เจ้าหนุ่มน้อยนั้นไม่ได้รู้ตัวเลยสักนิด อีกนิดนึงโม่โยวก็จะทำเหมือนเหมือนว่าไม่รู้จักเขาแล้ว ยังคงทำตัวออดอ้อนน่ารักและงอแงอยู่ตรงนั้น
โม่โยวนั้นก็ไม่รู้จะทำยังไงกับเขาดีเหมือนกัน เลยทำได้เพียงออกแรงอุ้มเขาขึ้นมา หมุนตัวแล้วเดินเข้าไปในห้องทำงาน ปิดประตู ครืด แล้วก็ปิดผ้าม่าน บดบังสายตาทั้งหมด
ส่วนด้านนอก ก็ร้อนระอุขึ้นมาทันที เปิดหัวข้อสนทนา
“พระเจ้า เมื่อกี้ฉันได้ยินอะไรเนี่ย? นายน้อยเรียกผู้ดูแลโม่ว่า……แม่?”
“แกไม่ได้ฟังผิด ฉันเองก็ได้ยินเหมือนกัน ไม่น่าเชื่อเลยจริงๆ ฉันนึกว่าความสัมพันธ์ระหว่างผู้ดูแลโม่กับท่านประธานแค่คลุมเครือเฉยๆ นึกไม่ถึง……” นึกไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะไปถึงขั้นนี้แล้ว
“นี่ ภรรยาของท่านประธานไม่อยู่แล้วไม่ใช่เหรอ แม่ผู้ดูแลคนนี้ คงจะไม่ได้กลายเป็นภรรยาของท่านประธานเร็วๆนี้หรอกใช่ไหม?” อยู่ๆในกลุ่มคนที่กำลังพูดคุยก็มีใครคนหนึ่งพูดออกมา
ทุกๆคนเงียบไปแป๊บหนึ่ง แล้วก็มองหน้ากัน อยู่ๆก็ค้นพบว่า ความเป็นไปได้นี่เป็นไปได้สูงมาก
ยังไงเสีย นายน้อยของตระกูลลู่ก็ยอมรับแล้ว จิ๊ๆ นี่มันสุดยอดไปเลยจริงๆ
ภายในห้องทำงาน
ไม่มีการสอดส่องจากคนนอก แถมลู่อันหรานที่บรรลุจุดประสงค์แล้ว นั่งอยู่บนโซฟาอย่างสบายใจ แกว่งขาสั้นๆทั้งสองข้างไปมา มองโม่โยวด้ยใบหน้าที่ใสซื่อบริสุทธิ์
ฝ่ายหลังนั้นปวดหัวจนต้องเอามือก่ายหน้าผาก อดไม่ได้จนต้องคุกเข่าย่อตัวลงมองลูกชายของตัวเอง “อันหราน เมื่อกี้ลูก……แม่เคยบอกลูกแล้วไม่ใช่เหรอ เรื่องนี้อย่าเพิ่งให้คนอื่นรู้?”
ลู่อันหรานเบะปาก “ทั้งๆที่อันหรานมีแม่ แต่ว่าถ้าเกิดไม่ให้คนอื่นๆรู้ล่ะก็ คนอื่นก็จะเข้าใจว่าอันหรานนั้นเป็นเด็กไม่มีแม่”
“หม่าม้า หม่าม้าไม่อยากได้อันหรานแล้วใช่ไหม”
“แน่นอนว่าไม่มีทางเลย ลูกคือสิ่งที่มีค่าและสำคัญทีสุดของแม่ แม่ไม่ต้องการใครก็ไม่มีทางไม่ต้องการลูฏ” โม่โยวรีบการันตีในทันที
หนุ่มน้อยยิ้มออกมาในทันที นัยน์ตาก็ลึกล้ามีประกายเจ้าเล่ห์ที่ไม่เห็นอยู่
ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป โม่โยวนั้นมักจะได้ดอกกุหลายช่อโตทุกๆวัน แถมคนเอามาส่ง คืออันเฉินอัน
ที่บริษัท อันเฉินอันนั้นเท่ากับเงาของลู่จิ้นยวน ของที่โดนเขานั้นนำมาส่ง ไม่ต้องพูดอะไรเลย ทุกๆคนล้วนรู้ว่านั่นกำลังแทนใครอยู่
ไม่แต่เพียงเท่านี้ ตอนใกล้เวลาที่จะเลิกงานลู่อันหรานก็มักจะมาที่แผนกออกแบบทุกๆวัน สิ่งที่ชอบทำที่สุดก็คือ ชอบเรียกโม่โยวว่าแม่ต่อหน้าคนอื่นๆ แล้วก็ทำท่าออดอ้อนมากกว่าปกติ
พนักงานทุกระดับของบริษัทตระกูลลู่ ค่อยๆเริ่มจากความตกใจ เหลือเชื่อ จนตอนนี้กลายเป็นเคยชินไปเสียแล้ว แต่ทุกๆคนล้วนนับถือโม่โยว
แน่นอนล่ะ ความลับไม่มีบนโลก เหตุการณ์แสดงความรักแบบนี้ พวกนักข่าวที่อยู่ด้านนอกก็ต้องได้ยินเรื่องราวกันไปบ้างแล้ว
ข่าวของลู่จิ้นยวน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของธุรกิจหรือว่าเรื่องบันเทิง ล้วนก็เป็นสิ่นที่ขาดไม่ได้ที่จะพูดถึง ถ้าไม่ใช่เพราะว่าตระกูลลู่นั้นลงดาบไว้ก่อนแล้ว ตอนนี้ข่าวก็คงจะกระจายไปทั่วแล้ว
เกี่ยวกับเรื่องทั้งหมดนี้ คนที่ถูกพูดถึงแน่นอนว่าต้องโมโห แต่เพราะว่าลู่อันหรานยังเป็นอีกหนึ่งสาเหตุ เลยไม่มีวิธีที่จะแก้ไข
ท่านบอสลู่ของพวกเราเวลาจีบใครสักคนหนึ่ง พวกตัริ้นไรห้ามโผล่ออกมารบกวนเขาเด็ดขาด เรื่องนี้ ก็หมายถึงโม่เทียนยวี๋อยู่แล้ว
ถึงแม้ว่าเรื่องครั้งก่อนที่คาเฟ่ ทำให้ลู่จิ้นยวนนั้นมองใจของโม่โยวออก แต่ว่าคนที่ชอบเร้าหรือคนอื่นแบบโม่เทียนยวี๋นั้น เขานั้นก็อดไม่ได้ที่จะต้องกันเอาไว้ก่อน
เรื่องน่าอายอย่างการคุกเข่าลงก็ยังทำมาแล้ว ใครจะรู้ว่าเขานั้นจะทำเรื่องน่ารังเกียจอะไรแบบไหนออกมาอีก
ส่วนในตอนนี้ โม่เทียนยวี๋นั้นต้องการจะเจอกับโม่โยว ไม่ว่าจะไปที่บริษัทตระกูลลู่ หรือว่าไปบ้านของโม่โยว บนทาง อยู่ๆเขานั้นก็มักจะพบกับเรื่องหรือเหตุไม่คาดฝันอยู่เสมอ
ถ้าไม่ใช่อยู่ๆก็หกล้ม อยู่ๆรถก็ยางแบน ทุกๆครั้งล้วนทำให้เขานั้นเจอกับเรื่องวุ่นวายทั้งนั้น สรุปคือ มีช่วงๆหนึ่ง เขานั้นก็อยากยอมแพ้ที่ปรากฎตัวต่อหน้าอันหรานต่อหน้าโฒ่โยว
……
“นี่คืออะไร?” โม่โยวได้รับประกาศมาว่าให้ไปที่ห้องทำงานของท่านประธาน ในตอนนี้กำลังยืนอยู่ตรงหน้าของลู่จิ้นยวน มองบัตรเชิญสีทองอ่อนที่อยู่ตรงหน้า
“ลองเปิดดู” ลู่จิ้นยวนเลิกคิ้วอย่างเกียจคร้าน
โม่โยวเปิดดู ตกใจอยู่เล็กน้อย นี่คือการ์ดเชิญไปร่วมงาน แต่ว่าทางฐานะฝั่งผู้จัดงาน เป็นถึงนายกเทศมนตรีของเมืองเจียงเฉิง
ระยะนี้บนอินเทอร์เน็ตมีข่าวใหม่ล่าสุดออกมาว่า เป็นคลื่นนักการเมืองลูกใหม่ที่มาแทน หลังจากที่นายกเทศมนตรีคนก่อนย้ายออกไป ปกติแล้วจะให้รองนายกเทศมนตรีเป็นคนมานั่งตำแหน่งต่อ
แต่ว่าครั้งนี้ไม่เหมือนกัน ครั้งนี้นายกเทศมนตรีนั่นเป็นแบบพลร่มที่มาที่ลอยมาจุดหมาย ได้ยินมาว่าแซ่เห่า
แน่นอน เรื่องพวกนี้กับโฒ่โยวแล้ว ค่อนข้างจะไกลตัว ตัวเธอนั้นไม่เคยคิดว่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับตัวเองด้วย
โม่โยวถือบัตรเชิญในมือแล้วมองไปทางลู่จิ้นยวน แววตามรคำถาม
“งานเลี้ยงจัดเย็นนี้ คุณไปเป็นเพื่อนผม” ลู่จิ้นยวนพูดขึ้นนิ่งๆ
โม่โยวขมวดคิ้ว ปฏิเสธไปในทันที “ฉันไม่เคยร่วมงานแบบนี้มาก่อน คุณชวนให้คนอื่นไปงานเป็นแทนเถอะค่ะ” ในตอนที่พูดคำพูดนี้ออกไป ภายในใจของเธออยู่ๆก็มีความรู้สึกประหลาดขึ้นมา
ไม่เคยร่วม?
ลู่จิ้นยวนชะงักไป แล้วก็นึกขึ้นได้ในทันทีว่าโม่โยวยังคงอยู่ในช่วงที่สูญเสียความทรงจำอยู่ เลยจำเรื่องเมื่อก่อนไม่ได้
เขาลุกขึ้น พูดขึ้นอย่างช้าๆ “ถ้าเกิดว่าผมควงผู้หญิงคนอื่นไปออกงาน ถ้าเกิดว่าโดนพวกนักข่าวถ่ายรูปไปได้ นั่นคงจะเป็นเรื่องที่วุ่นวายมากแน่ๆ”
โม่โยวไม่ได้เชื่อเลย อดไม่ได้ที่จะกลอกตาใส่เขาครั้งหนึ่ง “พาฉันไปแล้วจะไม่วุ่นวายอย่างนั้นเหรอคะ?”
จากการที่โดนจีบในช่วงนี้ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้มีความคืบหน้าจริงๆจังๆ แต่ว่าลู่จิ้นยวนนั้นค่อนข้างพอใจ อย่างน้อยๆ ท่าทีของโม่โยวต่อเขา ค่อยๆเปลี่ยนไปโดยไม่รู้ตัว
ในตอนที่เธอเจอหน้าเขาหรือว่าพูดกับเขาก็ดูสบายๆมากขึ้น ไม่ได้มีน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเคารพเกรงใจเหมือนในตอนเมื่อก่อน เหมือนกับว่าทั้งสองคนนั้นไม่ได้สนิทกันอย่างไรอย่างนั้น
“แน่นอนสิ อย่างน้อยๆ ทางฝั่งลูกชายนั้นก็มีข้ออ้าง……ถ้าเกิดว่าอันหรานเห็นว่าข้างๆผมนั้นเป็นคนแปลกหน้า จะต้องอาละวาดแน่ๆ”
ที่ลู่จิ้นยวนพูดออกมานั้นไม่ใช่เรื่องโกหก ในเวลาห้าปีมานี้ ในตอนที่อยู่ที่เมืองตี้ตู ต่อให้มีลูกชายอยู่แล้ว ลูกสาวของตระกูลต่างๆที่ตามติดเขาก็ยังเยอะเหมือนเดิมไม่ได้น้อยลง
แล้วนิสัยโผงผางไม่ยอมคนง่ายๆของลูกชายนั้น ทำกับพวกสาวๆที่อยากจะมาเป็นแม่เลี้ยงให้กับเขา อยู่ๆก็เปลี่ยนเป็นพายุ อารมณ์ก็ไม่ใช่น้อยเลย
โม่โยวนั้นมองเขาออกมาตั้งนานแล้วทุกครั้งจะต้องยกลูกมาเป็นเกราะกำบัง หัวเราะเยาะออกมา “อย่างนั้นคุณก็ไม่ต้องพาคู่ควงไปก็จบแล้วนี่คะ”
“แน่นอนว่าไม่ได้ ผมเป็นถึงท่านประธานลู่ผู้ยิ่งใหญ่ แม้แต่คู่ควงไปออกงานสักคนยังไม่มี อย่างนั้นก็ดูน่าเกลียดเกินไปแล้ว” ผู้ชายคนหนึ่งพูดออกมาราวกับว่าเรื่องมันควรจะเป็นแบบนั้น
เธอสูดลมหายใจเข้า คิดอะไรได้ก็เลยหรี่ตามองเขา “ให้ฉันไปร่วมงานเลี้ยงก็ได้ แต่ว่าฉันมีหนึ่งข้อแม้ พวกดอกไม้แล้วก็ของขวัญพวกนั้น คุณไม่มีสิทธิ์จะส่งมาอีก”
“ไม่มีปัญหา” ลู่จิ้นยวนยกยิ้ม ตอบตกลงไปตามน้ำ
อยู่ๆเขาก็พูดง่ายขึ้นมา กลับทำให้โม่โยวประหลาดใจ มักจะรู้สึกว่ามีอะไรที่มันผิดปกติ แต่ว่าก็คิดไม่ออก ทำได้แค่เพียงจำใจ
เธอไหนเลยที่จะรู้ ต่อให้เธอไม่ขอเรื่องนี้ ลู่จิ้นยวนก็เตรียมที่จะหยุดแล้ว ยังไงเสีย ในตอนนั้นที่โรแมนติกขนาดนี้นั่นก็รวมเรื่องลูกชายอยู่ด้วย จุดประสงค์ก็คือบอกทุกๆคนเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเธอและเขา
จุดประสงค์นั้นบรรลุไปตั้งนานแล้ว แน่นอนว่าก็ไม่จำเป็นที่จะต้องทำต่อแล้ว