อยดีนะเนี่ย ฉันลาออกจากงานแล้วก็จริง แต่ฉันลาออกมาทำงานที่บริษัทตระกูลลู่ แบบนี้เขาไม่เรียกว่ากระเด็นออกมานะ เขาเรียกว่าเปลี่ยนงาน เข้าใจมั้ย?”

 

เวินหลานจากที่กำลังสบายอกสบายใจ พอได้ยินเวินหนิงพูดเข้าก็เปลี่ยนเป็นเจ็บใจขึ้นมาทันที

 

บริษัทตระกูลลู่เหรอ?

 

บริษัทฯที่เด็กจบใหม่จากสถาบันดังๆแข่งกันเพื่อให้ได้เข้าไปทำงานน่ะเหรอ?

 

เวินหนิงจบแค่มัธยมปลาย จะเป็นไปได้ไง?

 

“เหอะๆ นี่พี่ช็อคจนเป็นบ้าไปแล้วเหรอ? บริษัทตระกูลลู่จะรับคนอย่างพี่เข้าทำงานได้ยังไงกัน จะโม้อะไรก็ให้มันใกล้ความจริงหน่อยไม่ได้เหรอ?”

 

“เชื่อไม่เชื่อก็เรื่องของเธอ” เวินหนิงไม่อยากอธิบายอะไรกับเธอมาก “ฉันยังมีงานต้องทำ ไม่มีเวลามาพูดเรื่องไร้สาระกับเธอ”

 

พูดเสร็จ เวินหนิงก็วางสายทันที

 

เวินหลานที่อยู่ปลายสายยังคงสงสัยไม่เลิก เธอเชื่อว่าเวินหนิงต้องกำลังโกหกเธอเพื่อให้เธออยู่ไม่เป็นสุข

 

แต่เธอก็หยุดความคิดในหัวไม่ได้ โดยเฉพาะเรื่องที่ลู่จิ้นยวนไปประกันตัวเวินหนิงที่สถานีตำรวจด้วยตัวเอง…….

 

หรือว่า ลู่จิ้นยวนจะเป็นคนจัดการให้เธอเข้าไปทำงานในบริษัทตระกูลลู่ เพื่อจะเก็บเธอไว้ใกล้ๆตัว?

 

ภาพลักษณ์ของลู่จิ้นยวนที่เวินหลานจำได้เป็นท่านประธานผู้เย็นชากว่าคนทั่วไป ไม่คิดว่าผู้ชายแบบนี้จะมาเกี่ยวข้องกับเวินหนิงได้…….

 

“ติดต่อไปที่บริษัทตระกูลลู่ให้หน่อย บอกว่าฉันจะขอคุยด้วยหน่อย”

 

………

 

หลังวางสาย เวินหนิงรู้สึกว่านี่เป็นครั้งแรกที่เธอสามารถเชิดหน้าพูดกับเวินหลาน ถึงแม้ว่ามันจะพูดได้อย่างไม่เต็มปากก็ตาม แต่ในใจกลับรู้สึกซะใจไม่น้อย

 

เพราะเหตุนี้ เธอถึงไม่ได้ต่อต้านงานนี้มากนัก อย่างน้อยการอยู่ที่นี่ก็สามารถทำให้เวินหลานเจ็บใจจนอยู่ไม่สุขได้

 

นึกถึงจุดนี้ เวินหนิงก็มีกำลังขึ้นมาทันที เธอตักน้ำมาหนึ่งถัง และเริ่มเช็คกระจกอย่างตั้งใจ

 

ทำๆไปเวินหนิงก็นึกขึ้นมาได้ว่า ครั้งก่อนที่เธอเข้าใจผิดเรื่องที่ว่าลู่จิ้นยวนปล่อยข่าวลือในบริษัทฯ เธอยังไม่ได้พูดกับเขาให้ชัดเจนเลย

 

เธอมองห้องทำงานของท่านประธานที่ไม่มีใครอยู่ ก่อนจะลังเลเล็กน้อยว่าจะเข้าไปขอโทษเขาดีมั้ย?

 

พอนึกถึงความร้ายกาจที่เขาทำต่อเธอช่วงนี้ เวินหนิงก็นึกอยากถอยหนี แต่เธอก็เข้าใจความรู้สึกของคนที่ถูกเข้าใจผิดได้เป็นอย่างดี ดังนั้นหลังจากที่เช็คกระจกเสร็จ เธอก็นั่งลงเขียนจดหมายขอโทษขึ้นมาฉบับหนึ่ง

 

แค่มีโอกาสให้ลู่จิ้นยวนได้อ่านก็พอละ แบบนี้เธอจะได้รู้สึกสบายใจขึ้นมาบ้าง ส่วนผู้ชายคนนั้นจะรับหรือไม่รับก็เรื่องของเขา

 

……..

 

หลายวันหลังจากนั้น เวินหนิงก็ทำงานใช้แรงทั่วไปอยู่ด้านนอก

 

ลู่จิ้นยวนที่มีความระวังตัวสูงมาก ก็ไม่อยากเห็นหน้าเธอในเวลางาน ดังนั้นเวินหนิงเลยไม่มีโอกาสได้ส่งจดหมายขอโทษเข้าไปให้เขา

 

ในขณะที่เธอกำลังทำความสะอาดห้องน้ำอยู่ อันเฉินก็เดินเข้ามาหา : “ท่านประธานลู่บอกว่าอยากได้กาแฟซักแก้ว พอดีฉันติดงานด่วน เธอช่วยชงกาแฟเข้าไปให้หน่อยนะ”

 

พูดจบอันเฉินก็เร่งรีบออกไป

 

เวินหนิงมองตามหลังเขาไวๆ อยากเรียกเขาไว้ก็ไม่ทันแล้ว

 

ไปชงกาแฟให้ประธานลู่เหรอ? เวินหนิงหนักใจเลย แต่เพราะมีคนขอให้ช่วยจะไม่ทำก็ไม่ได้ เธอจึงจำต้องเข้าไป

 

กาแฟที่ลู่จิ้นยวนดื่มก็ต้องไม่เหมือนกับพนักงานทั่วไปอยู่แล้ว ต้องเป็นกาแฟบดเท่านั้น

 

เวินหนิงเห็นอันเฉินทำอยู่หลายครั้ง ตอนนั้นยังคิดอยู่เลยว่าชีวิตลู่จิ้นยวนช่างหรูหราฟุ่มเฟือยซะจริง ไม่คิดว่าตอนนี้จะต้องมาทำให้เองซะงั้น

 

เธอค่อยๆเดินเข้าไปในห้องทำงานของลู่จิ้นยวน ชายหนุ่มกำลังก้มหน้าดูเอกสารในมือ แสงแดดยามบ่ายกระทบบนตัวเขา ทำให้ใบหน้าที่ดูเย็นชาของเขาดูอบอุ่นนุ่มนวลขึ้นมาเล็กน้อย

 

เวินหนิงจ้องมองอย่างเหม่อลอย ทำให้ไม่ทันระวังน้ำหนักมือ จนเกิดเสียงดังจี๊ดหูขึ้น

 

ชายหนุ่มที่ก้มหน้าทำงานอย่างตั้งใจต้องเงยหน้าขึ้นมามองเธอ พร้อมขมวดคิ้วย่นเข้าหากัน : “เธอเข้ามาทำไม ออกไป”

 

เวินหนิงมองบนในใจ ใช่ว่าเธออยากเข้ามา แต่เพราะมีคนขอร้องให้ช่วยเธอเลยต้องมา ก็ช่วยไม่ได้นะ

 

“ผู้ช่วยอันบอกว่ามีงานด่วน ให้ฉันมาชงกาแฟให้คุณ”

 

เวินหนิงตอบอย่างเรียบเฉย

 

ลู่จิ้นยวนนวดขมับเล็กน้อยก่อนจะจ้องมองเธอที่ดูนิ่งเฉย ผู้หญิงคนนี้ปกติจะสงบเสงี่ยมจนเขาจับไต๋เธอไม่ได้ มาวันนี้เห็นจะทนวางตัวต่อไปไม่ไหวแล้วซินะ?

 

“ฉันบอกไว้ก่อนเลยนะว่าฉันเรื่องมากเรื่องรสชาติ ถ้าทำได้ไม่ดี ฉันไม่ไว้หน้าเธอแน่”

 

ลู่จิ้นยวนพูดเสร็จก็ก้มหน้าลง : “แล้วก็จำไว้ด้วย ต่อไปอย่าให้มีเสียงจี๊ดหูแบบนี้อีก”

 

เวินหนิงตอบรับเบาๆ ก่อนจะหยิบเมล็ดกาแฟและเดินออกไป

 

ลู่จิ้นยวนนึกว่าเธอจะต่อปากต่อคำกับเขาอีก แต่ไม่คิดว่าจะเชื่อฟังขนาดนี้ เขารู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย

 

เวินหนิงค่อยๆเดินไปทางห้องที่มีเครื่องบดกาแฟ ก่อนหน้านี้เวลาเธอเบื่อๆก็จะมาฝึกบดกาแฟกับอันเฉินบ้าง พอมาทำเองเลยไม่ยากเท่าไหร่

 

ผ่านไปชั่วครู่ ก็ได้กาแฟหอมกรุ่นมาหนึ่งแก้ว

 

เวินหนิงหยุดคิดนิดหนึ่ง ก่อนจะนำจดหมายที่เขียนก่อนหน้านี้วางไว้ใต้จานรองแก้วแล้วยกเข้าไป

 

เธอค่อยๆเดินเข้าไปในห้องทำงานของลู่จิ้นยวน

 

ไม่รู้ว่าลู่จิ้นยวนตั้งใจหรือเปล่า เขาดูจะตั้งใจกับเอกสารในมือมาก เธอเดินเข้ามาในห้องแล้ว เขาก็ยังไม่เงยหน้าขึ้นมา ทำเหมือนเธอไม่มีตัวตน ยังคงตั้งใจดูเอกสารในมือต่อ

 

เวินหนิงไม่กล้าวางไปเรื่อย โต๊ะทำงานของลู่จิ้นยวนเป็นพื้นที่ต้องห้าม หากเธอเกิดไม่ระวังไปโดนของบนโต๊ะแล้วเกิดเสียงดังขึ้นมา กลัวเขาจะโมโหอีก

 

ดังนั้นเธอจึงต้องยืนรออยู่อย่างนั้น ทำไงได้

 

สิบกว่านาทีผ่านไป เวินหนิงเริ่มรู้สึกเมื่อยมือ ลู่จิ้นยวนที่ดูเอกสารในมือเสร็จ ได้เงยหน้าขึ้นมามองเธอแวบหนึ่ง: “กาแฟน่าจะเย็นหมดแล้ว ไปเปลี่ยนแก้วใหม่มา”

 

ชายหนุ่มพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ โดยไม่ได้รู้สึกว่าสิ่งที่พูดไปนั้นจะแปลกอะไร

 

บ่วงแค้นแสนรัก

บ่วงแค้นแสนรัก

ของขวัญวันเกิดอายุ18ปีของเวินหนิง คือเธอต้องติดคุก10ปี เพื่อการแก้แค้นเธอจึงตอบตกลงคำขอร้องของปีศาจ เธอต้องแต่งงานกับสามีที่นอนอยู่ในสภาพเหมือนผัก แต่คิดไม่ถึงว่า…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset