สถานที่จัดงานเลี้ยงคือวิลล่าส่วนตัวกลางหุบเขาแห่งหนึ่ง ได้ยินมาว่าวิลล่ากลางหุบเขานี้ เป็นสมบัติส่วนตัวของท่านนายกเทศมนตรีเห่าคนนี้ ดังนั้นจึงเห็นได้ว่า เขานั้นก็ยังมีตระกูลคอยหนุนหลังอยู่
รถหรูหลายคันค่อยๆขับเข้ามาในวิลล่ากลางหุบเขา จอดอยู่ที่สนามด้านหน้าของวิลล่า และมีรถเก๋งสีดำธรรมดาๆคันหนึ่งค่อยๆเปิดประตูออก
ลู่จิ้นยวนดูเหมือนว่าจะเป็นคนแรกที่ออกมาก่อน ชุดสูทหรูหราสีดำ ห่อหุ้มร่างกายที่สูงใหญ่ของเขาไว้ ค่อยๆเดินอ้อมรถไปช้าๆ แล้วเปิดประตูรถอีกด้านด้วยตัวเอง ริมฝีปากกระตุกรอยยิ้มทรงเสน่ห์ขึ้นมา มือเรียวยาวยื่นออกไป
หญิงสาวหน้าตาสวยงาม บริสุทธิ์คนหนึ่งยื่นมือมาจับมือเขาไว้ ค่อยๆลงมาจากรถ
ชุดราตรีสีม่วงอ่อนที่มีส่วนคอดเว้าตรงเอวด อวดทรวดทรงงดงาม ด้านข้างเอวมีริบบิ้นมาตกแต่งให้สวยงาม ผมดัดลอนอ่อนๆยาวระบ่า
มองดูแล้วดูธรรมชาติ แต่ว่าผมทุกๆช่อดูเหมือนว่าได้ผ่านการหวีและจัดแต่งมาอย่างตั้งใจแล้ว แค่ที่ตรงข้างๆหูก็ติดกิ๊บประดับเพชรอยู่อันหนึ่ง
บนใบหน้างามมีการแต่งหน้าเพียงเล็กน้อย ยิ่งไปกว่านั้นยังหาตำหนิอะไรไม่ได้เลยด้วย บนคอมีสร้อยคอสีนิลที่ดำราวกับน้ำหมึกสวมอยู่ ในตอนกลางคืนนั้น เปล่งประกายระยับออกมา
ถึงแม้ว่าโม่เทียนยวี๋จะดีกับเธอมาก แต่ว่าก็ไม่เคยที่จะพาเธอไปร่วมงานสังสรรค์เลยสักครั้ง ไม่ต้องพูดถึงงานเลี้ยงใหญ่โตเลย สำหรับโม่โยวที่ในสมองมีเพียงความทรงจำอยู่แค่ห้าปี ภายในใจไม่มีทางที่จะไม่กังวล
มือของเธอมีเหงื่ออกเล็กน้อย ลู่จิ้นยวนรับรู้ได้ในทันที โอบเอวของเธอเอาไว้ไม่บอกไม่กล่าว จับมือเธอเอาไว้อย่างนุ่มนวล “ไม่ต้องกังวล มีผมอยู่ด้วย”
ไม่ต้องกังวล มีผมอยู่ด้วย
น่าประหลาด เพียงแค่คำพูดเบาๆแค่นี้ แต่กลับทำให้หัวใจของโม่โยวนั้นกระสับกระส่าย รวมไปถึงสายตารอบๆที่มองมาและมองอย่างพิจารณ์ทำให้เธอเกิดความรู้สึกกลัว ค่อยๆสงบลง
ลู่จิ้นยวนนั้นสัมผัสได้โดยเร็ว ริมฝีปากยิ่งกดรอยยิ้มลึกขึ้น แล้วจูงมือเธอเดินเข้าไปด้านใน
เสียงดนตรีไพเราะอ่อนหวานและเสียงหัวเราะเบาๆ ดังมาจากทางด้านหน้าและลอยมาที่นี่ ในงานเลี้ยง ผู้คนดื่มกินกันสนุกสนาน ผู้มาร่วมงานที่อยู่ในชุดหรูหราเสื้อผ้าดูดีกำลังพูดคุยสนทนากัน
อำนาจของตระกูลลู่ ที่เมืองตี้ตูนั้นนับได้ว่าอยู่ลำดับที่หนึ่งที่สอง นี่ที่คือเมืองเจียงเฉิง ผู้มาร่วมงานเลี้ยงทุกๆเขา เกรงว่าจะไม่มีใครที่มีฐานะสูงไปกว่าเขาอีกแล้ว
ใบหน้านั้นของเขาปรากฎขึ้น พวกเจ้าขุนมูลนายต่างๆที่อยู่ในงาน ทยอยกันมาทักทาย ท่าทางแบบนั้น กลัวว่าตัวเองนั้นจะช้าไปหนึ่งก้าวอย่างไรอย่างนั้น
ลู่จิ้นยวนไม่ได้คุยอะไรกับพวกเขามากนัก แค่คุยกันเล็กๆน้อยๆ ก็เตรียมตัวที่จะพาโม่โยวเข้าไปในงาน
แต่ในตอนนี้ โทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้นมา ลู่จิ้นยวนมองสายที่โทรเข้ามาแล้วก็ตัดสายไปในทันที แต่ว่าวินาทีถัดไปก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง หัวคิ้วของเข้าขมวด
“คุณมีธุระก็ไปจัดการก่อนเถอะค่ะ” โม่โยวปล่อยมือที่จับมือเขาไว้ พูดออกมาเสียงเบา
“ไม่จำเป็น ไม่ใช่ธุระที่สำคัญอะไร ผมพาคุณเข้าไป”
ลู่จิ้นยวนตัดสายอีกครั้ง จูงมือเธอเดินต่อ แต่ว่าโทรศัพท์กลับดังขึ้นอีกครั้ง สีหน้าของลู่จิ้นยวนหงุดหงิดขึ้นมาเล็กน้อย
โม่โยวหยุดเดิน “ฉันไปคนเดียวก็ได้ค่ะ งานเลี้ยงมีคนเยอะขนาดนี้ เดี๋ยวฉันเข้าไปแล้วก็หาที่นั่งพักรอคุณเอาก็ได้ คุณจัดการเสร็จแล้วค่อยตามมาก็เหมือนกัน”
ลู่จิ้นยวนคิด ในงานเลี้ยงนี้คงไม่มีใครที่จะกล้ามายุ่มย่ามกับคนที่เขาพามาหรอก ก็เลยพยักหน้า “แป๊บเดียวเดี๋ยวผมกลับมา มีอะไรก็ติตด่อผมนะ”
ก็ตามนี้ ทั้งสองคนยังไม่ทันได้เข้างานก็แยกกัน
ถ้าเกิดว่าได้ โม่โยวนั้นหวังไม่ให้เขาไป ยังไงเสีย ข้างๆไม่มีคนอยู่ด้วยเธอนั้นสบายใจขึ้นเยอะ แต่ว่าถ้าเกิดลู่จิ้นยวนมีธุระที่ต้องจัดการล่ะก็ เธอนั้นก็ไม่กล้าที่จะเอาแต่ใจตัวเองให้เขาอยู่ด้วย
เธอมองสถานที่ตรงหน้าที่เป็นสถานที่แปลกหน้าไปโดยสิ้นเชิงสำหรับเธอ สูดลมหายใจเข้า เดินเข้าไปด้านในด้วยสีหน้าสงบนิ่ง
สถานที่จัดงานเลี้ยงใหญ่มาก แบ่งเป็นโซนอาหาร โซนแอลกอฮอล์ เวทีที่ประดับไปด้วยดอกไม้ ยังมีนักดนตรีชื่อดัง ส่วนด้านล่างคือโซนเต้น ส่วนด้านหลังเป็นที่นั่งพักเป็นแถวๆ
โม่โยวนั้นสุ่มหยิบไวน์แดงมาแก้วหนึ่ง ตามหาเก้าอี้ที่ไม่มีคนนั่งในโซนพักผ่อนแล้วนั่งลง บนโต๊ะยังมีนิตยสารสองสามเล่มวางอยู่ด้วย
จนในตอนที่นั่งลง ร่างกายของเธอที่ดูเกร็งๆอยู่เล็กน้อยถึงได้ผ่อนคลายลง
ถึงแม้ว่าลู่จิ้นยวนจะไม่ได้อยู่ข้างๆกัน แต่ว่าภาพที่พวกเขาทั้งสองมาด้วยกัน คนที่อยู่ในงานล้วนได้เห็น สายตาที่มองออกมาอย่างชัดเจนและไม่ชัดเจนนั้นตกอยู่บนตัวเธอ นั่นทำให้เธอนั้นรู้สึกอึดอัดมากจริงๆ
เธอรู้เรื่องนี้ก่อนหน้าอยู่แล้ว ต่อให้เตรียมใจมาก่อนแล้ว แต่ก็ยังคงทำตัวไม่ถูกอยู่ดี ภายในใจก็เริ่มรู้สึกคิดผิดที่ตอบตกลงมาร่วมงานเลี้ยงนี้
โม่โยวตั้งใจว่าจะนั่งรอลู่จิ้นยวนอยู่ตรงนี้ จะไม่ไปไหนทั้งนั้น คิดแบบนี้แล้ว ภายในใจของเธอก็สบายใจขึ้น
แต่ว่าวินาทีถัดไป กลิ่นฉุนจมูกก็ลอยมา พร้อมทั้งยังมีเสียงฝีเท้าดังขึ้นสะเปะสะปะ แป๊บเดียว ตรงหน้าเธอ ก็มีสาวงามห้าหกคน ที่แต่งตัวเซ็กซี่หยุดยืนอยู่
ผู้หญิงพวกนี้ต่างคนต่างนั่งลงตรงตำแหน่งที่อยู่ตรงข้ามเธอและทั้งสองฝั่งของตัวเธอ ดูเหมือนว่าจะล้อมเธอเอาไว้หมดแล้ว บนใบหน้าของทุกคนล้วนประดับไปด้วยรอยยิ้มกระตือรือร้น ต่างคนต่างทักทายเธอ
โม่โยว: “……”
“คือว่า พวกคุณคือ? ”
หญิงสาวคนแรกที่สวมชุดสีแดงเย้ายวนหัวเราะออกมา “พวกเราทุกคนมาร่วมงานเลี้ยงกับเจ้านายค่ะ แน่นอน กับน้องแล้ว คุณนั้นเทียบไม่ได้หรอก”
เธออดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วในใจ คำพูดนี้แค่ฟังๆดูก็เหมือนว่าจะไม่มีอะไร แต่ว่าก็ทำให้เธอนั้นรู้สึกอึดอัดอยู่เหมือนกัน
“ไม่ใช่หรือยังไงล่ะ ท่านประธานลู่เป็นคนแบบไหน? พวกเรากล้าที่จะเกาะแกะเสียที่ไหน เรื่องๆนี้ พวกเรานั้นนับถือคุณหนูโม่ที่สุดเลยล่ะค่ะ” หญิงสาวในชุดสีดำที่อยู่ๆข้างๆพูดต่อ
โม่โยวไม่ได้ว่าอะไร เธอเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองนั้นควรพูดอะไร ไม่ใช่เพียงเท่านี้ แม้แต่ความหมายที่คนพวกนี้กำลังพูดเธอเองก็ยังไม่เข้าใจ เงียบๆไปเสียดีกว่า
เหล่าหญิงสาวเห็นว่าเป็นแบบนี้ ก็เอาแต่ส่งสายตาให้กัน หญิงสาวคนแรกในชุดสีแดงก็หัวเราะแล้วว่าขึ้น
“คุณหนูโม่ คุณอย่าใส่ใจไปเลยนะคะ งานเลี้ยงน่ะ ก็คือกินๆแล้วก็คุยๆกัน จริงสิ พวกเรานั้นรบกวนคุณใช่ไหมคะ?”
โม่โยวยิ้มออกมาอย่างมีมารยาท ส่ายหน้า “เปล่าค่ะ ตามสบายเถอะ”
แป๊บหนึ่ง หญิงสาวอีกคนที่อยู่ในชุดสีขาวก็พูดออกมาด้วยความอดรนทนไม่ไหวอีกแล้ว “คุณหนูโม่ เจอหน้ากันก็ถือว่าเป็นพรหมลิขิต คุณนั้นทำยังไงให้ได้ลู่จิ้นยวนมาไว้ในมือ บอกกับพวกเราสาวๆหน่อยดีไหมคะ?”
อะไร?
โม่โยวมองพวกเธอด้วยใบหน้างุนงง รู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อยกับคำพูดที่ออกมาจากปากที่ว่าได้มาไว้ในมือ พวกหญิงพวกนี้ตกลงแล้วคิดจะทำอะไรกันแน่?
เพราะว่าตำแหน่งในโซนพักผ่อนเป็นโซฟาสี่ตัวบวกกับโต๊ะคริสตัลที่ตั้งตรงกลางอีกหนึ่ง นำมาจัดวางแต่ไม่ได้ตามรูปแบบ มียี่สิบสามสิบกลุ่ม
ยังไม่ทันได้รอให้เธอนั้นเข้าใจ โต๊ะข้างๆก็มีเสียงที่แหลมและกระดากหูมากๆดังขึ้น “หึ คนประเภทเดียวกัน ก็มักจะจับหลุ่มอยู่ด้วยกัน ดูไปแล้ว พวกจิ้งจอกเจ้าเล่ห์น่าไม่อายพวกนี้ถูกฟักแล้วสินะ”
โม่โยวมองไป โต๊ะข้างๆสองโต๊ะนั้นเป็นคนอายุประมาณสี่สิบห้าสิบนั่งอยู่ราวๆเจ็ดแปดคน ผู้หญิงที่แต่งตัวแบบคนรวย ประโยคนี้ ก็คือคำพูดที่ออกมาจากปากของหนึ่งในคุณนายตรงนี้
เธออดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว ถ้าคิดไม่ผิดแล้วล่ะก็ คำพูดที่ตอบกลับอีกฝ่ายอย่างไม่เกรงใจ คงเป็นโต๊ะตัวเอง ตัวเองนั้นไม่ได้รู้จักกับคนพวกนี้เสียหน่อย ที่พูดนี่คงไม่ใช่เธอใช่ไหม?
โม่โยวคิด มองไปยังผู้หญิงพวกนี้ที่อยู่ๆก็โผล่มา